รู้จักกับ โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร โหรรุ่นใหม่ที่ได้รับคำชมจาก ท่านเรวัช ว่าแม่นยำมาก!
ในระหว่างที่ ท่านเรวัช พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร เจ้าของฉายา มือปราบขุนดง ไลฟ์สดผ่านโลกโซเชียล ท่านได้พูดถึงบุคคลหนึ่งว่า “ผมว่าไอ่หมอคนนี้มันดูแม่นนะ...ผมก็ไม่รู้ชื่อ..หมอลักยิ้มอะไร หมอภัทรอะไร ไอ่หมอหนุ่มนี่ ผมดูมันเข้าท่า ความรู้ดี เรื่องตำราโหร”
ท่านเรวัชยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองชื่นชอบการดูหมอดูและทำนายเหตุการณ์ จากการทำนายของโหรลักยิ้มที่แม่นยำ เคยทำนายว่า ดวงของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไม่ได้เป็นนายกจนทำให้ทัวร์ลง และทำนายนี้ก็เกิดขึ้นจริง ทำให้ชาวเนตอยากรู้ว่า โหรลักยิ้มคือใคร จนไปตามหาชื่อและติดตามกันอย่างล้นหลาม Mytour Horoscope จึงพาทุกคนมาทำความรู้จักกัน
โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร คือใคร
บุคคลที่ท่านเรวัชได้กล่าวถึงคือ โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อเล่น ฟลุ๊ค ผู้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือรอยยิ้มที่มีลักยิ้ม จึงได้รับฉายาว่า “โหรลักยิ้ม” เจ้าของช่องติ๊กต่อก โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร (@flukepatsmile) ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 500,000 คน หลังจากที่ท่านเรวัชได้กล่าวถึง อาจารย์ภัทรได้รับคำชมและผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นต้องขอบคุณท่านเรวัชที่เมตตากล่าวถึง จนทำให้มีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นจนเกือบจะทำให้แชทของช่องแทบจะแตกเลยทีเดียว

เผยแพร่ความรู้ “โหราศาสตร์ไม่ใช่เรื่องงมงาย”
อาจารย์ภัทรได้อธิบายในช่องของเขาอย่างชัดเจนว่า ช่อง โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร ไม่ได้เป็นช่องที่เกี่ยวข้องกับการดูดวง แต่เป็นช่องที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ โดยอาจารย์ภัทรต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าโหราศาสตร์ไม่ใช่เรื่องงมงาย และยังได้เล่าถึงที่มาที่ไปของศาสตร์นี้ด้วย
“จุดประสงค์ของการเปิดช่องนี้ สำหรับ FC ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ต้องเข้าใจก่อนว่า ช่องนี้ไม่ใช่ช่องดูดวง แต่เป็นช่องที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ต้องทักมาดูดวงนะครับ”
จุดประสงค์ในการเปิดช่องนี้คือ เพื่อไม่ให้การดูดวงกลายเป็นเรื่องงมงาย เพราะในปัจจุบันมีมิจฉาชีพเยอะ ผมเพียงแค่อยากเปิดเผยวิธีการดูดวงแบบโหราธิบดีให้คนเข้าใจ ในวัยเด็ก ผมเติบโตในครอบครัวข้าราชการ พ่อเป็นทหารมหาดเล็ก และแม่เป็นอาจารย์ (ปัจจุบันพ่ออายุ 90 ปี และแม่อายุ 77 ปี) การท่องตำรับตำราถือเป็นสิ่งที่ผมทำเป็นประจำ หลักๆ ผมจะฟังธรรมะ อ่านพระไตรปิฎก แต่ก็เรียนวิชาอื่นควบคู่ไปด้วยตามคำแนะนำของพ่อแม่ ซึ่งวิชาที่ท่านให้เรียนเป็นหนึ่งใน 18 วิชาที่กษัตริย์อินเดียโบราณต้องเรียน แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงเรียนวิชานี้ก่อนจะตรัสรู้และปรินิพพาน
อาจารย์ภัทรเล่าต่อว่า หนึ่งใน 18 วิชาคือ โหราศาสตร์ “รากฐานของโหราศาสตร์มาจากการอ่านนาฬิกา” คนสมัยโบราณไม่มีนาฬิกา แต่พวกเขาสามารถรู้เวลาได้จากการสังเกตทิศทางของพระอาทิตย์และพระจันทร์ และเมื่อมีความชำนาญขึ้นก็สามารถสังเกตดาวดวงอื่นๆ ได้ตามลำดับ
ดวง คือ ธรรมชาติ
โหราศาสตร์ คือ ตำรา
อาจารย์ภัทรอธิบายว่า ดวง คือ ดวงดาวของชีวิต เปรียบเสมือนสัตว์ที่ออกหากิน คนธรรมดาจะดูฤกษ์จากดวงอาทิตย์ ส่วนผู้มีความรู้จะดูฤกษ์จากพระจันทร์ และโหรจะดูฤกษ์จากดาวนพเคราะห์ สิ่งเหล่านี้เรียกว่า 'ธรรมะ + ชาติ' โดยชาติคือการเกิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น เราไม่สามารถเคลื่อนดวงจันทร์หรือโลกได้ ดังนั้นเราจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับมัน และนี่คือวิชาการดูดวง ที่รวมทั้งสามวิชาคือ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์สถิติ และคณิตศาสตร์ความน่าจะเป็น
“โหราศาสตร์ก็เหมือนการอ่านประวัติศาสตร์เล่มหนึ่ง รัชกาลที่ 1 วางฤกษ์ตั้งเมืองไว้ในวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 (ดาวอาทิตย์ในราศีเมษ ธาตุไฟ ปีขาล) คนในบ้านและเมืองจะไม่ย่อท้อกับโชคชะตา เช่นอำนาจของพระเพลิง) ขึ้น 10 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ดวงเมืองได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่สุโขทัยอยุธยา ธนบุรี จนถึงกรุงเทพฯ โดยรัชกาลที่ 1 วางไว้จนไม่สามารถย้อนกลับได้ และเมื่ออยุธยาต้องทำสงคราม จะรอข้าศึกมาถึงกำแพงเมือง แต่รัตนโกสินทร์ไม่เคยมีข้าศึกมาเหยียบถึง เพราะยุทธศาสตร์ชาติได้เปลี่ยนเป็นการออกไปสู้รบ เช่น สงคราม 9 ทัพ เป็นต้น”
ดังนั้นเราจึงต้องอ่านและศึกษากันเพื่อให้เข้าใจว่าแนวคิดของบรรพบุรุษเราในการสร้างและดูแลเมืองนั้นเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าคนในยุคปัจจุบันจะอ่านหนังสือน้อยลง แต่กลับเต็มไปด้วยการวิจารณ์และการหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นจริงมากขึ้น
“ท้ายที่สุด การดูดวงไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ขอแค่คุณเป็นคนดี ก็เพียงพอแล้ว” โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร กล่าวทิ้งท้าย