
บทสวดอาฏานาฏิยปริตร หรือที่รู้จักในชื่อ อาฎานาฏิยะปะริตตัง เป็นบทสวดที่ช่วยปกป้องจากภัยอันตรายทุกชนิด โดยเฉพาะภัยจากสิ่งเหนือธรรมชาติ ช่วยให้รอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีสุขภาพแข็งแรง ผู้ที่สวดมนต์บทนี้เป็นประจำเชื่อว่าจะได้รับความคุ้มครองจากยักษ์ ผี และปีศาจ ให้มีชีวิตที่สุขสบายและเจริญรุ่งเรือง
ตำนานของอาฎานาฏิยะปะริตตัง
ตำนานนี้เกิดขึ้นเมื่อท้าวมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวธตรัฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ และท้าวเวสสุวัณ ต้องการไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่กังวลว่าหากพวกอสูรรู้ว่าดาวดึงส์ว่างเปล่า อาจจะเข้ามาก่อกวน และพวกตนอาจกลับมาไม่ทัน จึงได้จัดตั้งกองทหารสี่กอง ประกอบด้วยคนธรรพ์ ยักษ์ และนาค เพื่อรักษาแต่ละทิศ จากนั้นจึงเดินทางไปประชุมที่อาฏานาฏิยนคร และรวบรวมมนต์เป็นอาฏานาฏิยปริตร ก่อนจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับบริวารจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม บริวารของท้าวมหาราชเหล่านี้มีปฏิกิริยาต่อพระพุทธเจ้าต่างกัน บางส่วนศรัทธา บางส่วนไม่เชื่อถือ ส่งผลให้สาวกของพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติธรรมตามที่ต่างๆ ถูกผี ปีศาจ และยักษ์ที่ไม่เลื่อมใสรบกวน จนเจ็บป่วยหรือได้รับอันตราย ท้าวเวสสุวัณจึงกราบทูลขอให้พระพุทธองค์รับอาฏานาฏิยปริตรไว้ เพื่อมอบให้สาวกใช้ป้องกันภัยจากยักษ์และภูตผีปีศาจ เนื้อหาของบทสวดเป็นการสรรเสริญพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้าเจ็ดพระองค์ และแสดงความนอบน้อมด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะนอน เดิน นั่ง หรือยืน ขอให้พระพุทธเจ้าเหล่านั้นคุ้มครองให้พ้นจากภัย โรค และความทุกข์ร้อน
ผู้ที่สวดมนต์บทนี้เป็นประจำเชื่อว่าจะได้รับความคุ้มครองจากยักษ์ ผี และปีศาจ ให้มีชีวิตที่สุขสบายและเจริญรุ่งเรือง
บทขัด อาฏานาฏิยะปะริตตัง
อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต
อะมะนุสเสหิ จัณเฑหิ สะทา กิพพิสะการิภิ
ปะริสานัญจะตัสสันนะ- มะหิงสายะ จะ คุตติยา
ยันเทเสสิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
บทสวด อาฏานาฏิยะปะริตตัง
วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต
สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน
นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สัก๎ยะปุตตัสสะ สิรีมะโต
โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง
เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
หิตัง เทวะมะนสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ
( วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติ )
นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มะเหสินัง
ตัณหังกะโร มะหาวีโร เมธังกะโร มะหายะโส
สะระณังกะโร โลกะหิโต ทีปังกะโร ชุตินธะโร
โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข มังคะโล ปุริสาสะโภ
สุมะโน สุมะโน ธีโร เรวะโต ระติวัฑฒะโน
โสภิโต คุณะสัมปันโน อะโนมะทัสสี ชะนุตตะโม
ปะทุโม โลกะปัชโชโต นาระโท วะระสาระถี
ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร สุเมโธ อัปปะฏิปุคคะโล
สุชาโต สัพพะโลกัคโค ปิยะทัสสี นะราสะโภ
อัตถะทัสสี การุณิโก ธัมมะทัสสี ตะโมนุโท
สิทธัตโถ อะสะโม โลเก ติสโส จะ วะทะตัง วะโร
ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ วิปัสสี จะ อะนูปะโม
สิขี สัพพะหิโต สัตถา เวสสะภู สุขะทายะโก
กะกุสันโธ สัตถะวาโห โกนาคะมะโน ระณัญชะโห
กัสสะโป สิริสัมปันโน โคตะโม สัก๎ยะปุงคะโว ฯ
เอเต จัญเญ จะ สัมพุทธา อะเนกะสะตะโกฏะโย
สัพเพ พุทธา อะสะมะสะมา สัพเพ พุทธา มะหิทธิกา
สัพเพ ทะสะพะลูเปตา เวสารัชเชหุปาคะตา
สัพเพ เต ปะฏิชานันติ อาสะภัณฐานะมุตตะมัง
สีหะนาทัง นะทันเต เต ปะริสาสุ วิสาระทา
พ๎รัห๎มะจักกัง ปะวัตเตนติ โลเก อัปปะฏิวัตติยัง
อุเปตา พุทธะธัมเมหิ อัฏฐาระสะหิ นายะกา
ท๎วัตติงสะลักขะณูเปตา - สีต๎ยานุพ๎ยัญชะนาธะรา
พ๎ยามัปปะภายะ สุปปะภา สัพเพ เต มุนิกุญชะรา
พุทธา สัพพัญญุโน เอเต สัพเพ ขีณาสะวา ชินา
มะหัปปะภา มะหะเตชา มะหาปัญญา มะหัพพะลา
มะหาการุณิกา ธีรา สัพเพสานัง สุขาวะหา
ทีปา นาถา ปะติฏฐา จะ ตาณา เลณา จะ ปาณินัง
คะตี พันธู มะหัสสาสา สะระณา จะ หิเตสิโน
สะเทวะกัสสะ โลกัสสะ สัพเพ เอเต ปะรายะนา
เตสาหัง สิระสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตะเม
วะจะสา มะนะสา เจวะ วันทาเมเต ตะถาคะเต
สะยะเน อาสะเน ฐาเน คะมะเน จาปิ สัพพะทา
สะทา สุเขนะ รักขันตุ พุทธา สันติกะรา ตุวัง
เตหิ ต๎วัง รักขิโต สันโต มุตโต สัพพะภะเยนะ จะ
สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโต
สัพพะเวระมะติกกันโต นิพพุโต จะ ตุวัง ภะวะ ฯ
เตสัง สัจเจนะ สีเลนะ ขันติเมตตาพะเลนะ จะ
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ฯ
ปุรัตถิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ ภูตา มะหิทธิกา
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
ทักขิณัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ เทวา มะหิทธิกา
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
ปัจฉิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ นาคา มะหิทธิกา
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
อุตตะรัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ ยักขา มะหิทธิกา
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
ปุริมะทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก
ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง
จัตตาโร เต มะหาราชา โลกะปาละ ยะสัสสิโน
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง
ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง
ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง
ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน ฯ
ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ
ไม่มีรัตนะใดเสมอด้วยพระพุทธเจ้า ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน
ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ
ไม่มีรัตนะใดเสมอด้วยพระธรรม ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน
ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ
ไม่มีรัตนะใดเสมอด้วยพระสงฆ์ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ฯ
สักกัต๎วา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ขอทุกข์ทั้งปวงจงหายไป
สักกัต๎วา ธัมมะระตะนัง โอสะถัง อุตตะนัง วะรัง
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ขอภัยทั้งปวงจงสงบลง
สักกัต๎วา สังฆะระตะตัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอโรคทั้งปวงจงหายไป ฯ
สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ
ขอความทุกข์ทั้งปวงจงหายไป ขอท่านจงมีอายุยืน มีสุขภาพดี และมีความสุข
อะภิวาทะนะสีลิสสะนิจจังวุฑฒาปะจายิโน
ผู้ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ย่อมเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ และพละ ฯ
บทสวด อาฏานาฏิยะปะริตตัง แปล
(หันทะ มะยัง อาฏานาฏิยะปะริตตัง ภะณามะ เส)
วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงมีพระปัญญาจักษุและพระสิริอันประเสริฐ
สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงมีพระเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงชำระกิเลสแล้วและทรงบำเพ็ญตบะ
นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงพิชิตมารและเหล่าเสนาของมาร
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงลอยบาปได้และทรงอยู่จบพรหมจรรย์
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สัก๎ยะปุตตัสสะ สิรีมะโต
-ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระอังคีรสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงเป็นโอรสแห่งศากยวงศ์และทรงไว้ซึ่งพระสิริ
โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
-ผู้ทรงแสดงธรรมนี้เพื่อบรรเทาทุกข์ทั้งปวง
เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง
-แม้ผู้ใดในโลกที่ดับกิเลสแล้วและเห็นแจ้งตามความเป็นจริง
เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
-ชนเหล่านั้นปราศจากการส่อเสียด เป็นผู้ใหญ่และมั่นคง
หิตัง เทวะมะนสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง
-ผู้ทรงเกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ซึ่งชนเหล่านั้นนอบน้อมแด่พระโคตมะ
วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ
-ผู้ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ผู้ยิ่งใหญ่และปราศจากความกลัว
( วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติ )
(-ข้าพเจ้าทั้งหลายขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าผู้ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ดังนี้)
นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มะเหสินัง
-ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทั้งปวง
ผู้ทรงบังเกิดขึ้นและแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ตัณหังกะโร มะหาวีโร เมธังกะโร มะหายะโส
-พระตัณหังกรผู้ทรงกล้าหาญ
พระเมธังกรผู้ทรงมียศใหญ่
สะระณังกะโร โลกะหิโต ทีปังกะโร ชุตินธะโร
-พระสรณังกรผู้ทรงเกื้อกูลแก่โลก
พระทีปังกรผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญา
โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข มังคะโล ปุริสาสะโภ
-พระโกญทัญญะผู้ทรงเป็นประมุขแห่งหมู่ชน
พระมังคะละผู้ทรงเป็นบุรุษประเสริฐ
สุมะโน สุมะโน ธีโร เรวะโต ระติวัฑฒะโน
อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา
-เทวดาผู้ทรงฤทธิ์ทั้งหลาย ผู้สถิตในอากาศและบนพื้นดิน
ผู้มีอานุภาพมากมาย
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ
-ขอเทวดาเหล่านั้นจงคุ้มครองท่านทั้งหลาย
ให้ปราศจากโรคภัยและมีความสุข
อาฏานาฏิยปริตรตัง (แบบย่อ)
วิปัสสิสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต
สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ น๎หาตะกัสสะ ตะปัสสิโน
นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะ วุสีมะโต
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สัก๎ยะปุตตัสสะ สิรีมะโต
โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง
เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา
หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง
วิชชาจาระระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทังฯ