การปักตะไคร้ คือพิธีกรรมโบราณที่คนรุ่นก่อนใช้ในการป้องกันฝนตก แม้ว่าสภาพอากาศไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่เพื่อความราบรื่นของงานกลางแจ้ง จึงมีการเชิญหญิงสาวพรหมจารีมาท่องคาถาปักตะไคร้เพื่อทำพิธี เชื่อกันว่าในทุกภูมิภาคของไทย การใช้วิธีนี้ยังคงได้รับความนิยม แม้ว่าสถานที่บางแห่งจะเลือกใช้วิธีการอื่นในการไล่ฝน แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของหญิงสาวอยู่เสมอ มาดูกันว่าในอดีตคนไทยเชื่อว่าอย่างไรเกี่ยวกับการหยุดฝน โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณา
ความเชื่อในการปักตะไคร้เพื่อไล่ฝนจะหยุดฝนได้จริงหรือ?

การปักตะไคร้เพื่อไล่ฝนนั้นมักถูกนำมาใช้เมื่อผู้จัดงานต้องการป้องกันฝนตกในช่วงเวลาที่มีงานสำคัญ เช่น งานบวช งานแต่งงาน หรือการจัดงานเลี้ยงกลางแจ้ง ทั้งในงานมงคลของชาวบ้านหรือการจัดอีเวนต์สากล ซึ่งผู้จัดงานที่ไม่อยากให้ฝนมาทำลายงานมักใช้วิธีนี้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าอากาศจะไม่เป็นอุปสรรค
หากถามผู้สูงอายุหรือผู้ใหญ่ในครอบครัว อาจเคยได้ยินเรื่องราวการใช้หญิงสาวพรหมจารีมาปักตะไคร้กันบ้าง วิธีการป้องกันฝนของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทยมีความแตกต่างกันไป
วิธีการปักตะไคร้
- เลือกตะไคร้จำนวน 3 ต้น หรือ 7 ต้น โดยตัดส่วนยอดออกเพื่อใช้ส่วนใบที่แข็งแรง ปักลงดินให้โคนต้นชี้ฟ้า
- ผู้ที่ทำพิธีควรเป็นสาวพรหมจารี
สาวพรหมจารีที่ทำพิธีจะต้องมีคุณสมบัติ 5 ประการ ดังนี้
1. ไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศ
2. ไม่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
3. เป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินวัยเบญจเพส (หญิงที่มีประจำเดือนแล้ว)
4. เป็นหญิงสาวที่รักษาศีลในธรรม
5. เป็นหญิงหม้ายที่ยังคงรักษาพรหมจรรย์
ทำไมพิธีการปักตะไคร้หรือการห้ามฝนต้องให้ผู้หญิงเป็นผู้ทำ
ตามความเชื่อในอดีต มีการยกย่องเพศหญิงว่าเป็นเพศที่เกี่ยวข้องกับเทพยดาผู้คุ้มครองผืนดินและผืนน้ำ เช่นเทพที่คุ้มครองแผ่นดินที่เรียกว่า “พระแม่ธรณี” และเทพที่คุ้มครองน้ำที่เรียกว่า “พระแม่คงคา” ดังนั้นจึงเชื่อว่าผู้หญิงมีพลังศักดิ์สิทธิ์ และการเลือกหญิงสาวบริสุทธิ์นั้นถือว่าเป็นการเลือกคนที่มีความดีงาม
เหตุใดต้องใช้ตะไคร้กลับด้าน
ยังไม่มีใครทราบว่าพิธีการปักตะไคร้เพื่อไล่ฝนนั้นเริ่มต้นจากใคร บางท่านเชื่อว่าพิธีนี้อาจมีต้นกำเนิดจากชาวกะเหรี่ยงหรือเป็นความเชื่อที่มีรากมาจากพราหมณ์ แต่การเลือกใช้ตะไคร้เป็นพืชที่หาง่าย และเมื่อปักตะไคร้กลับด้านโดยหันโคนขึ้น จะเป็นการฝืนธรรมชาติ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิธีการห้ามลมห้ามฝน
คาถาสำหรับการปักตะไคร้
เมื่อเลือกหญิงสาวพรหมจารีและเตรียมตะไคร้พร้อมแล้ว ผู้จัดงานจะพาหญิงสาวไปยังจุดที่เหมาะสมเพื่อทำพิธีปักตะไคร้ โดยการท่องคาถาในขณะทำพิธี
- เริ่มต้นด้วยการตั้งนะโม 3 จบ
- จากนั้นกล่าวจิตอธิษฐานว่า “อากาเสจะ พุทธทีปังกะโร นะโมพุทธายะ”
- ข้าพเจ้าและคณะผู้จัดงาน (กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของงาน) ขอให้เทพยดาและพระภูมิเจ้าที่ช่วยสนับสนุนให้ (วันที่) ไม่มีฝนตกใน (สถานที่) และขอให้สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการรองรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
- หลังจากกล่าวเสร็จ ให้ยกต้นตะไคร้ขึ้นแล้วกล่าวว่า “ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดาอารักษ์ โปรดดลบันดาลให้ฝนไม่ตก ให้ท้องฟ้าเปิดสว่างไสว และให้ฝนตกที่อื่นตามคำขอ”
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องของพิธีปักตะไคร้ แต่ไม่เคยมีใครรวบรวมสถิติเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของพิธีนี้ เรื่องนี้เคยถูกพูดถึงในเว็บบอร์ดพันทิปในหัวข้อ “สาวๆ คนไหนเคยมีประสบการณ์ปักตะไคร้บ้างไหมคะ” และมีความคิดเห็นที่น่าสนใจจากผู้ที่เคยทำพิธีนี้ เช่น
- “ตอนเรียนมหาวิทยาลัยทำกิจกรรมรับน้อง ให้เพื่อนผู้หญิงคนสุดท้องเป็นคนปักตะไคร้ ผลคือฝนไม่ตก ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าครึ้มฝนมาแล้ว”
- “ที่บ้านเปิดโรงเรียนสอนรำ ทุกปีจะจัดงานไหว้ครูในเดือนตุลาคม และต้องทำพิธีปักตะไคร้ทุกปี คนที่ทำพิธีนี้ไม่ใช่ใคร คือคุณย่า ปักมาตั้งแต่สาวจนตอนนี้อายุ 80 ปี”
- “สมัยเรียน ป.ตรี ไปทำค่ายที่จังหวัดตากต้องเทปูนให้เสร็จ พอฝนตั้งเค้ามาก็ชวนเพื่อนไปปักตะไคร้โดยที่ไม่มีใครรู้ พอทำเสร็จไม่นานฝนก็หยุด แดดก็ออก แต่หลังจากนั้นไม่นานเมฆก็มาปกคลุม ฝนเริ่มตก พอเดินไปดูเห็นชาวบ้านไปเก็บตะไคร้ไปเลย”

คาถาไล่ฝนอื่นๆ
นอกจากพิธีปักตะไคร้แล้ว ยังมีคาถาอื่นๆ ที่เล่าลือกันว่าเป็นคาถาไล่ฝน โดยสมเด็จพระศรีสมโพธิ์ราชครู ซึ่งมีตำนานที่เกี่ยวข้องดังนี้
สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ราชครูเป็นพระภิกษุในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ช่วงที่กรุงแตก มีเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับท่านว่า ท่านถูกกวาดต้อนไปยังพม่าในช่วงที่กรุงแตก พร้อมกับครอบครัวของท่าน หลังจากที่ทราบข่าวว่าพระเจ้าตากสินสามารถกอบกู้เอกราชและสร้างเมืองใหม่ได้ ท่านจึงตัดสินใจกลับเมืองไทยพร้อมกับน้องสาว ในระหว่างทางเมื่อถึงเวลาพักแรม ท่านใช้มีดอีโต้ที่น้องสาวพกติดตัวมา วางคั่นกลางระหว่างตนเองกับน้องสาว และทำเช่นนี้จนถึงกรุงธนบุรี เมื่อท่านถูกสอบสวนเนื่องจากการเดินทางร่วมกับหญิงสาว ท่านจึงเสี่ยงทายโดยขอให้มีดอีโต้ไม่จมน้ำหากท่านบริสุทธิ์ เมื่อท่านโยนมีดลงน้ำ มีดลอยขึ้นมาท่ามกลางความอัศจรรย์ของชาวบ้าน จึงหมดข้อครหาต่างๆ
หลังจากนั้นก็เริ่มมีการเล่าขานถึงคาถาห้ามฝนของท่าน ซึ่งมีการสวดตามจำนวนของวัน โดยเริ่มต้นด้วยการสวดนะโม 3 จบ และสวดบทไตรสรณคมน์พร้อมท่องคาถาดังนี้
“สิทธิ พุทธะ จะ อุตตะมะ สิทธิ ธัมมา เทวะ สังฆา สัพพะ มหาวิชา คาถา สิทธิสาวัง พุทธัง ประสิทธิเม ธัมมัง ประสิทธิเม สังฆัง ประสิทธิเม สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ราชครู ประสิทธิเม พระขรัวอีโต้ประสิทธิเม”
วันอาทิตย์ให้สวด 6 จบ, วันจันทร์ 15 จบ, วันอังคาร 8 จบ, วันพุธกลางวัน 17 จบ, วันพุธกลางคืน 12 จบ, วันพฤหัสบดี 19 จบ, วันศุกร์ 21 จบ และวันเสาร์ 10 จบ
อย่างไรก็ตาม พิธีกรรมปักตะไคร้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากจำเป็นต้องทำพิธีไล่ฝน ควรเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมและตั้งจิตอธิษฐานอย่างมั่นคง แต่หากทำพิธีในเดือนที่มีฝนตกมาก ควรติดตามข้อมูลจากพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์อีกทางหนึ่ง