ครั้งหนึ่งเคยชวนลูกสาวตัวน้อยมาช่วยนวดแป้งทำโรตีที่บ้าน คิดว่าไม่น่าจะยากอะไร แค่ผสมแป้งกับไข่แล้วบีบๆ นวดๆ ไม่กี่ทีก็ได้กิน แต่พอเริ่มทำจริงๆ พ่อกับลูกก็สนุกไปตามระเบียบ จนเวลาผ่านไป ลูกเริ่มเบื่อเพราะนวดแป้งเท่าไหร่ก็ไม่เป็นก้อน สุดท้ายก็หันไปเล่นของเล่นแทน ส่วนผมยังคงนวดแป้งต่อไปจนเริ่มรู้สึกปวดแขน ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง แป้งก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง คิดในใจว่า ต่อไปคงไม่ขอให้คนขายโรตีใส่นมเยอะๆ อีกแล้ว เพราะการนวดแป้งมันใช้พลังเยอะมาก สรุปแล้ววันนั้นใช้เวลานวดเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะได้แป้งเนียนๆ เลยแนะนำว่าไปหาโรตีร้านอร่อยๆ ทานจะดีกว่า

ในสัปดาห์นี้ “คุณชายตะลอนชิม” “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “มุนา โรตี-ชา” ของคุณมุนา–พัสตราภรณ์ เจิมขวัญ อายุ 44 ปี และคุณซอล–บัญชา สุขวิจิตร์ อายุ 49 ปี สองสามีภรรยา ร้านตั้งอยู่ที่ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ฝั่งบางศรีเมือง ใกล้สะพานเจษฎาบดินทรานุสรณ์ บริเวณด้านหน้าร้านมีโซนทำโรตีที่เปิดให้บริการทั้งการนวดแป้งและทอดโรตีสดใหม่ทุกวัน ท่าทางการสะบัดแผ่นแป้งบนโต๊ะเสียงดังพั่บๆ ขยายแป้งให้บางก่อนที่จะม้วนแป้งเข้าหากันแล้วกดขยายแป้งออกไปทอดบนกระทะ กลิ่นหอมจากเนยและสีเหลืองเกรียมของแป้งชวนให้น่าทาน เมื่อโรตีเสร็จแล้วจะถูกตบเพื่อให้แป้งนุ่มและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ทานได้ทั้งกับแกงหรือจะทานเล่นก็อร่อยไม่แพ้กัน
“นวดแป้งโรตีใช้เวลานานไหมครับ” ผมถามเพื่อทดลองทักษะของตัวเอง ชายวัยกลางคนที่ยิ้มแย้มอยู่หลังเตาโรตีตอบว่า “ผมนวดแป้งครั้งละ 1 กิโลกรัมภายใน 1 ชั่วโมง นวดได้ 10 กิโล พี่ลองจัดเวลาดู” คำตอบนี้ทำให้ผมที่เคยนวดแป้ง 1 กิโลกรัมใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ต้องยืนนิ่งไปเลย

เมื่อเดินเข้าไปในร้านจะพบกับห้องแอร์เย็นสบาย คุณซอลเจ้าของร้านกำลังโชว์ท่าชักชาของชาอย่างคล่องแคล่ว น้ำชาสีส้มอมน้ำตาลอ่อนถูกเทจากเหยือกด้านบนลงสู่เหยือกด้านล่างสลับกันไปมา ซ้ายที ขวาที อย่างต่อเนื่อง น้ำชาไหลตกลงจากที่สูงด้วยแรงโน้มถ่วงโลก และเกิดฟองนุ่มๆ บนผิวน้ำ แค่เห็นท่าทางนี้ก็ทำให้อยากลองดื่มชาชักดับร้อนสักแก้ว เมื่อดื่มน้ำชาไปเพียงแค่ครั้งแรก รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที กลิ่นหอมและรสชาติหวานกลมกล่อม ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย


จานเด็ดแรกที่ต้องลองคือ “โรตีมัสมั่นเนื้อ” ที่ทำให้ผมติดใจไม่หยุด ความอร่อยเริ่มจากแป้งโรตีที่กรอบนอก นุ่มใน ทานกับแกงมัสมั่นเนื้อที่รสชาติเข้มข้น แค่ชิมแกงก็สามารถได้กลิ่นหอมของเครื่องพริกแกงที่ลอยขึ้นมาอย่างชัดเจน เนื้อเคี่ยวจนเปื่อยนุ่มแต่ไม่ยุ่ยเกินไป การทานคู่กับโรตีจึงเป็นการผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ทั้งมันหั่นเต๋าที่นุ่มละลายและแครอทหั่นเต๋า รสชาติกลมกล่อมและคุ้มค่าเกินราคา แค่ตักน้ำแกงซดเล่นๆ ก็หมดถ้วยอย่างรวดเร็ว

อาหารมุสลิมที่ขาดไม่ได้คือ “ข้าวหมก” ซึ่งมีให้เลือกสองแบบคือ ข้าวหอมและข้าวบาสมาติของชาวอาหรับ พร้อมกับไก่ชิ้นใหญ่ที่เนื้อนุ่มเลือกได้ทั้งไก่ต้มและไก่ทอด น้ำจิ้มสามรสหวาน เปรี้ยวและเผ็ด ครบรสชาติ จากนั้นลิ้มลอง “ซุปเนื้อ” ร้อนๆ ซดคล่องคอ เนื้อตุ๋นชิ้นใหญ่ที่เคี่ยวจนได้รสสัมผัสที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเอ็นวัวที่ใหญ่ยักษ์เต็มคำ เพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกาย หลังจากนั้นค่อยปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง “โรตีมะพร้าว” ที่แป้งโรตีโรยนมข้นหวานและน้ำตาลทราย พร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อนที่ให้รสหวานและความกรอบนอกนุ่มใน นอกจากนี้ยังมีความหนึบๆ ของมะพร้าวอ่อนในทุกคำ ใครมาถึงร้านนี้ต้องลองจานนี้เลย
คุณซอลเล่าว่า “ร้านมุนา โรตี–ชา เป็นร้านอาหารมุสลิมที่ยกระดับขึ้นมาให้ทุกคนมาทานได้โดยไม่รู้สึกเกร็ง การตกแต่งร้านใช้ของสะสมโบราณให้บรรยากาศผ่อนคลาย สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้า ร้านนี้เริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อนจากคำสัญญากับแม่ที่กำลังรักษาด้วยคีโมว่า ถ้าผ่านการรักษาครบ 4 ครั้ง ผมจะเปิดร้านอาหารให้ เพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับโรคมะเร็งแม่ของผมซึ่งเป็นคนชุมพรขายอาหารมาตลอดชีวิต การรักษาของแม่สำเร็จไปได้ด้วยดีจนเปิดร้านนี้ตามสัญญา ช่วงแรกมีลูกค้ามากมาย แม่ก็ค่อนข้างเหนื่อยมาก แต่แล้วมุนา ภรรยาผู้ไม่เคยทำอาหารมาก่อน ได้อาสาเรียนสูตรอาหารจากแม่ ด้วยความตั้งใจและความพยายาม ทำให้มุนาสามารถปรุงอาหารทุกจานได้อย่างยอดเยี่ยม”

“สูตรและรสชาติของอาหารทั้งหมดที่ร้านจะยึดหลักสูตรของแม่เป็นหลัก เพราะรสชาติอาหารของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเผ็ด บางคนชอบเปรี้ยว เราจึงยึดสูตรของแม่เป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติอาหารดั้งเดิม ผ่านฝีมือการปรุงของมุนา ถ้าลูกค้ากลับมาทานอีกครั้งแสดงว่ารสชาติตรงใจพวกเขา วิธีคิดแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจและมีความสุข เพราะลูกค้าชื่นชอบในสิ่งที่เราทำ”

“เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน คือ โรตี ซึ่งผมได้เลือกให้มีคนเดียวในการนวดแป้งมาตั้งแต่เริ่มต้นร้าน เมื่อก่อนผมเคยลงทุนซื้อเครื่องนวดแป้งราคา 20,000 กว่าบาท แต่ใช้แค่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพราะแป้งที่ได้จากเครื่องไม่อร่อยเท่าการนวดแป้งด้วยมือ ซึ่งช่วยให้แป้งมีความนุ่ม นวล และอร่อยกว่ามาก ร้านของเราใช้แป้งสด ทอดสดทุกวัน ใช้แป้งโรตีวันละ 20 กิโลกรัม หากวันนี้ขายหมดก็ไม่มีการทำเพิ่ม วิธีการที่ผมยึดถือในการทำร้านคือ 1.ไม่โกหกตัวเอง 2.ไม่งก การไม่โกหกตัวเองหมายถึงการไม่เอาของเก่ามาขาย ส่วนการไม่งก คือ การไม่ใส่พริกแกงเพียงนิดเดียวทั้งที่ตำมาเยอะ คนกินรู้ครับ ร้านผมเปิดมา 8 ปี มันค่อยๆ ขึ้นมาตามกราฟ เพราะเราไม่เคยลดมาตรฐานความอร่อยของคุณแม่ ลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

“จากการทำร้านมานานถึง 8 ปี ผมเรียนรู้ว่าการเปิดร้านวันอังคารถึงวันศุกร์นั้นต้องใช้วัตถุดิบที่พอเหมาะเพื่อให้มีคุณภาพ อาหารต้องขายหมดพอเหมาะพอควร การแบ่งงานให้ชัดเจนทำให้ทุกคนในร้าน เช่น คนทำโรตี คนเสิร์ฟ คนเก็บโต๊ะ และคนเตรียมอาหาร ต่างมีความสุขในการทำงาน เพราะงานไม่หนักเกินไป แม้จะมีบุคลากรเยอะ แต่ผมเชื่อว่าการทำงานในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้ทุกคนมีเวลาไปดูแลครอบครัว และผมเชื่อว่าเมื่อเราทำดี เราก็จะได้บุญจากสิ่งดีที่ทำ ในโลกของมุสลิมนั้นพระเจ้ากำลังทดสอบเราอยู่ เราทำดีในโลกนี้เพื่อให้ได้ความดีในโลกหน้า ชาวมุสลิมเชื่อว่าโลกหน้าคือโลกจริง ดังนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องซีเรียสกับทุกสิ่งในโลกนี้ เพราะผมมีความสุข ลูกน้องมีความสุข และยังช่วยเหลือคนอื่น เช่น ไรเดอร์ที่ไม่มีเงินกินข้าว ผมก็ดูแลให้ฟรีๆ ทุกอย่าง นี่คือความสุขที่ได้จากการทำงานบนความถูกต้องของผม” คุณซอลกล่าวอย่างจริงใจ

คุณชายแป๊ะ
คลิกเพื่ออ่านคอลัมน์ "คุณชาย ตะลอนชิม" เพิ่มเติม