หลวงปู่ทวด หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์เต็มๆ ว่า สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ ท่านมีตำนานที่ยาวนานและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายที่สุดในประเทศไทย
ประวัติหลวงปู่ทวดที่ได้รับการเผยแพร่กล่าวถึงท่านว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้ที่ศรัทธาท่านเชื่อว่าพระเครื่องที่สร้างโดยท่านจะมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ในการคุ้มครอง และผู้ที่ครอบครองพระเครื่องหลวงปู่ทวดจะได้รับความโชคดีและแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ ด้วยบุญบารมีของท่าน
ปัจจุบันหลวงปู่ทวดยังคงเป็นที่เคารพนับถืออย่างมาก เป็นพระเกจิอาจารย์ในตำนานที่มีผู้ศรัทธามากมาย ท่านเป็นหนึ่งในสองมหาเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หรือที่รู้จักกันในชื่อหลวงปู่โต
ประวัติหลวงปู่ทวด
ตามตำนานเล่าว่า หลวงปู่ทวดเป็นบุตรของนายหูและนางจันทร์ ผู้ซึ่งเป็นทาสในเรือนเบี้ยของเศรษฐีปาน เกิดในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2125 ที่บ้านสวนจันทร์ (บ้านเลียบ) ตำบลดีหลวง (ปัจจุบันเป็นตำบลชุมพล) อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ท่านมีชื่อเกิดว่า 'ปู'
เมื่อท่านเกิดขึ้นมา เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ฟ้าร้องฟ้าผ่าและแผ่นดินสะเทือน ราวกับว่าเป็นสัญญาณของการมาของบุคคลผู้มีบุญญาธิการ นายหูบิดาของท่านจึงนำรกไปฝังที่โคนต้นเลียบ ซึ่งภายหลังกลายเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบัน
เมื่อหลวงปู่ทวดยังเป็นทารก มีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อีกครั้ง ในขณะที่บ้านของท่านตั้งอยู่ในป่าดงตาล บิดามารดาของท่านผูกเปลไว้กับต้นมะเม่าสองต้น ระหว่างที่พวกท่านกำลังเกี่ยวข้าว เมื่อแม่ของท่านเดินกลับมาเพื่อให้นมลูก กลับพบงูจงอางขนาดใหญ่พันรอบเปลของหลวงปู่ทวด นางจันทร์ตกใจจึงเรียกนายหูให้มาช่วยดูและไล่งูออกไป
งูจงอางไม่ยอมไปไหน นายหูและนางจันทร์จึงอธิษฐานขอสัญญาว่าขอให้หลวงปู่ทวดปลอดภัยไม่ถูกทำร้าย ไม่นานหลังจากนั้น งูจงอางคลายวงรัดออกและเลื้อยหายไป หลังจากนั้น ทั้งสองเข้าไปดูหลวงปู่ทวดที่หลับอยู่ในเปล และพบว่าไม่มีอันตรายใดๆ มีเมือกแก้วขนาดใหญ่ติดที่อกของท่าน เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาวและภายหลังกลายเป็นลูกแก้ว ซึ่งปัจจุบันได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ

เมื่อหลวงปู่ทวดมีอายุ 7 ขวบในปี พ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านได้นำท่านไปฝากเรียนหนังสือที่วัดกุฎิหลวง (วัดดีหลวง) ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้าน ในขณะนั้นท่านสมภารจวง ซึ่งเป็นลุงของท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงปู่ทวดเรียนรู้ภาษาขอมและภาษาไทยอย่างรวดเร็ว จนเมื่ออายุ 15 ปี สมภารจวงได้บวชให้ท่านเป็นสามเณร
ท่านเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ตลอดเวลา จนกระทั่งท่านสมภารจวงได้นำท่านไปฝากให้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อการศึกษานักธรรม โดยท่านได้ฝากเรียนกับสมเด็จพระชินเสน พระเถระชั้นสูงที่เดินทางมาจากกรุงศรีอยุธยา ท่านเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูได้สำเร็จ

หลังจากนั้นท่านได้เดินทางมาศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราชเพื่อเพิ่มพูนความรู้ โดยพักอาศัยที่วัดเสมาเมือง ซึ่งเป็นสำนักเรียนที่มีสมเด็จพระมหาปิยะทัสสีเป็นเจ้าอาวาส ในช่วงเวลานั้นท่านได้บรรพชาและอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่อท่านถึงวัยที่ครบกำหนด โดยท่านได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์หลายท่านจนสามารถทรงอภิญญาได้และแสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง
เมื่อท่านอายุได้ 80 ปี ท่านได้กลับมาพักที่วัดพะโคะซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน และได้สั่งเสียลูกศิษย์ให้เก็บพระศพของท่านไว้ที่วัดช้างไห้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนสามารถมาเยี่ยมเยียนได้ในอนาคต
แม้ท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ลูกศิษย์ของท่านยังคงมีความเลื่อมใสและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านตลอดมา จนกระทั่งชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปถึงต่างประเทศและได้รับการยอมรับในอภินิหารของท่าน โดยเฉพาะเรื่องการเหยียบน้ำทะเลจืด รวมถึงพระเครื่องของท่านที่ไม่ว่าผู้ใดจะสร้างหรือปลุกเสกก็ตาม ทุกองค์ต่างมีความยอดเยี่ยมและทรงพลัง ใครที่คล้องติดตัวจะรู้สึกปลอดภัยอย่างน่ามหัศจรรย์

หลวงพ่อปรีชา แห่งวัดเขาอิติสุคโต ท่านกล่าวคติสอนใจเรื่องนี้ไว้ว่า....
" ก็เพราะท่านจิตบริสุทธิ์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโลภ ไม่มีความหลง จิตท่านบริสุทธิ์ ไม่มีรสกิเลสเจือ เปรียบได้กับน้ำใสเย็นที่เป็นที่พึ่งเป็นที่พักใจของสัตว์โลก เมื่อจิตท่านบริสุทธิ์แล้ว ท่านจะหยิบแตะสิ่งใดด้วยใจอันบริสุทธิ ก็ย่อมทำให้สิ่งนั้นพลอยบริสุทธิ์ไปด้วย"
แม้กระทั่งน้ำทะเลที่เค็ม เมื่อท่านนำความบริสุทธิ์และความใสสะอาดไปสัมผัส น้ำทะเลก็พลันกลายเป็นน้ำจืดใสไปด้วย อำนาจแห่งความบริสุทธิ์ที่มาจากใจนั้นเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ทั้งต่อตนเองและส่วนรวมได้อย่างมหัศจรรย์
การพยายามรักษาใจให้ถึงความบริสุทธิ์จึงเป็นงานสำคัญและหน้าที่ของนักบวช ผู้ปฏิบัติธรรมที่ต้องเข้าถึงความบริสุทธิ์ในใจให้ได้
คาถาบูชาหลวงปู่ทวด
ในการบูชาหลวงปู่ทวดเพื่อความเป็นสิริมงคล ควรจุดธูปแขก 9 ดอก และมะลิขาว 9 ดอก พร้อมกล่าวคำบูชาพระพุทธเจ้า และตามด้วยคาถาบูชาหลวงปู่ทวดดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ความหมายของคาถานี้คือ " ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ ผู้มีโชคที่ได้มาอาศัยในตัวข้าพเจ้า "
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก wikipedia.org