เปิดโลกธุรกิจเบนโตะของ "ทัตสึโอะ ชิโออิ" เจ้าพ่อธุรกิจอาหารกล่องญี่ปุ่น

สูตรลับอร่อยเร็ว เสิร์ฟร้อนทุกจาน ใส่ใจทุกรายละเอียดของข้าวทุกเม็ด

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต้องแข่งกับเวลาของคนญี่ปุ่น ธุรกิจอาหารกล่องจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ Hotto Motto ในเครือบริษัท เพลนัส จำกัด (มหาชน) กลายเป็นผู้นำธุรกิจอาหารกล่องเบนโตะในญี่ปุ่น ด้วยสาขากว่า 2,400 สาขาทั่วประเทศและยอดขายปีละหลายแสนล้านเยน พร้อมครองใจผู้คนมาอย่างยาวนาน ด้วยการยึดมั่นในปรัชญาที่ลูกค้าคืออันดับหนึ่งเสมอ!!

ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในธุรกิจอาหารกล่องแล้ว เมื่อ 23 ปีก่อน บริษัทเพลนัสยังได้ขยายสู่ธุรกิจร้านอาหารแบบเสิร์ฟร้อน อร่อยเร็ว และคุ้มค่า ภายใต้ชื่อ ยาโยอิ เคน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ขยายไปถึง 190 สาขาทั่วประเทศ โดยฝีมือของประธานบริหารบริษัท เพลนัส จำกัด (มหาชน) “มร.ทัตสึโอะ ชิโออิ” ทายาทรุ่นที่สี่ของตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในภูมิภาคคิวชู เกาะใหญ่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น

ทีมข่าวสตรี Mytour ได้รับเกียรติจากค่ายเอ็มเค อินเตอร์ฟู้ด จำกัด ผู้นำเข้าแฟรนไชส์ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นในประเทศไทย “ยาโยอิ” โดยการนำของ “คุณยุพิน ธีระโกเมน” เดินทางไปเยือนบ้านเกิดของ “ยาโยอิ เคน” ที่จังหวัดฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อร่วมฉลองความสำเร็จครบรอบ 6 ปีของยาโยอิในประเทศไทย และมุ่งสู่การเปิดสาขา 100 สาขาภายในปีหน้า นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมโรงงานและสำนักงานใหญ่ในฟูกุโอกะ พร้อมทั้งสัมภาษณ์พิเศษกับ “ท่านประธานทัตสึโอะ” ที่เปิดใจแชร์วิสัยทัศน์และความฝันในการขยายตลาดอาหารญี่ปุ่นไปทั่วโลก

คุณยุพิน : ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองเริ่มต้นจากการร่วมมือทำธุรกิจ บริษัทเพลนัสได้ซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารเอ็มเคและปรับปรุงใหม่ให้เป็นสไตล์ชาบู-ชาบู พร้อมเสิร์ฟติ่มซำในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยคุณทัตสึโอะรับตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทเพลนัส เอ็มเค ญี่ปุ่น ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี ปัจจุบันมี 29 สาขาทั่วญี่ปุ่นและตั้งเป้าในอีก 2 ปี จะขยายไปให้ครบ 50 สาขา เราทั้งสองทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานานจนกลายเป็นพี่น้องที่ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง

ทัตสึโอะ : เริ่มต้นจากความเชื่อมั่นในเอ็มเค เรารู้จักกันมานาน และผมมั่นใจว่า หากบริษัทเพลนัสจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศ “เอ็มเค” คือตัวเลือกแรกที่เราจะเลือกเป็นพันธมิตร และเราก็ไม่ผิดหวัง เพราะ “ยาโยอิ ประเทศไทย” สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 6 ปี ก็เปิดได้ถึง 75 สาขาแล้ว และมีเป้าหมายจะเปิดครบ 100 สาขาภายในปีหน้า ค่ายเพลนัสยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ อีก

ท่านประธานเติบโตมาอย่างไร? ท่านถูกวางตัวเป็นทายาทของธุรกิจตั้งแต่ยังเด็กหรือไม่?

ทัตสึโอะ : (พยักหน้า) คุณพ่อของผมค่อนข้างเข้มงวดมากครับ เมื่อผมเริ่มทำงานที่เพลนัสก็ต้องเริ่มต้นจากตำแหน่งระดับล่าง ต้องเรียนรู้และทำงานในทุกตำแหน่งที่มี ก่อนที่จะได้มีโอกาสนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ซึ่งผมได้เรียนรู้มากมายจากการทำงานร่วมกับเอ็มเค ลูกสาวของผมจะเข้ามารับช่วงกิจการหรือไม่ครับ

ทัตสึโอะ : วัฒนธรรมในญี่ปุ่นยังคงไม่เปิดรับผู้หญิงในบางด้าน ในบริษัทเพลนัสผู้หญิงทำงานเพียง 10% ซึ่งมันยังคงเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกไกลครับ

ทัตสึโอะ : (ยิ้มกว้าง) ความสุขจากการทำธุรกิจอาหารของผมคือ การได้เห็นรอยยิ้มของลูกค้าที่มีความสุขจากการได้ทานอาหารที่ดีและอร่อย โดยที่เราเน้นคอนเซปต์ว่าคุณภาพของวัตถุดิบต้องมาเป็นอันดับแรก นอกจากรสชาติที่ดี หน้าตาน่ารับประทาน และความรวดเร็วในการให้บริการ สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าจะกลับมาทานอีกกี่ครั้งและที่ไหนในโลก มาตรฐานก็ยังคงเดิมครับ

ทัตสึโอะ : เราให้ความสำคัญกับข้าวเป็นอย่างมาก เพราะข้าวถือเป็นหัวใจหลักของอาหารของเรา “เพลนัส” มีแปลงนาของตัวเองในเขตโทโฮกุ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งข้าวสามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงปีละครั้ง เราส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวคุณภาพสูง โดยสามารถเก็บเกี่ยวได้ 40,000 ตันต่อปี หลังการเก็บเกี่ยว ข้าวจะถูกนำมาขัดที่โรงงาน และผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจสอบปริมาณกัมมันตภาพรังสี ก่อนที่เราจะส่งข้าวไปจำหน่ายที่สาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ข้าวของเราไม่จำเป็นต้องซาวน้ำ สามารถหุงได้ทันที มีลักษณะเด่นที่นุ่มอร่อย เม็ดข้าวสวยไม่มีแตกหัก

ทัตสึโอะ : เรามีเมนูหลัก 40 รายการ และทุก 2 เดือนจะมีการเพิ่มเมนูใหม่ตามฤดูกาล โดยเมนูที่ขายดีที่สุดคือหมูผัดขิง ส่วนเมนูใหม่ล่าสุดที่อยากให้ลองคือ ปลาชิมาฮอกเกะย่างเกลือ ซึ่งเป็นปลาที่มีชื่อเสียงจากแถบฮอกไกโด เนื้อปลามีความมัน อร่อย และเนื้อแน่นมาก นอกจากนี้ยังจะนำเมนูนี้มาขายที่ประเทศไทยอีกด้วย

บทเรียนที่ “เอ็มเค” ได้รับจากการร่วมงานกับพันธมิตรญี่ปุ่นคืออะไร?

คุณยุพิน : สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก “เพลนัส” คือ การทำงานอย่างมีระเบียบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งในด้านอาหาร ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญมาก โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาคุณค่าของอาหารไม่ให้สูญหาย พวกเขามีการเน้นที่การเสิร์ฟอาหารที่ร้อน อร่อย และรวดเร็ว ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักของยาโยอิ.

ทีมข่าวสตรี