แกงขี้เหล็กหมูย่าง ปลาดุกผัดเผ็ดนัดพบ ปลากระเบนผัดเผ็ด จานเด็ดจากสวนอาหารนัดพบ
ในคอลัมน์ซันเดย์ สเปเชียลประจำสัปดาห์นี้ เราขอพาทุกท่านย้อนรอยประวัติศาสตร์ของ “เชลล์ชวนชิม” ที่มีอายุยาวนานถึง 50 ปี
“เชลล์ชวนชิม” ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งผู้จัดการแผนกส่งเสริมการขายและการโฆษณาของบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ในยุคที่บริษัทเชลล์เพิ่งเริ่มจำหน่ายแก๊สหุงต้มในประเทศไทย ขณะที่คนไทยยังนิยมใช้ถ่านและฟืนเป็นเชื้อเพลิงหลักในการปรุงอาหาร


นโยบายหลักที่ยึดถือมาตลอดคือการแนะนำร้านอาหารที่อร่อยได้มาตรฐาน บริการดี และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ไม่ว่าจะราคาถูกหรือแพงก็ไม่สำคัญ ขอแค่อร่อยเท่านั้น และที่สำคัญคือการแนะนำนี้เป็นบริการฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าตอบแทนใดๆ

คอลัมน์เชลล์ชวนชิมปรากฏเป็นครั้งแรกในหนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2504 โดยใช้นามปากกา “ถนัดศอ” ซึ่งมีที่มาจากคุณประหยัด ศ.นาคะนาท บรรณาธิการในขณะนั้น ที่ขอให้คุณประมูล อุณหธูป นักเขียนชื่อดังตั้งนามปากกาให้ โดยคุณประมูลเลือกใช้ชื่อ “ถนัดศอ” เพื่อเลียนเสียงชื่อของคุณประหยัด ศ.
ร้านอาหารที่ถูกแนะนำเป็นครั้งแรกในคอลัมน์เชลล์ชวนชิมมีสองร้าน ได้แก่ ร้านลูกชิ้นสมองหมู หรือลูกชิ้นห้าหม้อ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นรถเข็นอยู่ข้างกระทรวงมหาดไทย และร้านข้าวแกงลุงเคลื่อน หรือข้าวแกงมธุรสวาจา ที่ตั้งอยู่ใกล้กับก๋วยเตี๋ยวสมองหมู ลุงเคลื่อนมีฝีมือในการทำข้าวแกงที่อร่อย แต่ที่ได้สมญานี้เพราะคำพูดของลุงแต่ละคำนั้นลึกซึ้งจนไม่สามารถนำออกอากาศได้


โลโก้แรกเริ่มของ “เชลล์ชวนชิม” เป็นรูปหอยเชลล์และเปลวแก๊สที่พุ่งออกมา ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2525 ได้มีการเปลี่ยนโลโก้เป็นรูปชามลายครามลายผักกาด โดยลายผักกาดสื่อถึงอาหารการกิน ส่วนชามลายครามเป็นสัญลักษณ์ของความเก่าแก่และมีคุณค่า รวมถึงการกินดีกินอย่างมีวัฒนธรรม
คอลัมน์เชลล์ชวนชิมได้ตีพิมพ์ในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องมากว่า 14 ปี ก่อนจะย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสารฟ้าเมืองไทยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2518 และสุดท้ายได้ย้ายไปประจำอยู่ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์จนถึงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา “เชลล์ชวนชิม” โดย “ถนัดศอ” ได้ช่วยสร้างเศรษฐีมากมาย นโยบายของเชลล์ชวนชิมคือการให้การสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการกำหนดวันหมดอายุหรือการยึดคืนใดๆ ร้านที่รักษาคุณภาพและความอร่อยได้ดีจะยังคงมีลูกค้าแวะเวียนไปอุดหนุนอย่างคับคั่ง ส่วนร้านที่เปลี่ยนมือหรือคุณภาพลดลง ลูกค้าก็จะไม่กลับไปอีก ทำให้ร้านนั้นอยู่ไม่ได้ในที่สุด
มีข่าวลือว่าการได้ป้ายเชลล์ชวนชิมนั้นต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง โดยมีคนพูดถึงตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ขอยืนยันว่าตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีการเรียกเก็บเงินใดๆ หากชิมแล้วอร่อยก็จะเขียนแนะนำในคอลัมน์ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเก็บเงินจากร้านค้า เนื่องจากมีสปอนเซอร์สนับสนุนอยู่แล้ว

ส่วนที่ต้องจ่ายเงินคือค่าทำป้าย ซึ่งเจ้าของร้านอาหารสามารถเลือกแบบและขนาดได้ตามต้องการจากร้านรับทำป้าย ราคาค่าทำป้ายนี้เป็นไปตามที่ร้านกำหนด ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าลิขสิทธิ์ใดๆ เพิ่มเติม
ปัจจุบัน เมื่อบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด หยุดสนับสนุนงบประมาณแล้ว จะไม่มีการแนะนำร้านใหม่ภายใต้ชื่อ “เชลล์ชวนชิม” แต่จะดำเนินการต่อในชื่อ “ถนัดศรีชวนชิม” และยังคงตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์เช่นเดิม โดยในช่วงแรกจะเป็นการทบทวนร้านเก่าๆ ที่ยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานไว้ได้ดี เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าร้านอร่อยเหล่านั้นอยู่ที่ไหนบ้าง


แน่นอนว่า “ถนัดศรีชวนชิม” จะเน้นที่รสชาติและคุณภาพของอาหารเป็นหลัก และไม่มีการเรียกเก็บเงินจากร้านค้าใดๆ เนื่องจากมีผู้สนับสนุนคือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน “PT” หรือที่รู้จักกันในชื่อปั๊มสีเขียว ซึ่งมีสาขากว่า 400 แห่งทั่วประเทศไทย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแฟนๆ ที่ติดตามคอลัมน์นี้มาตลอดจะยังคงให้การสนับสนุนและติดตาม “ถนัดศรีชวนชิม” อย่างต่อเนื่องนะครับ
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์