ซีรีส์ไทยสไตล์ลิมิเต็ด “Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย” นำเสนอเรื่องราวที่เจาะลึกวงการมวยไทยจากมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนได้ขึ้นติดอันดับ 10 ซีรีส์ยอดฮิตในประเทศไทย และได้รับการยกย่องว่าเป็น “ซีรีส์ไทยคุณภาพจาก Netflix”
การสร้างซีรีส์ที่กล้าเข้าไปล้วงลึกในวงการมวยไทยนี้ ต้องผ่านการต่อสู้และการเจ็บปวดจากทั้งผู้กำกับ แชมป์ กิตติชัย วรรณ์ประเสริฐ และโปรดิวเซอร์ นิ้ง-ภัทนะ จันทร์เจริญสุข ที่จะมาเปิดเผยเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน



ทำไมต้องเลือก “มวยไทย”
“แนวคิดในการทำซีรีส์เกี่ยวกับมวยไทยเริ่มต้นจากครอบครัวของคุณนิ้งที่เคยทำค่ายมวยมาก่อน โดยคุณนิ้งได้เห็นว่าในวงการนี้ยังมีเรื่องราวที่คนภายนอกอาจไม่รู้ และอยากจะถ่ายทอดเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง ด้วยความที่เป็นเรื่องไกลตัวจึงต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปีในการค้นคว้าและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจากวงการมวยถึง 40 คน ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำพาร์ตสัมภาษณ์” แชมป์กล่าว โดยเมื่อได้ข้อมูลที่ลึกซึ้งและชัดเจนแล้ว ทั้งสองก็เริ่มเขียนบทและพัฒนาโปรเจ็กต์นี้ทันที



การรวมตัวของนักแสดงชั้นนำที่ไม่คาดคิด
อีกหนึ่งจุดสำคัญในการถ่ายทำคือการเลือกนักแสดงที่เหมาะสม โดยในซีรีส์นี้ได้รวบรวมกลุ่มนักแสดงคุณภาพที่ทุกคนอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน เช่น ปู-วิทยา ปานศรีงาม, ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม, เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และ ต๊อก-ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ และยังมีดาวรุ่งอย่าง นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต ที่มารับบทตัวแทนของผู้คนในและรอบเวทีมวย
“เราเลือกนักแสดงจากบทบาทที่เราตั้งใจจะเขียนไว้ และคัดสรรผู้ที่เราคิดว่ามีภาพลักษณ์ตรงกับตัวละคร ตอนแรกทีมงานมองว่า ควรให้คุณปู, คุณปีเตอร์, คุณเอก มาเป็นตัวเลือกหลัก ซึ่งทีมแคสติ้งก็พยายามหาคนที่คล้ายกัน แต่ยังไม่ตรงตามที่ต้องการ จนติดต่อคุณปูให้มาเล่นและเขาบอกว่าเขาสนใจ พอเขาเข้ามา ทีมงานเลยเริ่มคิดใหม่ และติดต่อทุกคนที่เราเคยคิดไว้มาแสดงกันทั้งหมด”


แชมป์เปิดเผยว่าในการคัดเลือกนักแสดงที่เป็นนักมวย ทีมงานได้ทดลองสองวิธี ได้แก่ การเลือกนักแสดงมาฝึกมวย และการนำเอานักมวยตัวจริงมาฝึกการแสดง ปรากฏว่าเมื่อใช้วิธีแรกทำให้ซีรีส์ขาดความสมจริงในแง่ของลีลาการชก จึงตัดสินใจเลือกวิธีที่สอง จนพบ ภู-ภูริภัทร พูลสุข นักมวยตัวจริงที่มีประสบการณ์แสดง และวิธีนี้ใช้กับนักมวยคนอื่นๆ ในเรื่องเช่นกัน เมื่อได้ตัวนักแสดงครบแล้ว จึงจัดเวิร์กชอปการแสดงเพื่อให้ทุกคนสามารถถ่ายทอดบทบาทได้อย่างลึกซึ้งก่อนเริ่มการถ่ายทำ สำหรับพาร์ตสัมภาษณ์เลือกจากผู้เชี่ยวชาญในวงการมวยที่ได้ข้อมูลในช่วงการทำรีเสิร์ช

การเล่าเรื่องที่น่าสนใจและลงตัว
หนึ่งในสิ่งที่ได้รับการพูดถึงมากไม่แพ้เนื้อเรื่องคือเทคนิคการเล่าเรื่องที่ใช้กลวิธี “ถล่มหมัดถล่มแข้ง” ซึ่งถูกนำมาใช้ทั้งในพาร์ตซีรีส์และการสัมภาษณ์ นิ้งเล่าว่าเป็นแนวคิดของแชมป์ที่ต้องการให้ตัวละครแต่ละตัวมีมิติ และเรื่องราวที่ชัดเจน จึงมุ่งเน้นเล่าเรื่องของตัวละครแต่ละตัวโดยให้แต่ละคนมีบทบาทและความเข้มข้นเป็นของตัวเอง รวมถึงเชื่อมโยงส่งผลกระทบต่อตัวละครอื่นๆ ด้วย แม้บางตอนอาจดูเหมือนเหตุการณ์จะทับซ้อนกัน แต่เมื่อผู้ชมดูจนจบทั้ง 4 ตอน พวกเขาจะสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างชัดเจนทันที
สัมผัสความละเอียดและการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง ก่อนที่ซีรีส์ Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย จะขึ้นสตรีมมิง ร่วมสัมผัสความเดือดและความสมจริงในซีรีส์ไทยคุณภาพที่สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ที่ Netflix เท่านั้น!