
การสวดภาณยักษ์ เป็นพิธีกรรมที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายและให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ร่วมสวดหรือฟัง ให้มีชีวิตที่สุขสบายและปราศจากภัย เนื้อหาที่ใช้ในการสวดมาจากอาฏานาฏิยสูตร ซึ่งกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยในอาฏานาฏานคร และเล่าถึงเหตุการณ์ที่ท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และผู้ดูแลยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ และนาค เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
บทสวดภาณยักษ์ ฉบับดั้งเดิม
เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา ราชะคะเห วิหะระติ คิชฌะกูเฏ ปัพพะเต ฯ อะถะโข จัตตาโร มะหาราชา มะหะติยา จะ ยักขะเสนายะ มะหะติยา จะ คันธัพพะเสนายะ มะหะติยา จะ กุมภัณฑะเสนายะ มะหะติยา จะ นาคะเสนายะ จะตุททิสัง รักขัง ฐะเปตวา จะตุททิสัง คุมพัง ฐะเปตวา จะตุททิสัง โอวะระณัง ฐะเปต๎วา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง คิชฌะกูฏัง โอภาเสตวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิงสุ อุปะสังกะมิตวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทต๎วา เอกะมันตัง นิสีทิงสุ ฯ เตปิ โข ยักขา อัปเปกัจเจ ภะคะวันตัง อะภิวาเทตวา เอกะมันตัง นิสีทิงสุ อัปเปกัจเจ ภะคะวะตา สัทธิง สัมโมทิงสุ สัมโมทะนียัง กะถัง สาราณียัง วีติสาเรต๎วา เอกะมันตัง นิสีทิงสุ อัปเปกัจเจ เยนะ ภะคะวา เตนัญชะลิมปะณาเมต๎วา เอกะมันตัง นิสีทิงสุ อัปเปกัจเจ นามะโคตตัง สาเวต๎วา เอกะมันตัง นิสีทิงสุ อัปเปกัจเจ ตุณหภูตา เอกะมันตัง นิสีทิงสุ ฯ เอกะมันตัง นิสินโน โข เวสสะวัณโณ มะหาราชา ภะคะวันตัง เอตะทะโวจะ สันติ หิ ภันเต อุฬารา ยักขา ภะคะวะโต อัปปะสันนา สันติ หิ ภันเต อุฬารา ยักขา ภะคะวะโต ปะสันนา สันติ หิ ภันเต มัชฌิมา ยักขา ภะคะวะโต อัปปะสันนา สันติ หิ ภันเต มัชฌิมา ยักขา ภะคะวะโต ปะสันนา สันติ หิ ภันเต นีจา ยักขา ภะคะวะโต อัปปะสันนา สันติ หิ ภันเต นีจา ยักขา ภะคะวะโต ปะสันนา เยภุยเยนะ โข ปะนะ ภันเต ยักขา อัปปะสันนาเยวะ ภะคะวะโต ฯ ตัง กิสสะ เหตุ ฯ ภะคะวะตา หิ ภันเต ปาณาติปาตา เวระมะณิยา ธัมมัง เทเสติ อะทินนาทานา เวระมะณิยา ธัมมัง เทเสติ กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณิยา ธัมมัง เทเสติ มุสาวาทา เวระมะณิยา ธัมมัง เทเสติ สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณิยา ธัมมัง เทเสติ เยภุยเยนะ โข ปะนะ ภันเต ยักขา อัปปะฏิวิระตาเยวะ ปาณาติปาตา อัปปะฏิวิระตา อะทินนาทานา อัปปะฏิวิระตา กาเมสุ มิจฉาจารา อัปปะฏิวิระตา มุสาวาทา อัปปะฏิวิระตา สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เตสันตัง โหติ อัปปิยัง อะมะนาปัง สันติ หิ ภันเต ภะคะวะโต สาวะกา อะรัญเญ วะนะปัตถานิ ปันตานิ เสนาสะนานิ ปะฏิเสวันติ อัปปะสัททานิ อัปปะนิคโฆสานิ วิชะนะวาตานิ มะนุสสะราหะ
เสยยะกานิ ปะฏิสัลลานะสารูปานิ ตัตถะ สันติ อุฬารา ยักขา นิวาสิโน เย อิมัสมิง ภะคะวะโต ปาวะจะเน อัปปะสันนา เตสัมปะสาทายะ อุคคัณหาตุ ภันเต ภะคะวา อาฏานาฏิยัง รักขัง ภิกขูนัง ภิกขุนีนัง อุปาสะกานัง อุปาสิกานัง คุตติยา รักขายะ อะวิหิงสายะ ผาสุวิหารายาติ ฯ อะธิวาเสสิ ภะคะวา ตุณหภาเวนะ ฯ อะถะโข เวสสะวัณโณ มะหาราชา ภะคะวะโต อะธิวาสะนัง วิทิต๎วา ตายัง เวลายัง อิมัง อาฏานาฏิยัง รักขัง อะภาสิ วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต โย อิมัง ธัมมะทะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูปะทัง เยจาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ ยะโต อุคคัจฉะติ สุริโย อาทิจโจ มัณฑะลี มะหา ยัสสะ จุคคัจฉะมานัสสะ สังวะรีปิ นิรุชฌะติ ยัสสะ จุคคะเต สุริเย ทิวะโสติ ปะวุจจะติ
ระหะโทปิ ตัตถะ คัมภีโร สะมุทโท สะริโตทะโก
เอวันตัง ตัตถะ ชานันติ สะมุทโท สะริโตทะโก
อิโต สา ปุริมา ทิสา อิติ นัง อาจิกขะตี ชะโน
ยัง ทิสัง อะภิปาเลติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
คันธัพพานัง อาธิปะติ ธะตะรัฏโฐติ นามะโส
ระมะตี นัจจะคีเตหิ คันธัพเพหิ ปุรักขะโต
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว เอกะนามาติ เม สุตัง
อะสีติ ทะสะ เอโก จะ อินทะมานา มะหัพพะลา
เต จาปิ พุทธัง ทิสวานะ พุทธัง อาทิจจะพันธุนัง
ทูระโตวะ นะมัสสันติ มะหันตัง วีตะสาระทัง
นะโม เต ปุริสาชัญญะ นะโม เต ปุริสุตตะมะ
กุสะเลนะ สะเมกขะสิ อะมะนุสสาปิ ตัง วันทันติ
สุตัง เนตัง อะภิณหะโส ตัส๎มา เอวัง วะเทมะ เส
ชินัง วันทะถะ โคตะมัง ชินัง วันทามะ โคตะมัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมัง ฯ
เยนะ เปตา ปะวุจจันติ ปิสุณา ปิฏฐิมังสิกา
ปาณาติปาติโน ลุททา โจรา เนกะติกา ชะนา
อิโต สา ทักขิณา ทิสา อิติ นัง อาจิกขะตี ชะโน
ยัง ทิสัง อะภิปาเลติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
กุมภัณฑานัง อาธิปะติ วิรุฬโห อิติ นามะโส
ระมะตี นัจจะคีเตหิ กุมภัณเฑหิ ปุรักขะโต
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว เอกะนามาติ เม สุตัง
อะสีติ ทะสะ เอโก จะ อินทะมานา มะหัพพะลา
เต จาปิ พุทธัง ทิสวานะ พุทธัง อาทิจจะพันธุนัง
ทูระโต วะ นะมัสสันติ มะหันตัง วีตะสาระทัง
นะโม เต ปุริสาชัญญะ นะโม เต ปุริสุตตะมะ
กุสะเลนะ สะเมกขะสิ อะมะนุสสาปิ ตัง วันทันติ
สุตัง เนตัง อะภิณหะโส ตัสมา เอวัง วะเทมะ เส
ชินัง วันทะถะ โคตะมัง ชินัง วันทามะ โคตะมัง ฯ
วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมัง ฯ
ยัตถะ โจคคัจฉะติ สุริโย อาทิจโจ มัณฑะลี มะหา
ยัสสะ โจคคัจฉะมานัสสะ ทิวะโสปิ นิรุชฌะติ
ยัสสะ โจคคะเต สุริเย สังวะรีติ ปะวุจจะติ
ระหะโทปิ ตัตถะ คัมภีโร สะมุทโท สะริโตทะโก
เอวันตัง ตัตถะ ชานันติ สะมุทโท สะริโตทะโก
อิโต สา ปัจฉิมา ทิสา อิติ นัง อาจิกขะตี ชะโน
ยัง ทิสัง อะภิปาเลติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
นาคานัง อาธิปะติ วิรูปักโขติ นามะโส
ระมะตี นัจจะคีเตหิ นาเคหิปิ ปุรักขะโต
ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว เอกะนามาติ เม สุตัง
อะสีติ ทะสะ เอโก จะ อินทะนามา มะหัพพะลา
เต จาปิ พุทธัง ทิสวานะ พุทธัง อาทิจจะพันธุนัง
ทูระโต วะ นะมัสสันติ มะหันตัง วีตะสาระทัง
นะโม เต ปุริสาชัญญะ นะโม เต ปุริสุตตะมะ
กุสะเลนะ สะเมกขะสิ อะมะนุสสาปิ ตัง วันทันติ
สุตัง เนตัง อะภิณหะโส ตัสมา เอวัง วะเทมะ เส
ชินัง วันทะถะ โคตะมัง ชินัง วันทามะ โคตะมัง ฯ
วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมัง ฯ
เยนะ อุตตะระกุรู รัมมา มะหาเนรุ สุทัสสะโน
มะนุสสา ตัตถะ ชายันติ อะมะมา อะปะริคคะหา
นะ เต พีชัง ปะวัปปันติ นะปิ นียันติ นังคะลา
อะกัฏฐะปากิมัง สาลิง ปะริภุญชันติ มานุสา
อะกะณัง อะถุสัง สุทธัง สุคันธัง ตัณฑุลัปผะลัง
ตุณฑิกิเร ปะจิตวานะ ตะโต ภัญชันติ โภชะนัง ฯ
คาวิง เอกะขุรัง กัตวา อะนุยันติ ทิโสทิสัง
ปะสุง เอกะขุรัง กัตวา อะนุยันติ ทิโสทิสัง
อิตถิง วาหะนัง กัตวา อะนุยันติ ทิโสทิสัง
ปุริสัง วาหะนัง กัตวา อะนุยันติ ทิโสทิสัง
กุมาริง วาหะนัง กัตวา อะนุยันติ ทิโสทิสัง
กุมารัง วาหะนัง กัตวา อะนุยันติ ทิโสทิสัง
เต ยาเน อะภิรูหิตวา สัพพา ทิสา อะนุปะริยันติ
ปะจะรา ตัสสะ ราชิโน ฯ
หัตถิยานัง อัสสะยานัง ทิพพัง ยานัง อุปัฏฐิตัง
ปาสาทา สิวิกา เจวะ มะหาราชัสสะ ยะสัสสิโน
ตัสสะ จะ นะคะรา อะหุ อันตะลิกเขสุ มาปิตา
อาฏานาฏา กุสินาฏา ปะระกุสินาฏา
นาฏะปะริยา ปะระกุสิตะนาฏา
อุตตะเรนะ กะปีวันโต ชะโนฆะมะปะเรนะ จะ
นะวะนะวะติโย อัมพะระอัมพะระวะติโย
อาฬะกะมัณฑา นามะ ราชะธานี
กุเวรัสสะ โข ปะนะ มาริสะ มะหาราชัสสะ
วิสาณา นามะ ราชะธานี
วา อุปาสิกัง วา คัจฉันตัง วา อะนุคัจเฉยยะ ฐิตัง วา อุปะติฏเฐยยะ
นิสินนัง วา อุปะนิสีเทยยะ นิปันนัง วา อุปะนิปัชเชยยะ ฯ นะ
เม โส มาริสะ อะมะนุสโส ละเภยยะ คาเมสุ วา นิคะเมสุ วา
สักการัง วา คะรุการัง วา นะ เม โส มาริสะ อะมะนุสโส
ละเภยยะ อาฬะกะมัณฑายะ นามะ ราชะธานิยา วัตถุง วา
วาสัง วา นะ เม โส มาริสะ อะมะนุสโส ละเภยยะ ยักขานัง
สะมิติง คันตุง อะปิสสุนัง มาริสะ อะมะนุสสา อะนะวัยหัมปิ
นัง กะเรยยุง อะวิวัยหัง อะปิสสุนัง มาริสะ อะมะนุสสา
อัตตาหิปิ ปะริปุณณาหิ ปะริภาสาหิ ปะริภาเสยยุง อะปิสสุนัง
มาริสะ อะมะนุสสา ริตตัมปิ ปัตตัง สีเส นิกกุชเชยยุง อะปิสสุนัง
มาริสะ อะมะนุสสา สัตตะธาปิสสะ มุทธัง ผาเลยยุง สันติ
หิ มาริสะ อะมะนุสสา จัณฑา รุทธา ระภะสา เต เนวะ
มะหาราชานัง อาทิยันติ นะ มะหาราชานัง ปุริสะกานัง อาทิยันติ
นะ มะหาราชานัง ปุริสะกานัง ปุริสะกานัง อาทิยันติ เต โข เต
มาริสะ อะมะนุสสา มะหาราชานัง อะวะรุทธา นามะ วุจจันติ
เสยยะถาปิ มาริสะ รัญโญ มาคะธัสสะ วิชิเต โจรา เต เนวะ
รัญโญ มาคะธัสสะ อาทิยันติ นะ รัญโญ มาคะธัสสะ ปุริสะกานัง
อาทิยันติ นะ รัญโญ มาคะธัสสะ ปุริสะกานัง ปุริสะกานัง
อาทิยันติ เต โข เต มาริสะ มะหาโจรา รัญโญ มาคะธัสสะ
อะวะรุทธา นามะ วุจจันติ เอวะเมวะ โข มาริสะ สันติ หิ
อะมะนุสสา จัณฑา รุทธา ระภะสา เต เนวะ มะหาราชานัง
อาทิยันติ นะ มะหาราชานัง ปุริสะกานัง อาทิยันติ นะ มะหาราชานัง
ปุริสะกานัง ปุริสะกานัง อาทิยันติ เต โข เต มาริสะ อะมะนุสสา
มะหาราชานัง อะวะรุทธา นามะ วุจจันติ โย หิ โกจิ มาริสะ
อะมะนุสโส ยักโข วา ยักขินี วา ยักขะโปตะโก วา ยักขะโปติกา
วา ยักขะมะหามัตโต วา ยักขะปาริสัชโช วา ยักขะปะจาโร วา
คันธัพโพ วา คันธัพพี วา คันธัพพะโปตะโก วา คันธัพพะโปติกา
วา คันธัพพะมะหามัตโต วา คันธัพพะปาริสัชโช วา คันธัพพะปะจาโร
วา กุมภัณโฑ วา กุมภัณฑี วา กุมภัณฑะโปตะโก วา กุมภัณฑะโปติกา
วา กุมภัณฑะมะหามัตโต วา กุมภัณฑะปาริสัชโช วา กุมภัณฑะ-
ปะจาโร วา นาโค วา นาคินี วา นาคะโปตะโก วา นาคะโปติกา
วา นาคะมะหามัตโต วา นาคะปาริสัชโช วา นาคะปะจาโร วา
ปะทุฏฐะจิตโต ภิกขุง วา ภิกขุนิง วา อุปาสะกัง วา อุปาสิกัง
วา คัจฉันตัง วา อะนุคัจเฉยยะ ฐิตัง วา อุปะติฏเฐยยะ นิสินนัง
วา อุปะนิสีเทยยะ นิปันนัง วา อุปะนิปัชเชยยะ อิเมสัง
ยักขานัง มะหายักขานัง เสนาปะตีนัง มะหาเสนาปะตีนัง
อุชฌาเปตัพพัง วิกกันทิตัพพัง วิระวิตัพพัง อะยัง ยักโข
คัณหาติ อะยัง ยักโข อาวีสะติ อะยัง ยักโข เหเฐติ อะยัง
ยักโข วิเหเฐติ อะยัง ยักโข หิงสะติ อะยัง ยักโข วิหิงสะติ
อะยัง ยักโข นะ มุญจะตีติ ฯ กะตะเมสัง ยักขานัง มะหายักขานัง
เสนาปะตีนัง มะหาเสนาปะตีนัง ฯ
อินโท โสโม วะรุโณ จะ ภารัทวาโช ปะชาปะติ
จันทะโน กามะเสฏโฐ จะ กินนุฆัณฑุ นิฆัณฑุ จะ
ปะนาโท โอปะมัญโญ จะ เทวะสูโต จะ มาตะลิ
จิตตะเสโน จะ คันธัพโพ นะโฬราชา ชะโนสะโภ
สาตาคิโร เหมะวะโต ปุณณะโก กะระติโย คุโฬ
สิวะโก มุจจะลินโท จะ เวสสามิตโต ยุคันธะโร
โคปาโล สุปปะเคโธ จะ หิริเนตติ จะ มันทิโย
ปัญจาละจันโท อาฬะวะโก ปะชุนโน
สุมะโน สุมุโข ทะธิมุโข
มะณิ มาณิจะโร ทีโฆ อะโถ เสริสะโก สะหะ ฯ
อิเมสัง ยักขานัง มะหายักขานัง เสนาปะนีตัง มะหาเสนา-
ปะตีนัง อุชฌาเปตัพพัง วิกกันทิตัพพัง วิระวิตัพพัง อะยัง ยักโข
คัณหาติ อะยัง ยักโข อาวีสะติ อะยัง ยักโข เหเฐติ อะยัง ยักโข
วิเหเฐติ อะยัง ยักโข หิงสะติ อะยัง ยักโข วิหิงสะติ อะยัง
ยักโข นะ มุญจะตีติ ฯ อะยัง โข สา มาริสะ อาฏานาฏิยา
รักขา ภิกขูนัง ภิกขุนีนัง อุปาสะกานัง อุปาสิกานัง คุตติยา
รักขายะ อะวิหิงสายะ ผาสุวิหารายาติ ฯ หันทะ จะทานิ มะยัง
มาริสะ คัจฉามะ พะหุกิจจา มะยัง พะหุกะระณียาติ ฯ ยัสสะทานิ
ตุม๎เห มะหาราชาโน กาลัง มัญญะถาติ ฯ
อะถะโข จัตตาโร มะหาราชา อุฏฐายาสะนา ภะคะวันตัง
อะภิวาเทตะวา ปะทักขิณัง กัตวา ตัตเถวันตะระธายิงสุ ฯ เตปิ
โข ยักขา อุฏฐายาสะนา อัปเปกัจเจ ภะคะวันตัง อะภิวาเทตะวา
ปะทักขิณัง กัตวา ตัตเถวันตะระธายิงสุ อัปเปกัจเจ ภะคะวะตา
สัทธิง สัมโมทิงสุ สัมโทะนียัง กะถัง สาราณียัง วีติสาเรตะวา
ตัตเถวันตะระธายิงสุ อัปเปกัจเจ เยนะ ภะคะวา เตนัญชะลิมปะ-
ณาเมตะวา ตัตเถวันตะระธายิงสุ อัปเปกัจเจ นามะโคตตัง สาเวตะวา
ตัตเถวันตะระธายิงสุ อัปเปกัจเจ ตุณหิภูตา ตัตเถวันตะระธายิงสุ ฯ
การสวดภาณยักษ์
คำว่า “ภาณ” ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้ความหมายว่า การบอก การกล่าว การสวด ดังนั้นเราใช้ว่า “สวดภาณ” จึงเป็นการซ้อนคำ ซ้ำความหมายบางทีเรียกว่า “สวดภาณยักษ์” ในอดีต การสวดภาณยักษ์มีอยู่สองแบบคือ สวดภาณวาร และ สวดภาณยักษ์ ซึ่งการสวดทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันคือ
- ภาณวาร เป็นการสวดแบบมีทำนองครุ ลหุ คือมีการเน้นเสียงหนักเบา ใช้น้ำเสียงสวดที่ไพเราะไม่ กระแทกกระทั้นดุดัน เหมือนการสวดภาณยักษ์
- ภาณยักษ์ เป็นการสวดที่มีน้ำเสียงกระแทกกระทั้นดุดันเกรี้ยวกราด และน่ากลัวจึงได้เรียกว่า สวดแบบ ภาณยักษ์นั่นเอง ใช้สวดเพื่อขับไล่ยักษ์หรือภูตผีต่างๆ
การสวดภาณยักษ์ ถือเป็น “พุทธโอสถ” ที่ช่วยขจัดสิ่งอัปมงคลออกจากร่างกาย คล้ายกับการทำบุญสวดบ้านเมื่อมีเหตุร้าย แต่ต่างกันที่การสวดภาณยักษ์จะเป็นการรวมคนจำนวนมากมาร่วมพิธีในคราวเดียวกัน
เมื่อเริ่มพิธี พระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาคมและขมังเวทย์จำนวนสี่รูปจะนั่งประจำทิศทั้งสี่ ส่วนอีกสี่รูปจะอยู่ด้านหน้า ท่องบทสวดและผสมเสียงเข้าด้วยกัน เสียงที่ได้ฟังคล้ายเสียงประกอบหนังสยองขวัญ ลึกลับ ดุดัน และน่าขนลุก ซึ่งอาจทำให้ผู้มีจิตอ่อนรู้สึกหวาดกลัว
หลังจากสวดไปได้สักพัก ก็ถึงช่วงสำคัญ พระสงฆ์ที่นั่งประจำทิศทั้งสี่จะเริ่มประพรมน้ำมนต์ให้ผู้ร่วมพิธี บางคนที่เชื่อว่ามีสิ่งไม่ดีอยู่ในตัวจะแสดงอาการแปลกๆ เช่น ร้องไห้โฮ สั่นเหมือนถูกเจ้าเข้าสิง หรือบางคนอาจร่ายรำ พระสงฆ์จะช่วยให้พวกเขากลับสู่สภาพปกติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการสวดภาณยักษ์ได้กลายเป็นธุรกิจพุทธพาณิชย์ มีนายหน้ามาเช่าสถานที่วัดเพื่อจัดพิธีอย่างใหญ่โต พร้อมขายวัตถุมงคล ผ้ายันต์ และอื่นๆ ซึ่งเป็นการหากินจากความศรัทธาของชาวพุทธที่ยังไม่เข้าใจพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง