หลายท่านได้สอบถามถึงหลักการดูพระสมเด็จวัดระฆัง ว่าต้องใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจารณา ตามคำแนะนำจากผม กฤษณ์ คอนเฟิร์ม เบื้องต้นให้ยึดสามข้อสำคัญ ได้แก่ การพิมพ์ที่ถูกต้อง เนื้อพระที่สมบูรณ์ และอายุพระที่เหมาะสม พร้อมมวลสารที่มีคุณภาพครบถ้วน


1. ตรวจสอบว่าหน้าและหลังของพระถูกพิมพ์อย่างถูกต้องหรือไม่
ในการดูพิมพ์ทรงของพระสมเด็จวัดระฆัง ต้องพิจารณาทั้งด้านหน้าและหลังให้ละเอียด เช่น พิจารณาเกศสะบัดและรอยเขยื้อนที่ซุ้มผ่าหวายด้านซ้ายที่อยู่ระหว่าง 10 นาฬิกาถึง 12 นาฬิกาหรือไม่
ตรวจสอบบริเวณฐานชั้นล่างสุด ว่ามีการเขยื้อนหรือไม่ และดูซอกรักแร้ขวามือว่ามีความสูงกว่าด้านซ้ายหรือไม่ การพิจารณาพระสมเด็จต้องเริ่มจากการตรวจสอบพิมพ์ทรงที่ถูกต้องก่อน ส่วนด้านหลังพระต้องมีลักษณะตามหลักเกณฑ์ทั้งสี่ และต้องมีร่องรอยของการยับย่น ยุบ หรือแยกที่เป็นธรรมชาติ
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ทุกองค์จะมีเนื้อพระที่เก่าตามสภาพตามธรรมชาติ เนื่องจากพระสมเด็จเหล่านี้มีอายุเกินกว่า 155 ปี ทำให้เนื้อพระได้รับการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของเวลาและสภาพแวดล้อม ผิวของพระที่ไม่ได้ถูกใช้งานหนักหรือขัดถูมักจะเห็นคราบแป้งขาวแห้งๆ ปรากฏอยู่บนผิวของพระทุกองค์
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ทุกองค์จะมีเนื้อพระที่เก่าตามสภาพตามธรรมชาติ เนื่องจากพระมีอายุการสร้างกว่า 155 ปี ทำให้เนื้อพระมีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในส่วนของเนื้อและผิวพระ หากเป็นพระสมเด็จแท้ๆ ที่ไม่ได้ผ่านการใช้งานหนักหรือการล้าง ผิวของพระจะมีคราบแป้งขาวๆ แห้งๆ ปรากฏอยู่เกือบทุกองค์
เมื่อเราส่องกล้องส่องดูเนื้อของพระสมเด็จจะเห็นเม็ดแดงซึ่งเป็นเศษผงอิฐจากกรุทุ่งเศรษฐีในจังหวัดกำแพงเพชร จุดแดงๆ เหล่านี้จะมีลักษณะที่คล้ำและไม่ใช่แดงสดใสตามที่บางคนเข้าใจผิดกัน
ในองค์พระสมเด็จหนึ่งองค์จะมีเม็ดแดงเหล่านี้แค่หนึ่งถึงสามเม็ดเท่านั้น บางองค์อาจมีเพียงเม็ดเดียวก็ได้ ในขณะที่พระปลอมมักจะมีเม็ดแดงมากมาย บางองค์อาจมีจำนวนเม็ดถึงหลายร้อยเม็ด
นอกจากเม็ดแดงแล้ว ยังพบเม็ดมวลสารสีเทา, กากก้านธูปสีดำ, และผงสีขาวที่อุดอยู่บนผิวพระด้านหน้า บางคนเรียกมันว่าเม็ดพระธาตุ แต่คิดว่าอาจจะเกิดจากการที่สมเด็จโตนำปูนของพระพุทธรูปเก่ามาผสมกับปูนใหม่ในยุคของท่าน จึงทำให้เกิดการแยกตัวเมื่อเวลาผ่านไปนับร้อยปี
บางองค์จะมีการพบเศษผ้าจีวรชิ้นเล็กๆ หรือเมล็ดข้าวและเมล็ดพริกบางครั้ง ซึ่งไม่พบในทุกองค์ สำหรับองค์ที่แท้จริงเมื่อดูจากระยะไกลจะเห็นว่าสีของสมเด็จจะมีวรรณะสีขาวอมเหลืองค่อนข้างชัดเจน และมักจะมีคราบต่างๆ ปรากฏให้เห็นเมื่อเราส่องใกล้ๆ คล้ายกับบ้านเก่าที่ทาสีขาว ที่เมื่อมองจากไกลๆ จะเห็นเป็นสีขาว แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นความเก่าของสีที่มีสีดำและน้ำตาลอมเหลืองปะปนอยู่
ผิวของพระบางองค์จะมีคราบน้ำตาลที่ไม่เสมอกัน โดยส่วนมากจะเข้มบริเวณที่มวลสารอยู่ หรือรอบๆ จุดที่สัมผัสเหงื่อ โดยเฉพาะที่ใต้ฐานของพระ จะเห็นคราบเหงื่อไหลไปตามทิศทาง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ยากต่อการปลอมแปลง
หากพระสมเด็จองค์ใดที่ไม่ได้ลงรัก หรือน้ำหมากหรือลงชาดไว้ หากมองจากระยะไกลแล้วเห็นสีสันที่แตกต่างกันไป อาจสันนิษฐานได้ว่าองค์พระนั้นอาจไม่แท้สูง เพราะหมายถึงการดูด้วยตาจริงๆ ไม่ใช่แค่ดูจากภาพในนิตยสารหรือในเว็บไซต์
ความเก่าของพระจะให้ความรู้สึกฉ่ำมันเมื่อมองจากภายนอก
ลักษณะของพระสมเด็จวัดระฆังแท้ๆ เมื่อมองจากภายนอกโดยไม่ใช้กล้อง จะเห็นว่าเนื้อพระดูฉ่ำและมันๆ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของความเก่าและความแท้ของพระองค์นั้นๆ
เมื่อใช้กล้องส่องพระดูจะเห็นว่าเนื้อพระแห้งกรอบและแข็งเหมือนปูนเก่าที่หมดอายุ หรือเหมือนงาช้างเก่า ซึ่งต่างจากของปลอมที่ภายนอกอาจดูแห้ง แต่ภายในยังคงมีความใหม่สด
ลักษณะของความเก่าที่เห็นชัดคือรอยรูพรุนเล็กๆ ที่เหมือนปลายเข็มกระจายไปทั่วทั้งองค์ เนื้อพระจะมีการห่อตัวและมีรอยย่นเหมือนกับผิวหนังของคน เมื่อเรายังเด็กๆ ผิวจะเต่งตึง แต่เมื่อแก่ตัวไปก็จะเกิดริ้วรอยและเหี่ยวย่น
พระสมเด็จแท้ๆ จะไม่ตรงและมีลักษณะบิดเบี้ยวหรืองอเล็กน้อยทุกองค์ การยุบตัวของเนื้อพระจะเห็นได้ชัดที่เส้นซุ้มและส่วนที่นูนขององค์พระ และการแตกแยกของเนื้อพระจะปรากฏในหลายจุดทั่วทั้งองค์ โดยเฉพาะที่ด้านหลังของพระและขอบทั้งสี่ด้าน









ข้อมูล : หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม