
"พระคาถาบารมี 30 ทัศ" เป็นบทสวดอธิษฐานบารมีที่พระพุทธเจ้าทรงเปล่งออกมาในช่วงที่ทรงเผชิญกับพระยามาราธิราช ขณะจะตรัสรู้พระปรมาภิเศกสัมโพธิญาณ ซึ่งพระยามารก็พ่ายแพ้ไปโดยสิ้นเชิง เชื่อกันว่าการสวดมนต์บทนี้จะช่วยเสริมสร้างบุญบารมีให้เพิ่มพูนอย่างมหาศาล
บารมี 30 ทัศ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระสมติงสบารมี คือบารมีที่ประกอบด้วยความสมบูรณ์ของธรรม 30 ประการ แบ่งเป็น 3 ขั้น ได้แก่ บารมีขั้นต้นที่เกี่ยวข้องกับวัตถุและทรัพย์สินนอกกาย, บารมีขั้นกลางหรืออุปบารมีที่เกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อและอวัยวะ, และบารมีขั้นสูงสุดหรือปรมัตถบารมีที่เกี่ยวข้องกับการสละชีวิต
พระคาถาบารมี 30 ทัศ (แบบเต็ม)
ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา
พุทธะ สะระณัง คัจฉามิ ธัมมะ สะระณัง คัจฉามิ สังฆะ สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง
คาถาบารมี 30 ทัศ ฉบับย่อ
ทานะ ปาระมี สัมปันโน,
ทานะ อุปะปาระมี สัมปันโน,
ทานะ ปะระมัตถะปาระมี สัมปันโน, เมตตา ไมตรี กะรุณา
มุทิตา อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน, อิติปิ โส ภะคะวาฯ
หมายเหตุ เที่ยวต่อไปเปลี่ยนที่ขีดเส้นใต้เป็น.. สีละ - เนกขัมมะ - ปัญญา - วิริยะ - ขันติ - สัจจะ - อะธิฏฐานะ - เมตตา -
อุเปกขา - ทะสะ นอกนั้นเหมือนกันหมด
และเมื่อเสร็จสิ้นทุกบทแล้ว ให้ท่องบทนี้ต่อไป
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหังฯ
คาถาบารมี 30 ทัศ (ย่อ)
อิติ ปาระมิตาติงสา อิติ สัพพัญญุมาคะตา
อิติ โพธิมะนุปปัตโต อิติปิโส จะ เต นะโม
หัวใจพระเจ้าสิบชาติ
เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
หัวใจบารมี 30 ทัศ
ทา สี เน ปะ วิ ขะ สะ อะ เม อุ
อานิสงส์ของบารมี 30 ทัศ ของพระนิยตะโพธิสัตว์
เมื่อพระนิยตะโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก ท่านจะมีอานิสงส์ 18 ประการ จนกระทั่งได้รับการตรัสรู้และบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ได้แก่
- เกิดเป็นมนุษย์ ย่อมไม่มีการเกิดเป็นคนตาบอดแต่กำเนิด
- ไม่เป็นคนหูหนวกตั้งแต่เกิด
- ไม่เป็นคนบ้า
- ไม่เป็นคนใบ้
- ไม่เป็นคนพิการเคลื่อนไหวไม่ได้
- ไม่เกิดในดินแดนป่ารกร้าง
- ไม่เกิดในท้องของนางทาสี (แม้จะเกิดในฐานะคนจันทาลก็ได้ เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ มาตังคะฤาษี ท่านเกิดจากนางจันทาลแต่ไม่ได้เป็นนางทาสี)
- ไม่เกิดในมิจฉาทิฐิที่แน่นอน
- ไม่เกิดในเพศหญิง
- ไม่ทำอนันตริยกรรม
- ไม่เป็นโรคเรื้อน
- เมื่อเกิดเป็นสัตว์ ย่อมมีขนาดกายไม่เล็กกว่าหงอนหรือใหญ่กว่าช้าง
- ไม่เกิดในเปรตชนิดที่มีอาการกระหายสุดขีด เช่น ขุปปิปาสิกเปรต
- ไม่เกิดในอเวจีนรก หรือโลกันตนรก
- ไม่เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ในกามาทั้งหลาย และไม่รวมอยู่ในกลุ่มเทวดาที่เป็นมาร
- เมื่อเกิดเป็นพรหม ท่านจะไม่เกิดในปัญจสุทธวาสพรหมและอสัญญสัตตาภูมิพรหม (มีแค่รูปร่างเพียงอย่างเดียว)
- ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
- ไม่เกิดในจักรวาลอื่นๆ อานิสงส์พิเศษของพระนิยตะโพธิสัตว์ คือการสามารถทำการอธิมุตตกาลกริยา ซึ่งท่านสามารถอธิษฐานให้ท่านกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ง่ายๆ เมื่อต้องการสร้างบารมีในโลกมนุษย์ ท่านสามารถทำเช่นนี้ได้โดยที่เทพหรือพระพรหมอื่นไม่สามารถทำได้