
ดอกฮิกันบานะ ดอกไม้สีแดงสดที่บานสะพรั่งในช่วงเดือนกันยายน เป็นดอกไม้ที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่กล้านำมาปลูกในบ้าน มาค้นหาความลับเบื้องหลังความหวาดกลัวนี้กัน
ทำความรู้จักกับดอกฮิกันบานะ
ดอกฮิกันบานะ (Hikanbana, 彼岸花) หรือ Red spider lily เป็นพืชในตระกูลลิลลี่ที่มีลักษณะพิเศษคือดอกและใบไม่เคยเจอกัน โดยดอกจะบานในช่วงกลางเดือนกันยายน ก่อนที่ใบจะแตกออกมาในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ และเหี่ยวแห้งไปในฤดูร้อน เหลือเพียงหัวใต้ดินรอเวลาบานอีกครั้ง
เหตุผลที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่รู้สึกกลัวดอกฮิกันบานะ
หลายคนในญี่ปุ่นรู้สึกหวาดกลัวดอกไม้ชนิดนี้จนไม่กล้านำมาปลูกในบ้าน โดยมีเหตุผลหลักดังต่อไปนี้
การบานในช่วงวันศารทวิษุวัต
วันศารทวิษุวัต (秋分の日, Autumn Equinox) เป็นวันที่เชื่อกันว่าขอบเขตระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณใกล้กันที่สุด ทำให้การสื่อสารระหว่างผู้ที่ยังมีชีวิตและบรรพบุรุษที่ล่วงลับเป็นไปได้ง่าย ในศาสนาพุทธ ช่วง 7 วันของวันศารทวิษุวัตเป็นช่วงที่เชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษเข้าสู่ภาวะสงบสุขและรู้แจ้ง เรียกว่า ฮิกัน (彼岸) ชาวญี่ปุ่นจะไปสุสานเพื่อแสดงความเคารพ และดอกไม้ที่บานในช่วงนี้จึงถูกเรียกว่า ฮิกันบานะ
คำเล่าขานจากคนรุ่นเก่า
ดอกฮิกันบานะบานในช่วงฮิกัน มีสีแดงสดคล้ายเลือดและกลีบดอกที่ดูน่ากลัว นอกจากนี้ทุกส่วนของต้นไม้ชนิดนี้ล้วนมีพิษ คนรุ่นก่อนจึงมักขู่ลูกหลานไม่ให้นำต้นไม้ชนิดนี้เข้าบ้าน โดยเชื่อว่าการปลูกฮิกันบานะในบ้านจะนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว
การปลูกดอกฮิกันบานะไว้ในสุสาน
ในอดีตที่ยังไม่มีการเผาศพ ร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกฝังในสุสาน ชาวญี่ปุ่นจึงปลูกต้นฮิกันบานะไว้รอบๆ สุสานเพื่อป้องกันหนูและตัวตุ่นไม่ให้ทำลายศพ สารพิษ Lycorine ในหัวของต้นไม้ชนิดนี้มีฤทธิ์ไล่สัตว์เหล่านี้ให้ห่างจากหลุมศพ หากมนุษย์รับประทานหัวของต้นนี้เข้าไปอาจเกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หายใจลำบาก หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
มุมมองของคนญี่ปุ่นต่อดอกฮิกันบานะในยุคปัจจุบัน
ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ คนญี่ปุ่นเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น จึงมีการปลูกต้นฮิกันบานะตามคันนาเพื่อป้องกันสัตว์รบกวนไม่ให้ทำลายพืชผล นอกจากนี้ยังนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในบ้านและจัดเป็นทุ่งดอกไม้ในสวนสาธารณะ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของดอกไม้ชนิดนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็นสบาย
หากมาเยือนญี่ปุ่นหลังวันที่ 15 กันยายนของทุกปี จะมีโอกาสได้ชมทุ่งดอกฮิกันบานะสีแดงสด แม้ดอกไม้จะสวยงาม แต่ควรชมจากระยะไกล หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเด็ดดอกไม้ด้วยมือเปล่า
สรุปสาระสำคัญจาก news.yahoo