แหวนทองคำที่แสดงในภาพนี้เป็นแหวนที่สลักยันต์เกราะเพชรจากวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2556 ภายในพิธีไหว้ครู และพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรในวันเสาร์ห้า ซึ่งตรงกับวันที่ 7 ธันวาคมของปีดังกล่าว ยันต์เกราะเพชรมีต้นกำเนิดจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา
แหวนที่มีการสลักยันต์เกราะเพชรข้างต้น เป็นเครื่องประดับที่รวมความเชื่อในยันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปาน โดยใช้สัญลักษณ์ยันต์ขนาด 11x11 มิลลิเมตร และประดับไว้บนแหวนทองคำ โดยไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับที่สวยงาม แต่ยังมีมูลค่าที่สูงกว่าราคาของทองคำตามน้ำหนักจริง
ประวัติของ “ยันต์เกราะเพชร” จากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
ยันต์เกราะเพชรได้รับการสร้างโดยหลวงพ่อปาน ผู้เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2418 ในสมัยรัชกาลที่ 5 หลวงพ่อปานได้อุปสมบทในปี พ.ศ.2439 ที่วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นท่านได้ไปศึกษาพระปริยัติที่วัดสระเกศ และฝึกปลุกเสกยันต์เกราะเพชรจากอาจารย์แจง สวรรคโลก

เชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์ของยันต์เกราะเพชรจากหลวงพ่อปานนั้น ท่านไม่ได้ให้การรับรองว่าจะทำให้คงกระพันชาตรี แต่ผู้ที่ได้รับยันต์ไป จะไม่พบอันตรายจากการตายโหง หรือการถูกทำร้ายจากผีหรือมนุษย์ และจะได้รับการป้องกันจากอันตรายที่เกิดจากบุคคลที่อาจใช้วิชาหรือศาสตร์ต่างๆ ทำลาย รวมถึงการไม่ตายจากพิษของสัตว์ต่างๆ
หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้กล่าวถึงที่มาของยันต์เกราะเพชรไว้ว่า
“หลวงพ่อปานได้ศึกษาวิชายันต์เกราะเพชรจากตำราพระร่วง โดยนำมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม และได้ใช้พุทธคุณที่มีอยู่ในบทต้นของธงนั้นมาเขียนเป็นตัวขอม ซึ่งจะอ่านจากขวางไปทางซ้ายดังนี้”
อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
วา โธ โน อะ มะ มะ วา
อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ
สำหรับยันต์เกราะเพชร เป็นคาถา อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควา ซึ่งเรียกกันว่า ห้องพระพุทธคุณ โดยวิธีการเขียนนั้นจะเขียนลงมาด้วยหนังสือเจ๊ก และไม่ได้เขียนตามบรรทัด แต่จะเขียนลงมา ๗ คำ แล้วเริ่มต้นใหม่ จัดเรียงกันไปตามสูตร อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง ซึ่งเป็นสูตรยันต์ ๘ ทิศ โดยวิธีนี้แล้วก็จะชักเป็นยันต์และปลุกเสกตามเส้นที่เขาชักไป หลวงพ่อปานสามารถปลุกเสกได้ดีมาก เนื่องจากท่านจะเขียนยันต์ลงบนกระดานดำก่อนเป่าให้ผู้ที่ได้รับไป”
อำนาจของยันต์เกราะเพชรและความเชื่อด้านพุทธคุณ

ผู้ที่มีความเชื่อในอำนาจพุทธคุณของยันต์เกราะเพชรได้สร้างวัตถุเพื่อบูชาในรูปแบบต่างๆ เช่น ยันต์ กำไลข้อมือ แหวน หรือแม้กระทั่งภาพถ่ายติดผนัง เพื่อตั้งวางในตำแหน่งที่เหมาะสม เชื่อกันว่าอำนาจพุทธคุณของยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองผู้บูชาจากอันตรายต่างๆ และป้องกันการตายโหง ตามที่วัดท่าขนุนได้กล่าวไว้ดังนี้
เมื่อรับยันต์เกราะเพชรแล้ว หากรักษาไว้ให้ดีจะได้รับอานุภาพดังนี้
1. ปลอดภัยจากการตายโหง
2. ไม่ตายจากพิษสัตว์ชนิดใด
3. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกประเภท
4. ไสยศาสตร์จะสะท้อนกลับไปที่ผู้ทำ
การรับยันต์เกราะเพชรในสมัยก่อนมักจะเกิดขึ้นในวันเสาร์ห้า ซึ่งหมายถึงวันเสาร์ที่ตรงกับวันที่ 5 ค่ำในแต่ละเดือน ผู้รับยันต์จะต้องเตรียมเครื่องบูชา ได้แก่ ธูปและเทียน 1 ชุด โดยพระเกจิจะไม่เป่าให้คนเดียวทีละคน แต่สามารถเป่าพร้อมกันหลายหมื่นหลายแสนคน ผู้ที่ไม่ได้มาร่วมพิธี ก็ยังสามารถรับยันต์ได้ด้วยการสมาทานศีลกรรมฐาน ในขณะที่รับยันต์จะรู้สึกถึงอาการต่างๆ เช่น ร้อนที่ใบหู หรือหน้าร้อน ขนลุก หรือเกิดอาการคันยุบยิบ ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในเวลาไม่นาน
เมื่อผู้รับยันต์เกราะเพชรได้รับแล้ว ต้องรักษาศีลบริสุทธิ์ 5 ข้อ หรืออย่างน้อยต้องรักษาศีล 2 ข้อ คือ ห้ามดื่มสุราและห้ามลักขโมย นอกจากนี้ยังต้องสวดมนต์ไหว้พระเพื่อขออาราธนาบารมีจากท่านให้เป็นเกราะป้องกันอันตราย
ยันต์เกราะเพชรที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมีหลากหลายแหล่งที่มา ซึ่งแต่ละที่มีความสำคัญและความเชื่อในพุทธคุณที่แตกต่างกันไป
- ยันต์เกราะเพชร วัดบางโค
- ยันต์เกราะเพชร วัดท่าซุง
- ยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
- ยันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน
- ยันต์เกราะเพชร วัดบางพระ
- ยันต์เกราะเพชร วัดทุ่งเศรษฐี
ข้อห้ามสำหรับผู้รับยันต์เกราะเพชร
ผู้ที่ได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้วและถูกกลั่นแกล้ง ควรทำเฉย ๆ เพราะผลกรรมของผู้กระทำจะย้อนกลับมาหาตัวเขาเอง หากเขาทำร้ายเราในวิธีใดก็จะได้รับผลลัพธ์จากการกระทำนั้น แต่ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรต้องระวังในข้อห้ามดังนี้
- ห้ามดื่มสุราเมรัยโดยเด็ดขาด ยกเว้นในกรณีที่เป็นส่วนผสมของยา
- ห้ามทุจริตโดยการลักขโมยหรือฉ้อโกงในทุกกรณี
เรื่องราวนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลของผู้ที่บูชายันต์ ว่ากันว่า หากผู้รับยันต์ไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามเหล่านี้ ยันต์เกราะเพชรก็จะไม่สามารถคุ้มครองได้ ผู้บูชาจึงต้องรักษาศีลและอยู่ในกรอบของธรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
ที่มาภาพ : www.watthakhanun.com