เปิดเงื่อนงำเกี่ยวกับหลวงพ่อทวดเตารีด รุ่นเนื้อเมฆพัด ปี 2505 เหตุใดพระเครื่องที่ควรมีราคาสูงที่สุดกลับมีราคาถูกที่สุด?
คำว่าเมฆพัดเป็นคำที่ทุกคนที่สนใจสะสมพระเครื่องจะต้องเคยได้ยิน เพราะมันคือโลหะที่ใช้สร้างพระเครื่องที่มีพลังและพุทธคุณสูงมาก แต่น่าแปลกที่คนจำนวนมากมักสะกดผิด โดยบางคนสะกดว่าเมฆพัตร หรือเมฆพรรดิ์ ซึ่งไม่ถูกต้อง ตามพจนานุกรมไทยที่ถูกต้องต้องเขียนว่า 'เมฆพัด'

หลวงพ่อทวดเตารีด รุ่นเนื้อเมฆพัด
เมฆพัด คือโลหะที่ได้จากการเล่นแร่แปรธาตุในตำราของไทยโบราณ เชื่อกันว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัวเอง เมฆพัดเป็นโลหะที่เกิดจากการหุงแร่ตะกั่ว ทองแดง ดีบุก โดยตามตำราจะต้องหุงกันถึง 7 วัน 7 คืน ในระหว่างการหุงต้องผสมสารต่างๆ เช่น กำมะถัน ปรอท และสมุนไพรต่างๆ อย่าง ไพลดำ ต้นหิ่งหาย ไม้โมกผา ขิงดำ กระชายดำ สบู่แดง และสบู่เลือด
ซัดเข้าไปในเบ้าหลอม พร้อมทั้งบริกรรมคาถาต่างๆ อยู่ตลอด 7 วัน 7 คืน พอสำเร็จจะได้โลหะสีดำเป็นมันเงาเลื่อมพราย อมสีฟ้า น้ำเงินบางๆ เนื้อจะแข็งมากแต่น่าแปลกที่พระถึงแม้จะแข็งแต่แฝงไปด้วยความ เปราะและแตกง่ายมากเวลาตก หรือ กระแทกแรงๆ
พระเกจิคณาจารย์ในสมัยโบราณนิยมนำเมฆพัดมาทำเป็นพระเครื่อง อาทิ พระครูปัจฉิมทิศบริหาร (นาค โชติโก) วัดห้วยจระเข้ นครปฐม และพระอาจารย์ทับ วัดอนงคาราม ซึ่งค่านิยมองค์นึงต้องมีหลักล้านถึงหลายๆ ล้านบาทต่อหนึ่งองค์ เนื้อเมฆพัดนี้ถือกำเนิดมาจากการเล่นแร่แปรธาตุของคนยุคโบราณ
โดยจุดกำเนิดเท่าที่พบน่าจะมาจากทางนครปฐม คนสมัยก่อนมีการเล่นแร่แปรธาตุ เขาเห็นทองคำมีสีเหลือง ในสมัยก่อนความรู้ยังไม่ถึงเลยคิดเอาว่า น่าจะสร้างทองคำเอาเองได้ โดยยุคนั้นยังไม่มีการเรียนวิชาเคมีแบบในสมัยนี้ คนยุคนั้นจึงไม่รู้ว่าทองคำนั้นเป็นธาตุบริสุทธิ์ มิใช่โลหะที่จะผสมหรือทำขึ้นมาเองได้ เมื่อคนยุคเก่าอยากได้ อยากสร้างทองคำเอง จึงเริ่มคิดหาวิธีการทำทองคำขึ้น โดยคิดว่าหากเอาอะไรที่เป็นสีเหลืองๆ ใส่ลงไปในโลหะเหลวคงจะได้ออกมาเป็นทองคำ
เช่น ใส่ลงไปในเหล็กทองแดง ตะกั่ว และ ดีบุก ที่กำลังหุงหลอมร้อนๆ แล้วจะได้เป็นทองคำ คนยุคนั้นจึงได้เอาสุพรรณ ก้อนสีเหลืองๆ ที่มีขายที่ร้านขายยาจีนใส่ลงไปในเตาหลอมโลหะ แต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด ผลปรากฏว่าได้โลหะชนิดใหม่ที่มีสีดำเป็นประกาย ผิวโลหะจะมีสีน้ำเงินฟ้าๆ แซมในเนื้อโลหะขึ้นมา ดังนั้นโลหะเมฆพัดปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ในการทำพระเครื่องมาจากสายของจังหวัดนครปฐมเป็นเจ้าแรกๆ นั้นเอง
ก้อนสุพรรณที่ว่านี้ จริงๆ ก็คือ ก้อนกำมะถันครับ คุณสมบัติของกำมะถัน เมื่อได้ไปผสมกับโลหะใดๆ ก็ตาม จะทำให้โลหะผสมนั้นๆ เมื่อเย็นตัวแล้วจะมีเนื้อหาที่แข็งแต่เปราะ แตกหักได้ง่าย เมื่อกระทบ หรือ ตกแรงๆ เมื่อไปผสมในโลหะร้อนที่หลอมเหลว จะเกิดปฏิกิริยาทำให้เกิดเป็นกรดซัลฟูริคและแก๊สไข่เน่าขึ้น แก๊สไข่เน่ามีสีดำคล้ำ มีกลิ่นเหม็นมาก เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ ส่วนกรดซัลฟูริคนั้นจะทำปฏิกิริยากับโลหะเหลวทำให้เกิดเป็นทองแดงซัลเฟต และเหล็กซัลเฟตซึ่งมีสีน้ำเงินเข้ม ดังนั้นโลหะผสมที่ได้ จึงมีสีดำเป็นประกายและมีสีน้ำเงินแซม นี้คือเอกลักษณ์สำคัญของเนื้อเมฆพัดครับ

โลหะ “เมฆพัด” นั้น ตำราทางไสยศาสตร์ถือได้ว่าเป็นสุดยอดโลหะทั้งปวง คนโบราณนิยมเรียกว่า “โลหะธาตุกายสิทธิ์” เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา “แร่ธาตุ” มาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี “น้ำว่าน” หลายชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เชื่อกันว่าแม้ไม่ต้องทำการปลุกเสกใดๆ เลยก็มีอานุภาพมาก สามารถป้องกันภยันอันตราย ภูมิผีปิศาจไม่ให้มากล้ำกราย พร้อมทั้งยังสามารถไถ่ถอนคุณไสย ป้องกันมนตร์ดำ ลมเพลมพัด
พร้อมทั้งเป็นวัตถุแก้ดวงชะตาให้กลับร้ายกลายเป็นดี นิรันตรายชั้นเอกอีกด้วย เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว ในยุคโบราณเมฆพัดจัดเป็น ”ลูกเบา” ชนิดหนึ่งซึ่งหลายคนอาจจะ งง ว่า คำว่า ลูกเบา นี้คืออะไร ตามคัมภีร์ของพวกพราหมณ์ และ ไสยเวทย์สายเขมร กล่าวว่า ถ้าผู้ที่หุงแร่จนสำเร็จตามตำราแล้ว นำโลหะเมฆพัดอมไว้ในปาก จะสามารถล่องหนหายตัวได้ แถมยังเหาะเหินเดินอากาศ เดินบนยอดหญ้า เดินบนน้ำได้ สมดังชื่อ ลูกเบา ครับ แต่ถ้านำเมฆพัดนี้นำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ ชนิดว่าแรงแบบ พันเท่าทวีจากปกติเลยทีเดียว


หลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆพัด วัดช้างให้ สร้าง เมื่อ พ.ศ. 2505 จัดสร้างโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรฯ ยุคล (องค์ชายกลาง) โดยเนื้อเมฆพัดนี้ แรกเริ่มเดิมทีท่านไม่ได้จัดสร้างเพื่อจะจำหน่ายที่วัด เหมือนเนื้อโลหะผสมทั่วไป หลายท่านเข้าใจผิดว่าสร้างพร้อมกันกับเนื้อโลหะผสมที่วัดช้างให้ ปัตตานีแต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ สร้างก่อนเนื้อโลหะผสม ระยะการสร้างห่างกันราวหลักเดือนเห็นจะได้ เพราะเนื้อทองคำ เมฆพัด นวะโลหะ เนื้อแร่ 4 เนื้อนี้ท่านทำไว้เป็นพระประจำตระกูลของท่านเองก่อน แล้วจึงดำริสร้างให้แก่วัดช้างให้ เป็นลำดับต่อไปเรียกได้ว่าท่านทำไว้ใช้เอง แต่มีบางส่วนที่ท่านได้นำไปบริจาคให้วัดช้างให้ ในภายหลัง
เนื้อโลหะหลวงพ่อทวดที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรฯ ทำไว้ประจำตระกูลของพระองค์เองจะมี เนื้อทองคำ เนื้อเมฆพัด เนื้อนวะโลหะ และ เนื้อแร่ ซึ่งเนื้อเมฆพัดนี้ ในสมัยก่อนนั้นทางวัดช้างให้ได้กำหนดราคาให้เช่าบูชา พระหลวงพ่อทวดรุ่นหลังเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆพัดราคาสูงกว่าเนื้อโลหะผสมหลายเท่าตัวเลยนะครับ นั่นแสดงว่าเตารีด เมฆพัดต้องมีอะไรพิเศษเป็นแน่แท้ถึงทำให้ราคาสูงกว่าเนื้ออื่นๆ ผมเคยได้รับความรู้ คำบอกเล่าจากผู้ที่อยู่ในพิธีตอนหล่อเนื้อเมฆพัดนี้ ซึ่งเคยติดตามพระองค์เจ้าเฉลิมพลในครั้งนั้นว่า ตอนที่ทำการทำพระเนื้อเมฆพัดอยู่นั้น อาจารย์ทิมได้อยู่ในพิธีด้วย
พร้อมทั้งดวงวิญญาณขององค์หลวงพ่อทวดที่ผ่านอาจารย์ทิม ได้ควบคุมและส่งกระแสจิตแก่พิธีการเทพระเนื้อเมฆพัดนี้ จนครบจำนวน 999 องค์ มีแม่พิมพ์จำนวน 3 แม่พิมพ์ แต่การสร้างเนื้อเมฆพัดนี้จะไม่เหมือนกับการสร้างพระเนื้ออื่นกล่าวคือจะเป็นการหยอดลงแม่พิมพ์ทีละองค์ ไม่ได้เทเป็นช่อแบบเตารีดเนื้อโลหะผสมทั่วไป เมื่อทำการหล่อครบจำนวน 999 องค์แล้ว อาจารย์ทิมได้ทำการปลุกเสก พร้อมทั้งในขณะนั้นในพิธีได้เกิดมีกลิ่นหอมแบบดอกมะลิ อบอวลหอมฟุ้งไปทั่ว สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้เล่าและผู้ที่อยู่ในพิธีการสร้างอย่างมาก ผ่านไปสักระยะใหญ่ไม่แน่ใจว่านานเท่าใด อาจารย์ทิมก็ได้ลืมตาแล้วกล่าวเป็นน้ำเสียงคล้ายๆ พระที่ชราภาพมากๆ ว่า
“พิธีพุทธาภิเษกได้เสร็จสิ้นแล้ว จากนี้ไปในอนาคตคงจะไม่มีการสร้างพระที่ครบครันด้วยมวลสารและพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยอานุภาพเช่นนี้อีกแล้ว ถือเป็นพระที่สำคัญในแผ่นดิน หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นพระที่สำคัญในโลกตามที่พระองค์ชายกลางทรงปรารถนา”
องค์ชายกลางได้ถามอาจารย์ทิมว่า พระนี้จะเรียกว่าพระอะไร หลวงพ่อทวดที่ผ่านการปลุกเสกโดยอาจารย์ทิมให้เรียกว่า พระเนื้อกายสิทธิ์
พระที่ปลุกเสกนี้มีคุณสมบัติอะไรบ้าง ท่านตอบว่า จะปกป้องคุ้มครองทุกด้าน ทุกสถานที่ ภูติผีปีศาจ สัตว์ร้าย และแม้แต่เทพเทวดาก็ไม่อาจเข้ามาทำอันตรายได้ ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และไข้ป่าทั้งหลาย หากมีคนเจ็บท้องก็สามารถอาราธนาน้ำมนต์เพื่อบรรเทาอาการได้ ยามมีอันตรายก็สามารถปกป้องร่างกายจากอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบนบก ในน้ำ หรือในอากาศตราบใดที่ยังไม่หมดอายุขัย มัจจุราชก็จะไม่เห็นพระชุดนี้ อย่าให้พระนี้ตกอยู่ในมือของคนชั่ว เพราะพวกเขาจะใช้ไปในทางที่ผิด อย่าแจกจ่ายมากเกินไปให้เพียงแค่คนละองค์ก็พอ
พระเนื้อเมฆพัดที่สร้างขึ้นและปลุกเสกในครั้งนี้ เป็นพระที่สร้างน้อยที่สุดในบรรดาพระปี 2505 ทั้งหมด โดยมีการสร้างเพียงเนื้อทองคำที่มีจำนวนเพียงหลักสิบองค์เท่านั้น ดังนั้นพระเนื้อเมฆพัดน่าจะมีราคาสูงกว่าเนื้ออื่นๆ ใช่ไหม?
คำตอบคือไม่ใช่ครับ พระเนื้อเมฆพัดเป็นพระที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาพระปี 2505 ทั้งหมด หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะค่านิยมของผู้เล่นพระและผู้ที่สนใจราคานั้นเอง พระเนื้อนวะโลหะที่สร้างจำนวนหลายพันองค์มีค่านิยมเช่าหาที่ราคา 1-5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพและความสวยงาม ส่วนเนื้อโลหะผสมที่สร้างหลายหมื่นองค์มีค่านิยมในหลักแสนถึงล้าน แต่เนื้อเมฆพัดกลับมีค่านิยมอยู่ที่ 1 แสนถึง 2 แสนบาท ถือเป็นของดีในราคาถูกที่สุด และในด้านพุทธคุณต้องบอกว่าเป็นพระที่ดีที่สุดในรุ่นนี้แล้วครับ


หลวงพ่อทวด พิมพ์หลังเตารีด เนื้อเมฆพัด พิมพ์ A

หลวงพ่อทวด พิมพ์หลังเตารีด เนื้อเมฆพัด พิมพ์ B


หลวงพ่อทวด พิมพ์หลังเตารีด เนื้อเมฆพัด พิมพ์ C
พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีดใหญ่โลหะผสม
เอาล่ะเล่าเกร็ดประวัติมานานแล้ว เรามาศึกษาลงในรายละเอียดของพิมพ์เมฆพัดนี้กันครับ ในด้านพิมพ์ทรง เนื้อเมฆพัดจะมีพิมพ์ที่มีรายละเอียดมากกว่าพระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีดใหญ่โลหะผสมทั้งหมด เช่น เส้นหน้าผาก ร่องแก้ม ปากค่อนข้างแบะและกว้าง เส้นไหปลาร้า ริ้วจีวรลึกคมชัด
โดยเฉพาะริ้วจีวรที่ตั้งอยู่ระหว่างสังฆาฏิและไหล่ขวาของพระองค์ จะเห็นได้ชัดว่าเป็นลักษณะคล้ายกับคลื่นหรือเป็นลอนๆ (จีวรที่มีริ้วบั้งๆ) มีความลึกและความอ่อนช้อยที่งดงาม ริ้วจีวรเช่นนี้ไม่มีในพระหลวงพ่อทวดรุ่นหลังเตารีดใหญ่พิมพ์อื่นๆ อีกทั้งผู้สูงอายุได้กล่าวว่า พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีดใหญ่ พิมพ์เมฆพัด เนื้อนวะโลหะและเนื้อแร่ เป็นพระที่หายากมาก ผู้ที่มีมักจะเป็นผู้ที่มีวาสนาบารมีเท่านั้น และมักจะเก็บรักษาไว้อย่างดีไม่ยอมให้ผู้อื่นเช่าบูชา พระเนื้อเมฆพัดนี้มีการหมุนเวียนในตลาดพระน้อยมาก
เมื่อมาพิจารณารอยเจียรด้านข้าง ด้านหลัง และฐานพระจะเห็นได้ว่าการแต่งพระมีความประณีตและละเอียดมาก รอยเจียรและรอยตะไบไม่ได้หยาบเหมือนกับพระเนื้อโลหะผสม ในพระเนื้อเมฆพัดนั้นรอยเจียรละเอียดและงานเก็บรายละเอียดดีกว่าเนื้อโลหะผสมอย่างชัดเจน แสดงถึงฝีมือของช่างที่มีความชำนาญและความตั้งใจในการทำเป็นพิเศษ ผู้ที่เล่นพระหลวงพ่อทวดทุกคนลงความเห็นว่าเนื้อเมฆพัดนี้หายากมาก
เพราะพระเนื้อเมฆพัดมีการหมุนเวียนในวงการพระน้อยมาก โดยเฉพาะในปีหนึ่งจะมีการพบเห็นไม่เกิน 4-5 องค์ ซึ่งแตกต่างจากเนื้อโลหะผสมทั่วไปที่มีการหมุนเวียนในตลาดมากถึงหลักร้อยองค์ในแต่ละปี นอกจากนี้พระเนื้อเมฆพัดยังมีความงดงามและมีรายละเอียดที่ดีกว่าพิมพ์ใหญ่รุ่นอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ และยังมีลักษณะที่คล้ายกับพระเนื้อว่านพิมพ์กรรมการปี 2497
นี่คือเหตุผลที่ทำให้พระเนื้อเมฆพัดมีความหายากและเป็นที่ต้องการในวงการพระเครื่องและพระบูชาไทยแต่เดิม พระหลังเตารีดเนื้อเมฆพัดมักจะพบเห็นในคอหรือในบ้านของบุคคลในระดับสูง เช่น ลูกท่านหลานเธอ นายพล ตำรวจชั้นสูง หรือข้าราชการที่มีความสัมพันธ์กับพระองค์ชายกลางเท่านั้น ไม่พบเห็นในคนธรรมดาทั่วไป

ภาพที่ 7 1 ภาพ
พิมพ์พระหลวงพ่อทวด เนื้อเมฆพัด ปี 2505 ถูกแบ่งออกเป็น 3 พิมพ์ ได้แก่ A, B, และ C
จุดที่สามารถสังเกตได้ในทุกพิมพ์มีดังนี้
1. พระพิมพ์นี้จะมีเม็ดตาข้างเดียว หากพบเห็นสองข้างถือว่าเป็นของปลอม
2. ด้านขวาขององค์พระจะไม่มีเม็ดตา ถ้ามีก็จะเป็นของปลอมทันที


3. เส้นริ้วจีวรจะไม่วิ่งข้ามสังฆาฏิ หากพบการชนกันสามารถสรุปได้ว่าเป็นของปลอม
4. จีวรด้านขวาขององค์พระจะมีลักษณะเป็นบั้งๆ มีเส้นขวาง
5. พระพิมพ์นี้จะมีลักษณะการเทพระแบบเป็นองค์ๆ จึงไม่มีการพบช่อชนวนที่ก้น พระที่มีก้นมักจะพบรอยตะไบและการเจียรเก็บงานรอบขอบ ด้านหลัง และก้น จุดสำคัญคือด้านหลังมักจะมีแอ่งทุกองค์ ขึ้นอยู่กับองค์แต่ต้องมี และพระเนื้อเมฆพัดนี้จะมีลักษณะเนื้อโลหะที่ย่นยับคล้ายกับผ้ายับๆ บางองค์จะมีลักษณะเหมือนตาข่ายหรือใยผ้าแห้งๆ หากหลังพระเป็นแบบเรียบๆ ตึงๆ ถือว่าเป็นของปลอมแน่นอน

จุดเด่นของเนื้อพระที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อเมฆพัดคือ เมื่อใช้กล้องส่องพระและส่องกับแสงไฟหรือแสงแดด จะเห็นประกายสีน้ำเงินอมฟ้าที่แทรกอยู่ในเนื้อพระ ทำให้ดูได้เพลิดเพลินมากๆ
เนื้อเมฆพัดโดยทั่วไปจะมีสีดำที่ประกายและสีน้ำเงินแซมในเนื้อพระเป็นจุดๆ หรือหย่อมๆ ทั่วทั้งองค์ ขึ้นอยู่กับแต่ละองค์ว่าจะมีมากหรือน้อย แต่มักจะต้องมีให้เห็น ลักษณะนี้เกิดจากเนื้อพระเอง ไม่ใช่การแต้มสี หากลองส่องพระแท้จะเห็นความแตกต่างชัดเจนของของแท้และของปลอม โดยที่ของปลอมมักจะใช้ปากกาน้ำหมึกสีน้ำเงินแต้ม
พระเก๊ที่พบในตลาดมักมีเนื้อด้านๆ สีไม่ประกาย มีสีคล้ายตะกั่ว และมักจะมีรอยจ้ำสีฟ้าอมๆ เมื่อดูจะให้ความรู้สึกหมองๆ และอึมครึม ถ้าท่านเข้าใจลักษณะของเนื้อเมฆพัดมากขึ้นแล้ว จะเห็นความแตกต่างชัดเจน ในการที่พระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดเนื้อเมฆพัดนั้นหายาก มีจำนวนการสร้างที่น้อย การจัดทำอย่างประณีต รวมถึงการปลุกเสกที่มีคุณภาพ ทำให้ราคาของพระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดเนื้อเมฆพัดสูงกว่าพระเนื้อนวะโลหะ
ต่อไปนี้ขอให้ท่านมั่นใจว่าเนื้อเมฆพัดนี้จะมีราคาพุ่งขึ้นถึงองค์ละ 1 ล้านภายในเวลาไม่นาน และจะสูงกว่าราคาเนื้อนวะโลหะไปแล้ว เหลือเพียงแค่ราคาของเนื้อทองคำที่อาจจะสูงกว่า โดยสอดคล้องกับความตั้งใจของพระองค์ชายกลางที่ได้สร้างพระหลวงพ่อทวดหลังเตารีด ปี 2505
ขอให้โชคดีและมีความสุขทุกท่านครับ