"พญาปุริสาท" กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล เนื่องจากรูปปั้นเทพร่างกำยำหน้าประตูที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็น เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยพระฌาน จ.ลำปาง อธิบายว่านี่คือพญาปุริสาท ซึ่งสร้างขึ้นจากมุมมองทางศิลปะ แต่หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่า พญาปุริสาท เป็นหนึ่งในพญาครุฑตามตำนาน หรือบางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ดังนั้น Mytour Horoscope จึงขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ พญาปุริสาท ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

"พญาปุริสาท" คือใคร และมีที่มาอย่างไร
คนไทยนิยมบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือที่รู้จักในชื่อท้าวเวสสุวัณ และท้าวกุเวร ซึ่งเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาและพุทธสถานทางทิศเหนือ นอกจากนี้ยังเป็นเทพผู้ควบคุมอสูรและปราบภูติผีปีศาจ ทั้งในคติพราหมณ์และพุทธศาสนา ท้าวเวสสุวรรณได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ โดยประทับอยู่บนภูเขาไกลาสในดินแดนมหาทรัพย์ ซึ่งมีสระโบกขรณีและบัวหอมอันวิเศษ พร้อมด้วยบริวารยักษ์และรากษสนับล้านตน ผู้คนจึงบูชาท้าวเวสสุวรรณเพื่อเสริมโชคลาภและขจัดภัยอันตราย
ด้วยความเชื่อดังกล่าว ท้าวเวสสุวรรณจึงกลายเป็นที่พึ่งทางใจของคนจำนวนมาก มีการสร้างรูปเคารพเพื่อบูชาหลายแห่ง แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงบริวารของท่านมากนัก จนกระทั่งไม่กี่ปีมานี้ ชื่อของพญาปุริสาทจึงเริ่มปรากฏชัดเจนนอกวงการวัตถุมงคล ผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นผลมาจากปี 2564 เมื่ออาจารย์โอเล่ ญาณสัมผัส ได้กล่าวถึงมหาอำมาตย์สำคัญของท้าวเวสสุวรรณ นั่นคือพญาปุริสาท ผ่านการไลฟ์สดและรายการ The ghost secret ไขความลับโลกวิญญาณ เนื่องจากคนไทยบูชาท้าวเวสสุวรรณมาก แต่บางครั้งไม่เห็นผล จึงมีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพญาปุริสาทเพื่อสืบสานความเชื่อตามตำนาน
อาจารย์โอเล่ได้อธิบายว่า พญาปุริสาทคือบริวารเทพยักษ์ที่มีลักษณะกึ่งสิงห์ ทำหน้าที่เสมือน “เลขา” หรือ “มือขวา” ของท้าวเวสสุวรรณ เป็นผู้ถือกุญแจขุมทรัพย์และดูแลบัญชีบุญกุศลของเหล่าสรรพสัตว์ นอกจากนี้ยังกินภูติผีปีศาจร้ายเป็นอาหาร คนโบราณนิยมบูชาทั้งท้าวเวสสุวรรณและพญาปุริสาท โดยเฉพาะผู้ที่บุญไม่ถึงขั้นหรือไม่เหมาะกับการบูชาท้าวเวสสุวรรณโดยตรง การบูชาพญาปุริสาทเชื่อว่าจะช่วยส่งคำอธิษฐานไปถึงท้าวเวสสุวรรณ และยังช่วยป้องกันภัยจากผีร้าย คุณไสย มนต์ดำ รวมถึงแก้เคล็ดเสนียดจัญไรในชีวิต

"พญาปุริสาท" ไม่ใช่พญาครุฑ
ในปีเดียวกัน อาจารย์โอเล่ ได้ร่วมมือกับพิธีกรและศิลปินผู้มีความศรัทธา สร้างประติมากรรมองค์พญาปุริสาท และจัดพิธีบวงสรวงตามโบราณราชประเพณี เพื่อถวายให้แก่วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นวัดสำคัญที่เปี่ยมด้วยความศรัทธาต่อท้าวเวสสุวรรณ โดยการสร้างแล้วเสร็จและจัดพิธีบวงสรวงในเดือนมกราคม 2565 ปัจจุบันพญาปุริสาทประดิษฐานอยู่ข้างท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นที่นิยมในการกราบไหว้ แต่อาจมีผู้ไปวัดจุฬามณีบางท่านไม่ทันสังเกต นอกจากนี้ อาจารย์โอเล่ ยังได้สร้างพญาปุริสาทถวายให้วัดอื่น ๆ อีกหลายแห่งในหลายจังหวัด โดยไม่มีการปล่อยเช่าบูชาวัตถุมงคลแต่อย่างใด

รูปลักษณ์ของพญาปุริสาทที่สร้างถวายวัดนั้น มีครึ่งบนเป็นมนุษย์ที่มีเขี้ยวคล้ายยักษ์ แต่งกายด้วยเครื่องทรงทอ ส่วนอุ้งมือ อุ้งเท้า และครึ่งล่างเป็นสิงห์ โดยมีเท้าหนึ่งเหยียบหีบสมบัติ และอีกข้างเหยียบกะโหลกศีรษะเพื่อข่มอาถรรพ์
นอกจากเรื่องเล่าต่าง ๆ ข้อมูลที่พบทางออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับวัดหลายแห่งที่จัดสร้างและทำพิธีเบิกเนตรพญาปุริสาทเพิ่มขึ้น รวมถึงการเช่าบูชาในรูปแบบวัตถุมงคลที่มีการออกแบบหลากหลาย โดยเน้นพุทธคุณของพญาปุริสาทในด้านการป้องกันภูติผีและเสริมโชคลาภให้แก่ผู้บูชาเป็นหลัก

เทพผู้ปกป้องและขับไล่อสูร
รูปปั้นยักษ์ในพุทธสถานของไทยพบได้ทั่วไปทั้งในรูปแบบประติมากรรมและจิตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นยักษ์กึ่งเทพ ยักษ์แบก หรือยักษ์มีปีก ตามแต่ที่มา แต่หากพูดถึงรูปลักษณ์ที่เชื่อว่าเป็นพญาปุริสาท จะพบได้น้อยในวัดภาคกลาง ตามตำนานเล่าว่าพญาปุริสาทพบได้มากในวัดทางภาคเหนือหรือล้านนา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับมอญและพม่าตั้งแต่โบราณ ทั้งในจังหวัดลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ ไปจนถึงมหาเจดีย์ทองคำชเวดากอง และวัดสำคัญต่าง ๆ ในพม่า ล้วนมีปูนปั้นลักษณะคล้ายกันคือเทพกึ่งมนุษย์กึ่งสิงห์ ที่เชื่อว่าเป็นพญาปุริสาท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าท้าวเวสสุวรรณได้ส่งบริวารมาคุ้มครองปกป้องวัดเหล่านั้น

ในแง่ประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีเรียกรูปปั้นเหล่านี้ว่า “มนุษย์กึ่งสิงห์” ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจมีรากความเชื่อเดียวกับสฟิงซ์ของอียิปต์ ที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องสถานที่สำคัญจากอันตราย มนุษย์กึ่งสิงห์ในพม่ามีตำนานว่าเป็นเทพพิทักษ์ที่ปกป้องพระพุทธศาสนา แตกต่างจากสิงห์เฝ้าวัดทั่วไป มีบันทึกกล่าวว่านี่คือร่างแปลงของพระอรหันต์เพื่อขับไล่ผีกินเด็กหรืออสูรร้าย ชาวมอญเรียกสิ่งนี้ว่า "มนุสสีหะ" ซึ่งมีลำตัวเป็นสิงห์และหัวเป็นมนุษย์สวมชฎา ชาวมอญโบราณใช้ใบลานทำเป็นสัญลักษณ์มนุสสีหะแขวนไว้บนเปลเด็กแรกเกิด สอดคล้องกับความเชื่อของคนไทยที่มียันต์ “แม่ซื้อ” เป็นภูตประจำตัวเด็ก หรือยันต์ท้าวเวสสุวรรณ เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย



แม้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าพญาปุริสาทคือมนุสสีหะหรือสอดคล้องกับประติมากรรมในพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นในยุคหลังหรือไม่ แต่หากตำนานและความเชื่อที่เล่าขานนำไปสู่กุศลและทางสว่าง ย่อมเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความศรัทธาทุกคน
อาจารย์โอเล่ย้ำเสมอว่าผู้ที่มีความเชื่อและศรัทธาไม่ควรยึดพญาปุริสาทเป็นที่พึ่งหลัก แต่การหมั่นทำความดีและสะสมบุญกุศลนั้นสำคัญกว่าสิ่งใด
การบูชาพญาปุริสาท
อาจารย์โอเล่กล่าวว่าการบูชาเทพนั้น หากทำได้ถูกต้องและเหมาะสมก็สามารถนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง การบูชาเทวดานั้นเป็นสิ่งดี หากจิตใจเราถึงก็จะช่วยให้ชีวิตงอกงาม ส่วนการบูชาพญาปุริสาทนั้น เปรียบได้กับการบูชาปี่เซียะที่ช่วยเรียกทรัพย์และปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย สามารถตั้งไว้หน้าบ้านหรือในห้องพระก็ได้ แนะนำให้สวดคาถาชินบัญชร ซึ่งมีพลังอันยิ่งใหญ่ หรือคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร หรือบทสวดพาหุงมหากาก็ได้เช่นกัน
คาถาบูชาพญาปุริสาท
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง
อาราธนานัง โอม ปุริสาท
เทวะ อมาตยักขา
อนุรักข้นตุ ยักขะเทวามหา
ลาโภ มหาอิทธิโย มหาปัญโญ
ประสิทธิเมโอมตะถานุ เสวะ
กะนัง สัพเคราะห์ สัพโศก
สัพภัย วินาศสันตุ
คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร
(เริ่มด้วยการสวดนะโม 3 ครั้ง)
ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
จะตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง
(สวดทั้งหมด 9 ครั้ง)
สนใจซื้อขายหรือเช่าบูชาเครื่องรางท้าวเวสสุวรรณและวัตถุมงคลอื่น ๆ คลิกที่ ENNXO