ถนน “ยมจินดา” ในจังหวัดระยอง เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักถามหาผ่านกระทู้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ของ ททท.ระยอง โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวสวนผลไม้ประจำปีที่คนมักสงสัยว่า ที่ไหนน่าสนใจไปเยือนบ้าง?
วัชรพล สารสอน ผอ.จึงเล่าถึงประวัติของถนนนี้ว่า สร้างขึ้นในสมัยพระยาศรีสมุทโภคไชยโชคชิตสงคราม ยาว 800 เมตร นามเดิมว่า “เกตุ ยมจินดา” ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเมืองคนแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อก่อนเป็นศูนย์กลางการค้าของจีน มีโรงสีข้าว โรงภาพยนตร์ โรงไฟฟ้า อู่ต่อเรือ และบ้านพักของเจ้านายหลายระดับ แต่ปัจจุบันเหลือแค่บ้านเรือนไม้ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามไม่กี่หลัง
“ดัดแปลงเป็นคาเฟ่สไตล์ใหม่ สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว”

“คุณชาย3” บอกเสริมว่า ถนนสายนี้ไม่ต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวแนววินเทจยอดฮิต อย่างตลาดสามชุก 100 ปี โบ้เบ้เชียงคาน หรือปากน้ำโพ ซึ่งฮอตสุดๆ และในตอนนี้ก็เลยอยากลองไปเที่ยวที่ย่านนี้ดูบ้าง
ในที่สุดก็ได้มาเยือนจนถึงหน้าห้องแถวไม้โบราณริมถนนยมจินดา ห่างจากปากซอยตัดถนนตากสินประมาณ 700 เมตร และอยู่ใกล้ศาลเจ้าโจวซือกง มูลนิธิสว่างพรกุศล ด้านหน้าของเรือนนั้นมีการตกแต่งด้วยลายลูกไม้ติดที่หีบ เมลบ็อกซ์ และโชว์กาน้ำชุดชากาแฟ พร้อมโคมไฟจีนและรถสามล้อตุ๊กๆ ที่มีความเก่าแก่ แถมยังมีป้ายร้านพยางค์เดียว... “เชย” ปรากฏอยู่บนคานประตูกับคำว่า “วิถีไทย วิถีเชย พุทธศักราช ๒๕๕๑”
@@@@@@
บรรยากาศภายในร้านทำให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปกับปิ่นโตเก่าหรือถังบรรจุลูกอมที่เคยใช้สมัยเด็ก ตุ๊กตาโกโมะ โดนัลด์ ดั๊ก โดราเอม่อน และกระป๋องออมสิน ล้วนเป็นของเล่นที่สร้างความทรงจำในยุคหลังสงคราม นอกจากนี้การตกแต่งยังมีความผสมผสานอย่างลงตัวกับภาพความคลาสสิกจากปี 2420 เมื่อถนนสายนี้เริ่มก่อสร้าง พร้อมมุมเคาน์เตอร์ที่ตั้งตู้เก็บผงชากาแฟเพื่อการชงที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยบริการจากหญิงสูงวัยเพียงลำพัง เช่นเดียวกับร้านอิซากายะในชุมชนญี่ปุ่นหลังสงคราม
ลูกค้าที่มานั่งในร้านนี้ไม่ธรรมดาเลย... ส่วนใหญ่จะเป็นหมอหนุ่มสาวในชุดกาวด์ เพราะร้านตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล อีกกลุ่มหนึ่งก็เป็นผู้เกษียณที่มานั่งทานอาหารในกลุ่มสังสรรค์ ส่วนลูกค้าที่ตามมาก็จะเป็นนักท่องเที่ยวจากพัทยา และจากเมืองหลวงที่เดินทางมาชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของภาคตะวันออก

เมื่อได้พบกับ “จักร” จักรพงษ์ นนทจันทร์ เจ้าของกิจการวัย 44 ปี และ “จิ๊บ” อรวรรณ เรือน กุลนา คู่รักที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว จากการพูดคุยทำให้รู้ว่าเขามาจากเขลางค์นคร ก่อนจะทำงานเป็นช่างไฟฟ้าที่ ปตท. ระยอง และเข้ามาเป็นเขยในพื้นที่นี้ “ร้านเชยเริ่มต้นในปี 2551 จากบ้านเก่าที่ขายของมือสอง เจ้าของใจดีให้เช่าต่อเดือนละหมื่น และมาช่วยดูแลบ้านในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา ย่านนี้มีชุมชนจีนมากมาย เด็กๆ มักจะมาเรียนกับครูจีน และหลังเลิกเรียนพ่อแม่ก็พามาทานอาหารที่ร้านเชย ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสถานที่นัดพบและเลี้ยงรุ่นในหมู่เพื่อนฝูงที่เติบโตมาด้วยกัน”
“ตอนนี้จึงเปลี่ยนพื้นที่ชั้นสองให้เป็นห้องประชุมและจัดเลี้ยงได้ สามารถรับแขกได้พร้อมกัน 20 คน”

เกี่ยวกับที่มาของของเล่นในร้าน จักรเล่าว่า “ตอนเด็กๆ เป็นคนชอบสะสมของเล่น แต่ช่วงนั้นยังไม่มีเงินซื้อ พอมีรายได้ก็เริ่มสะสมเป็นความสุขเล็กๆ พอเปิดร้านเชยก็เลยคิดว่ามันจะดีถ้าเป็นจุดขายให้ครอบครัวที่พาลูกมาทานอาหาร เด็กๆ จะได้เล่นของเล่นแทนการใช้มือถือหรือการงอแงขอกลับบ้าน”
จิ๊บมองว่า จักรได้ทำสิ่งที่คนยุคนี้เรียกว่า ‘ซ่านล้าสมัย’ จึงเลือกตั้งชื่อร้านว่า ‘เชย’ ไปเลย!
@@@@@@
เมื่อถึงตอนอาหาร จักรเผยว่า ได้วิชาจากพ่อแม่ที่เคยขายอาหารในตลาดเกาะคา จังหวัดลำปาง แล้วนำมาปรับรสชาติให้เผ็ดร้อนตามลักษณะของคนในพื้นที่ “แต่จะไม่ทำให้หวานเกินไปเพื่อสุขภาพของลูกค้า ชากาแฟก็ไม่เติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ข้าวผัดก็จะเพิ่มเครื่องเทศให้มีรสชาติที่เข้มข้นและหอม”
ลองชิมเมนูแรกจากฝีมือพ่อครัวช่างไฟฟ้าเมืองรถม้า ที่คนยองคุ้นเคยกันในชื่อ ‘ต้มโจ’ แต่ที่ร้านเชยเขียนในเมนูว่า ‘ต้มโจทะเล’ ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นคอนเทนต์เดียวกับ ‘ต้มยำทะเลน้ำใส’ เพียงแค่ใส่ผักกาดดองเข้าไปคล้ายกับตือฮวน ซึ่งหากินได้ทั่วไป โดยนิยมใช้หมูสับและเครื่องในหมูเป็นหลัก

“แต่ที่ร้านเชยใช้วัตถุดิบสดๆ จากทะเล มีกุ้งและหมึกเป็นส่วนหลัก พร้อมใส่กะเพราเพิ่มความหอมแบบแปลกใหม่ เน้นรสเปรี้ยวจากมะนาวและผักกาดดอง และเค็มพอเหมาะจากน้ำปลาตามสูตรต้มยำไทย”
คุณชายซดน้ำต้มยำร้อนๆ ด้วยเสียงซู้ดซ้าด ก่อนจะโซ้ยกุ้งสลับกับหมึกสด พยักหน้ารับอย่างพอใจ “เอาได้” แบบคนยอง ที่หวานชิลล์โดยธรรมชาติ และรสเผ็ดจากพริกแดงจินดาสดและพริกเผาโรยหน้าลำขนาด...เมนูถัดไปคือ ‘ผัดงอแงทะเล’ ที่คนผัดจะงอแงหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ใช้กุ้งและหมึกสดเป็นวัตถุดิบหลัก ไม่รู้สึกเชยเลย เพราะใส่หมูกรอบและกุนเชียงหมูเข้าไปด้วย”
ผัดสไตล์แต้จิ๋ว แล้วเหยาะซอสเต้าหู้ที่ปรุงเองที่เตรียมไว้ เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากหนังไทยดราม่าซีรีส์ฮังเกอร์ “คนหิว เกมกระหาย” ซึ่งติดอันดับโกลเบิล ท็อปเท็น 10 ฟิล์ม ของเน็ตฟลิกซ์เมื่อปีที่ผ่านมา
ขอชิมเมนูนี้โดยไม่ต้องพูดถึงว่าเคยทานอาหารแต้จิ๋วมาก่อน รสชาติครบเครื่องและดีเยี่ยม... อีกเมนูที่คนชั้นกรรมาชีพไทยนิยมเรียกว่า ‘อาหารประเภทสิ้นคิด’ ที่ทำง่ายและกินง่าย คือ ข้าวผัดกะเพราหมูเนื้อโปะไข่ดาว ซึ่งร้านเชยตั้งชื่อใหม่ให้เก๋ว่า ‘กะเพราโจร’ สร้างความน่าสนใจและร้อนแรงโดยใช้กระชายผัดคู่กะเพรา สูตรนี้น่าลองมาก อีกเมนูที่กินแล้วเชื่อว่าจะเป็นมงคลคือ ‘หมูเฮงๆ’ ซึ่งใช้หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน

หรือจะเลือกเป็น “กุ้งเฮงๆ” กับ “ปลาเฮงๆ” ก็เข้าท่าดี พาเหรดมาต่อด้วย “กุ้งเฮงๆผัดซอสมะขาม” ที่ไม่สั่งถือว่าพลาด...สุดๆ ตามติดมาอย่างกระชั้นด้วย “ผัดไทยหมูแดงกากหมู” และ “ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา” ที่กินกับข้าวสวย...อร่อยล้ำไม่รู้ลืม และที่ต้องบอกว่าเมนูอื่นๆ ยังมีอีกเพียบที่ไม่ควรพลาด
มาถึงของหวานแนะนำให้ลองปังเย็นชาไทยทานคู่กับโรตีวิปปิ้งฝอยทอง พร้อมอเมริกาโน่น้ำส้มหรือชากาแฟโบราณ... ราคาทุกอย่างเริ่มต้นที่ 60 บาท สูงสุดที่ 150 บาท ร้าน “เชย” เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้า ปิด 2 ทุ่มครึ่ง หยุดเฉพาะเสาร์หรืออาทิตย์สุดท้ายของเดือน สามารถสำรองโต๊ะได้ที่เบอร์ 09-5497-6949 หรือ 08-1715-3696
...ถ้ามาไม่ถึงร้านนี้ระวังจะถูกบูลลี่ว่า “เชย” กันเลยนะครับ!
คุณชาย 3
คลิกอ่านคอลัมน์ "คุณชาย ตะลอนชิม" เพิ่มเติม