'หลาม' คือการใส่เนื้ออาหารหรือสมุนไพรลงไปในกระบอกไม้ไผ่แล้วนำไปเผาให้สุก ตัวอย่างเช่น การใส่เนื้อปลาลงในกระบอกแล้วเผาเรียกว่า 'ปลา หลาม' หรือใส่สมุนไพรแล้วเผาจนสุกเรียกว่า 'ยา หลาม' หรือการใส่ข้าวเหนียว น้ำกะทิ และถั่วดำในกระบอกไม้ไผ่แล้วเผา เรียกว่า 'ข้าวหลาม' ข้าวหลามมีความคลาสสิกในวงการอาหารไทยมานาน มีภาพถ่ายในช่วงรัชกาลที่ 5 ขณะเสด็จไปพระปฐมเจดีย์ในจังหวัดนครปฐม โดยมีข้าวหลามขายอยู่สองข้างทาง ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าข้าวหลามมีประวัติยาวนานมาหลายยุคสมัยและยังคงรักษาความอร่อยได้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีการดัดแปลงในปัจจุบัน ข้าวหลามแบบดั้งเดิมยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะรสชาติกลมกล่อม ทำให้หลายคนติดใจ แม้แต่ในยุคปัจจุบันที่ร้านขายข้าวหลามมีมากมาย ข้าวหลามลุงเสน่ห์ในเพชรบุรีเป็นตัวอย่างที่ยังคงใช้วิธีการทำแบบโบราณอย่างพิถีพิถัน

คุณลุงเสน่ห์เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำข้าวหลามประจำจังหวัดเพชรบุรี เขาทำข้าวหลามมานานตั้งแต่รุ่นแม่และยังคงสืบทอดการเผาข้าวหลามต่อไปจนถึงทุกวันนี้ ทุกวันลุงเสน่ห์ไม่มีหน้าร้าน แต่เขาจะเดินทางไปขายข้าวหลามตามงานต่างๆ โดยเฉพาะงานสำคัญของจังหวัดที่มักจะมีลูกค้าประจำตามไปหม่ำอย่างต่อเนื่อง
'สูตรข้าวหลามของลุงได้รับมาจากแม่ที่ขายข้าวหลามมานานแล้ว ลุงเริ่มช่วยแม่ตั้งแต่อายุ 30 จนตอนนี้ก็ 70 ปีแล้ว ข้าวหลามที่ลุงทำก็ขายมาตลอด' ลุงเสน่ห์เล่าด้วยความภาคภูมิใจ
ข้าวหลามที่ลุงเสน่ห์ทำจะใช้ข้าวเหนียวคุณภาพดี ทั้งข้าวเหนียวเขี้ยวงู ข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำ ทุกเมล็ดจะถูกล้างให้สะอาดหลายรอบและแช่ไว้ทั้งคืนเพื่อให้ข้าวเหนียวนุ่มพอดี ไม่แข็งหรือเละเกินไป
ข้าวหลามของลุงเสน่ห์มีให้เลือกสองแบบคือ ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ ทั้งสองรสชาติกลมกล่อมและอร่อยจนไม่สามารถหยุดทานได้


การทำข้าวหลามไม่ใช่แค่การคัดข้าวเหนียวให้ดีเท่านั้น น้ำกะทิก็ต้องพิถีพิถัน ทำจากกะทิสดทุกวันและปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทรายให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม 'แต่ก่อนลุงชอบปรุงหวาน แต่เดี๋ยวนี้คนไม่ชอบหวานกันมาก ก็เลยลดน้ำตาลลง' ลุงเสน่ห์เล่า
อีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ข้าวหลามลุงเสน่ห์มีรสชาติที่แตกต่างคือถั่วดำที่คัดเลือกมาอย่างดี นำมาต้มจนสุกแล้วคลุกกับข้าวเหนียวที่ซาวจนสะอาด ก่อนจะกรอกใส่กระบอกไม้ไผ่เตรียมเผา

ปัจจุบันการหาไม้ไผ่มาทำข้าวหลามเป็นเรื่องยากมาก ลุงเสน่ห์ต้องสั่งไม้ไผ่จากพม่าและบางส่วนจากกาญจนบุรี ไม้ไผ่ที่นำมาจะต้องขนข้ามน้ำข้ามถนนหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้กระบอกไม้ไผ่ที่สมบูรณ์ ลุงต้องตัดไม้ให้พอดีกับขนาดของการเผา
กระบอกไม้ไผ่มีหลายขนาด ลุงเสน่ห์ตั้งราคาแตกต่างกันตามขนาด หลังจากตัดไม้ให้ได้ขนาดแล้ว จึงกรอกข้าวเหนียวและน้ำกะทิในปริมาณที่พอเหมาะ โดยใช้ความชำนาญในการตัดสินใจว่าใส่มากหรือน้อยเพียงใด
ทุกครั้งที่ทำข้าวหลาม ลุงเสน่ห์จะแสดงให้เห็นการกรอกข้าวเหนียวและน้ำกะทิอย่างละเอียด การเผาข้าวหลามจะมีกลิ่นหอมของไม้ไผ่และกะทิที่เผาอย่างลงตัว เป็นกลิ่นที่ยั่วยวนใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านอยากลองชิม

สำหรับผู้ที่อยากลิ้มรสชาติหอมหวานมันของข้าวหลามลุงเสน่ห์ อย่าลืมไปที่งานสัปดาห์วันเกษตรกรแห่งชาติ ประจำปี 2554 ที่อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ลุงเสน่ห์จะเปิดแผงขายข้าวหลาม ตั้งแต่วันที่ 11-16 พฤษภาคม 2554 ที่สนามตรงข้ามโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ หากมาไม่ถูกที่ โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 08-9259-3407 ลุงเสน่ห์จะเริ่มขายตั้งแต่เช้าจนกว่าของจะหมด แผงขายของลุงเสน่ห์จะอยู่ใกล้ประตูทางเข้า หาไม่ยาก ถ้ามาที่นี่แล้วอยากได้ข้าวหลาม อาจถามคนแถวนั้นได้เลย
เจ๊แซบ หัวเขียว