
เมื่อพระสงฆ์เริ่มสวดบท “ยถา…” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ที่ผู้เข้าร่วมพิธีคุ้นเคยกันดี เราจะรู้ทันทีว่าถึงเวลาที่ต้อง “กรวดน้ำ” ตามความเชื่อดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่เด็กจนโต เรามักได้ยินผู้ใหญ่บอกเสมอว่า “ทำบุญแล้วต้องกรวดน้ำด้วย ไม่อย่างนั้นบุญจะไม่ถึงผู้รับ” โดยเฉพาะการทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หากไม่กรวดน้ำ บุญนั้นก็จะไม่ส่งถึงพวกเขา
เหตุใดเราจึงต้อง “กรวดน้ำ” ?
การกรวดน้ำเป็นการอุทิศบุญกุศลให้กับญาติพี่น้อง ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เทวดาประจำตัว เจ้ากรรมนายเวร หรือแม้แต่วิญญาณไร้ญาติ เราสามารถกรวดน้ำได้ทันทีหลังทำบุญ หรือกลับไปกรวดที่บ้านก็ได้ แต่วิธีหลังมักทำให้หลายคนลืมทำ ส่งผลให้ผู้ที่เราตั้งใจอุทิศบุญให้ไม่ได้รับส่วนกุศลนั้น
ขณะกรวดน้ำ ให้เราจิตนึกถึงบุคคลที่เราต้องการอุทิศบุญให้ หรือผู้ที่เรามีเวรกรรมต่อกัน พร้อมขออโหสิกรรมและอุทิศผลบุญให้แก่พวกเขา การกรวดน้ำมีสองวิธีหลัก คือ กรวดน้ำแบบเปียก โดยใช้น้ำเป็นสื่อ ค่อย ๆ เทน้ำลงภาชนะพร้อมอุทิศบุญ และกรวดน้ำแบบแห้ง ซึ่งไม่ต้องใช้น้ำ แค่ประนมมือและอธิษฐานจิตให้ผลบุญถึงผู้รับ
“กรวดน้ำ” เพื่ออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรหรือญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนคุ้นเคยและปฏิบัติกันอยู่เสมอ แต่นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการ “กรวดน้ำ” อีกหลายประการที่หลายคนอาจยังไม่รู้ และอาจสงสัยว่าแบบนี้ก็ทำได้จริงหรือ
การกรวดน้ำให้ตัวเองกับความเชื่อที่ว่า “ทำบุญต้องได้บุญ”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การทำบุญจะนำมาซึ่งผลบุญ เพราะทุกการกระทำย่อมส่งผลตามมา การกรวดน้ำให้ตัวเองและเทวดาประจำตัวควรเป็นสิ่งแรกที่ทำในการกรวดน้ำ หลายคนมักลืมขั้นตอนนี้ไป เพราะคิดว่าตนเองเป็นผู้ทำบุญอยู่แล้ว จึงควรได้รับบุญโดยอัตโนมัติ
ในความเป็นจริง การกรวดน้ำให้ตัวเองและเทวดาประจำตัวเป็นการเปิดทางให้พลังบุญที่เราสร้างไว้ ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตและนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ความเชื่อโบราณกล่าวว่าทุกคนมีเทวดาประจำตัวคอยคุ้มครอง หากเราไม่เคยกรวดน้ำให้เทวดาประจำตัว พลังบารมีของเทวดาอาจลดลง
สำหรับผู้ที่พบเจออุปสรรคในชีวิต ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใดก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขอแนะนำให้ลองกรวดน้ำอุทิศบุญให้เทวดาประจำตัวและตัวเอง เพื่อเสริมบารมี ช่วยให้การเงินและการงานราบรื่นขึ้น
ไม่ชอบใครให้กรวดน้ำ “เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี”
เคยได้ยินไหมว่า เจ้ากรรมนายเวรอาจปรากฏในรูปแบบของแฟนเก่า เพื่อนที่หักหลัง คนข้างบ้านที่ไม่เคยเป็นมิตร หรือแม้แต่คนแปลกหน้าที่เจอครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตา กลายเป็นศัตรูไปทันที หากอ้างอิงตามความเชื่อ เราไม่อาจรู้ได้ว่าในชาติก่อนเราเคยทำกรรมอะไรกับพวกเขา หรือพวกเขาเคยทำอะไรกับเรามาก่อน
การกรวดน้ำสามารถเปลี่ยนความร้ายให้กลายเป็นดีได้ แม้เรื่องนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณบ้าง แต่หากทำแล้ว อาจช่วยให้สบายใจและเพิ่มพูนบุญกุศล มีความเชื่อว่าหากเรามีปัญหากับใครบ่อย ๆ หรือคนนั้นนำความเดือดร้อนมาให้ไม่หยุดหย่อน ให้ทำบุญและ “กรวดน้ำ” พร้อมเอ่ยชื่อนามสกุลของเขา เพื่อให้เขาได้รับบุญที่เราทำ พร้อมอธิษฐานให้เขาเมตตาและคิดดีกับเรา แม้ผลอาจไม่เห็นทันที แต่หากทำบ่อย ๆ บุคคลเหล่านั้นอาจหายไปจากชีวิตหรือกลายเป็นมิตรที่ดีก็ได้
กรวดน้ำคว่ำขัน อย่าได้เจอกันอีกในชาตินี้
คำว่า “คว่ำขัน” เป็นการแสดงถึงการตัดขาดความสัมพันธ์ให้สิ้นสุด เหมือนสายน้ำที่ไหลไปไม่กลับ (อาศัยการเทน้ำให้หมด เพื่อให้ทุกอย่างจบสิ้น) แบบที่ไม่ต้องการพบกันอีกในชาตินี้ บางคนอาจใช้วิธีนี้กับแฟนเก่า โดยพูดว่า “ฉันตัดขาด กรวดน้ำคว่ำขันกับเขาแล้ว ขอไม่ต้องเจอกันอีก” ในทางปฏิบัติ การกรวดน้ำปกติจะทำโดยค่อย ๆ เทน้ำพร้อมท่องบทสวด
“คว่ำขัน” คือการกรวดน้ำจนน้ำหมด และอาจทำขันให้คว่ำลงดิน เป็นการแสดงความตัดขาดอย่างชัดเจน เหมือนไม่ต้องการให้เหลืออะไรติดขัน หรือตัดความสัมพันธ์ให้ขาดสะบั้น จริง ๆ แล้ว การกรวดน้ำคว่ำขันเพียงแค่ตะแคงขันให้ก้นขันตั้งฉากกับพื้น หรือเทน้ำให้หมดก็เพียงพอแล้ว
วิธีการกรวดน้ำที่ถูกต้องคือค่อย ๆ เทน้ำลงในภาชนะ โดยห้ามใช้นิ้วรองน้ำเป็นอันขาด เพราะถือเป็นการให้ที่ไม่สมบูรณ์ หลังจากกรวดน้ำเสร็จแล้ว ให้นำน้ำนั้นไปรดที่โคนต้นไม้ที่มีรากฝังอยู่ในดิน หลีกเลี่ยงการรดน้ำในต้นไม้ที่ปลูกในกระถาง เพราะเชื่อว่าน้ำจะถูกพระแม่ธรณีเก็บรักษาไว้ และท่านจะเป็นพยานในการสร้างบุญกุศลของเรา
นี่เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ผลของการกระทำคือกรรมที่ทุกคนต้องรับ ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จงคิดดี ทำดี และมีสติอยู่เสมอ เชื่อว่าผลแห่งความดีจะนำพาสิ่งดี ๆ มาให้เราแน่นอน