เรื่องราวเหนือธรรมชาติและความลึกลับใน ตุ๊กตาคุณไสย ตอนที่ 6 ที่เผยความจริงจากผู้สร้าง
หากคุณยังจำได้ ฉันเคยกล่าวไว้ว่า ก่อนจะพบกับภรรยาหลวงอีกครั้ง และเมื่อทำการดูดวงเบื้องต้นแล้ว ฉันเชื่อว่าจะมีคำตอบบางอย่างสำหรับเธอ
นั่นคือการบอกกับเจ้าชะตาว่า ความสัมพันธ์นี้เป็นเรื่องของกรรมบางอย่าง ซึ่งจากการตรวจดูพบว่า เจ้าชะตาและสามีจะต้องอยู่ร่วมกันไปจนถึงที่สุด ส่วนภรรยาน้อยจะจากไปตามเวลา
และในเรื่องของคุณไสย ฉันไม่อยากให้คุณหมกมุ่นกับมันมากเกินไป เพราะอาจเป็นเพียงสิ่งที่คุณ "คิดไปเอง"
อย่างไรก็ตาม สัญญาณหลายอย่างที่ปรากฏขึ้น บ่งชี้ว่าความลึกลับเหล่านั้นอาจมีด้านที่อันตรายจริงๆ
ในการทำนายดวงชะตา สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือการหลีกเลี่ยงการทำนายที่อาจส่งผลเสียหรือสร้างความเสียหายให้กับเจ้าชะตา เช่น การพูดถึงเรื่องมรณะ ซึ่งไม่ควรกล่าวถึงเว้นแต่จะถูกถามเพื่อประโยชน์ของดวงชะตา
ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกหลานมีผู้สูงอายุป่วยหนักและต้องการทราบไทม์ไลน์เพื่อเตรียมการดูแลหรือส่งวิญญาณให้จากไปอย่างสงบ
เพราะสิ่งใดก็ตามที่อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกหรือส่งผลกระทบทางจิตใจ แม้จะต้องพูดความจริง แต่ก็ต้องมีเจตนาที่ดีและระลึกเสมอว่าผู้มาขอคำปรึกษานั้นต้องการทางออกในชีวิต
หรือเพื่อเข้าใจตนเองและผู้อื่น เพื่อนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตให้ดีที่สุด
ในโลกของไสยศาสตร์ แม้จะมีกฎเกณฑ์และข้อห้ามมากมาย แต่ก็ยากที่จะควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกรอบที่กำหนด
ในสงครามไสยศาสตร์ มักไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะที่ชัดเจน โดยเฉพาะไสยศาสตร์มืดที่นำพาความมืดมนและน่ากลัวเข้ามาในชีวิตของผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อตรวจดวงชะตาของภรรยาหลวงแล้ว พบว่ามีจุดอ่อนหลายประการ และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเจ้าชะตานี้อาจถูกกักขังหรือต้องโทษในสถานที่เช่นคุกหรือโรงพยาบาล
ส่วนภรรยานั้น ดวงชะตากำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ และเห็นได้ชัดว่าฝ่ายชายกำลังพยายามถอยห่างออกไป
แม้จะยังมีความรัก แต่เรื่องเพศไม่ใช่สิ่งดึงดูดอีกต่อไป และชีวิตความเป็นอยู่กำลังเรียกร้องให้กลับไปสู่ความสุขสบายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้จะเสียชีวิตก่อนภรรยาของเขา
มีคำกล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง และการเวียนว่ายตายเกิดในวงจรแห่งกรรมจะสิ้นสุดลงได้ด้วยการไม่สร้างเวรต่อกัน
แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อแต่ละคนต่างตกอยู่ในความทุกข์ร้อน มองดูชีวิตของทั้งสามคนนี้ ไม่มีใครที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
เหมือนต่างคนต่างพยายามดิ้นรนอยู่ในวงจรแห่งกรรม
มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนในบ้านของเรารู้ดี แต่เธอยังไม่ทราบ นั่นคือฉันและพ่อนั้น แม้จะคุ้นเคยกับเรื่องลึกลับต่างๆ และพ่อก็มีความรู้ในด้านนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะท่านได้ศึกษามาอย่างครบถ้วนทั้งสายขาวและสายดำ
แต่ท่านมักย้ำเสมอว่า เราจะไม่ใช้ไสยศาสตร์มืดเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
และมีเรื่องแปลกที่ว่า ผู้ใดก็ตามที่ตั้งใจใช้ไสยศาสตร์ในทางร้าย หากบังเอิญพบกับเราสองพ่อลูก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็มักจะประสบเหตุที่ทำให้พลังเวทมนตร์ของพวกเขาสลายไป หรือเกิดเหตุให้พวกเขา 'แพ้ภัย' และต้องคืนวิชาให้ครูบาอาจารย์
เรื่องเหล่านี้ยากที่จะเล่า เพราะอาจดูเหมือนเป็นการยกย่องตัวเองหรือทำให้ดูเป็นผู้วิเศษ แต่เนื่องจากหลายสิ่งหลายอย่างได้เกิดขึ้นจริง
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้เรารู้สึกว่าดีกว่าใคร แต่เป็นการเตือนว่าจิตใจมีพลังมหาศาล และบ่อยครั้งที่จิตใจนั้นสามารถทำลายแม้แต่เจ้าของเอง
เราเป็นเพียงกระจกบานหนึ่งที่สะท้อนอาวุธนั้นกลับไป
บางคนจึงพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ 'มีดหันกลับมาทิ่มแทงตัวเอง'
ฉันและพ่อเคยพบคนหลายคนที่มี 'พราย' อยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงไว้หรือถูกสิงอยู่ภายใน ซ่อนตัวเป็นปรสิตชนิดหนึ่ง
หลายคนเลี้ยงดูพรายเหล่านั้นด้วยความเกลียดชัง ความโกรธ และความอาฆาตแค้นที่คุกรุ่นในชีวิต และเมื่อพรายได้รู้จักสิ่งที่มันชอบ มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
อย่างที่เรามักได้ยินคำว่า 'ของเข้าตัว' หรือ 'ถูกพรายสิง'
ในสังคมไทยและในโลกมืดของไสยศาสตร์ พรายมีอยู่มากมายจากการขุดค้น การเสาะหา การสร้าง และการปลุกให้มีชีวิตขึ้นมา
ศพบางศพที่เสียชีวิตในวันเสาร์และถูกเผาในวันอังคาร หรือศพที่ตายทั้งกลม ศพที่ถูกฟ้าผ่า หรือศพที่เสียชีวิตด้วยเหตุลึกลับ มักถูกลักขโมยชิ้นส่วนไปทำน้ำมัน กรีดกระดูกหน้าผาก หรือเก็บเส้นผมเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเครื่องรางของขลัง
และคนหลายคนที่ครอบครองสิ่งเหล่านี้ด้วยเจตนาร้าย มักจะถูกครอบงำและมีชีวิตไม่ต่างจากพรายที่พวกเขาเลี้ยงดู
'ค่าบูชาเท่าไหร่คะ'
เธอซึ่งเป็นภรรยาหลวงที่มาขอคำปรึกษา ถามขึ้นหลังจากที่ฉันมอบสิ่งหนึ่งให้เธอ และการสนทนาของเราก็จบลง
'ให้พี่ไปทำบุญนะ' ฉันตอบ 'แล้วแต่ความสะดวก ขอแค่ตั้งใจทำก็พอ'
'ขอมอบเป็นค่าครูค่ะ' เธอพูดพลางควักแบงก์ 200 บาทออกมา 'โปรดรับไว้เถอะค่ะ'
ฉันจึงตอบว่า 'งั้นก็ให้กับพ่อของฉันนะคะ แล้วท่านจะนำไปทำบุญอีกครั้ง'
เธอลุกจากเก้าอี้ เดินไปหาพ่อที่กำลังนั่งอยู่บนตั่งอีกตัวหนึ่ง พนมมือไหว้และส่งค่าครูให้ท่าน
เธอออกจากบ้านของเราไป ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจรู้ได้ บางทีอาจผิดหวังที่ไม่มีไสยศาสตร์ใดๆ เกิดขึ้นตามที่เธอคาดหวัง
แต่ฉันก็หวังว่าเธอจะยังมีความหวัง เพราะฉันได้บอกเธอไว้ว่า
'ให้พี่ลองดูนะ แล้วสามีจะค่อยๆ กลับมาเอง อาจจะช้าหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง แค่พี่ดูแลตัวเองทั้งกายและใจให้ดีก็พอ'

สิ่งที่ฉันมอบให้เธอคือ ยันต์ดวงพิชัยสงคราม ซึ่งบรรจุดวงชะตาของเธอและสามี พร้อมอักขระปิดทองและพระคาถา ถือเป็นเครื่องรางชั้นสูงในสายโหราศาสตร์ที่รวมไสยศาสตร์ขั้นสูงไว้กับดวงชะตา
นี่เป็นการสร้างดวงพิชัยฯ ที่เสร็จเร็วที่สุด เพราะได้ฤกษ์ยามที่เหมาะสมอย่างน่าอัศจรรย์
ฉันบอกเธอให้สวดมนต์บูชาพระคาถาทุกเช้าเย็น และพยายามลดความโกรธเกลียดลง ถ้าเธอต้องการเริ่มชีวิตใหม่ แค่ทำให้ตัวเองแข็งแรงและสง่างามก็พอ
เธอถามว่า 'ยันต์นี้จะช่วยล้างไสยศาสตร์หรือเปล่าคะ'
ฉันตอบว่า 'ใช่'
แต่สิ่งที่ฉันไม่ได้บอกเธอคือ มันไม่ได้ล้างไสยศาสตร์อื่นใด แต่จะช่วยชำระล้างสิ่งที่เกาะกุมตัวเธอเองต่างหาก
ด้วยพลังแห่งพระพุทธคุณ และความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาที่บรรจุไว้ รวมถึงเจตนาดีที่มุ่งให้เธอมีชีวิตที่ดีที่สุด แน่นอนว่าไม่นานพรายที่อยู่กับเธอจะต้องสลายไป
ชีวิตของเธอยังต้องเผชิญกับวิบากกรรมมากมาย โดยเฉพาะกับสามี ซึ่งแม้จะไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทั้งคู่ก็ยังเป็นบ่วงกรรมของกันและกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการทำร้ายกันและกัน
เพราะสิ่งนี้ปรากฏเป็นนัยในดวงชะตาของทั้งสองคน ซึ่งฉันจะไม่เปิดเผยว่าเป็นดวงของใคร
ที่ฉันเลือกนำเรื่องนี้มาเล่า เพราะแม้จะดูเหมือนว่า “ไม่มีอะไรพิเศษ” แต่ในระหว่างเหตุการณ์ ก็มีรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจดังที่ได้บรรยายไป
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันตัดสินใจให้เรื่องจบลงแบบนี้
ชายชราที่ยืนอยู่กลางถนนยามค่ำคืน พร้อมกับเสียงนกที่ดังขึ้น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
แม่เคยเล่าให้ฟังว่า นกบางชนิดจะปรากฏตัวเมื่อมีวิญญาณมาหาเรา
(ฉันจะค่อยๆ เล่าให้ฟังทีหลังนะคะ ถ้ามีใครสนใจ)
จากประสบการณ์ตรงของแม่ รวมถึงคำสอนที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก และเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนยืนยันความเชื่อเรื่อง “นกกับวิญญาณ”
ทุกอย่างเป็นจริงก่อนที่เธอจะก้าวเข้าบ้านในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
เมื่อฉันได้ยินเสียงนกร้องนอกหน้าต่างทางทิศใต้ เสียงนั้นทำให้ฉันสะดุดหูทันที พร้อมกับคำสอนของแม่ที่ผุดขึ้นมาในใจ ฉันจึงลองตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าเป็นจริง เธอจะต้องปรากฏตัวในไม่ช้า
ไม่นานหลังจากนั้น รถมอเตอร์ไซค์ของเธอก็ปรากฏขึ้น
และฉันก็สังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ท้ายรถของเธอ
แต่เมื่อรถจอดลง กลับมีเพียงเธอเท่านั้นที่อยู่ตรงนั้น
คำตอบของเรื่องทั้งหมดก็คือ
ภรรยาหลวงเป็นผู้ที่ลงของใส่สามี และพยายามตามหาผู้ที่ลงของใส่หญิงอีกคนหนึ่ง เพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน และต้องการทำลายเมียน้อยของสามีให้พินาศ แต่สุดท้ายเธอกลับถูกของเข้าครอบงำ และมีวิญญาณตามติดตัว
ยันต์ดวงพิชัยที่เธอได้รับมา ช่วยปัดเป่าคุณไสยจากตัวเธอ และปกป้องดวงชะตาของเธอ ส่วนสามีและหญิงอีกคนหนึ่ง พวกเขาจะแยกทางกันไปตามเวรกรรม
มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันอยากเล่าเรื่องนี้ เพราะอยากให้สังเกตว่า บางครั้งเราไม่สามารถตัดสินอะไรได้ง่ายดาย เหมือนสามคนนี้ที่มีเวรกรรมผูกพันกัน และต่างก็ทำร้ายกันจนเกือบจะสูญเสียทุกสิ่ง
ในความเป็นจริง เราสามารถมองเรื่องนี้ได้หลายมุม ทั้งในแง่ของบทบาทหญิง-ชาย ค่านิยม ความเชื่อ และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่กดทับแต่ละคน
แต่เมื่อตรวจดวงชะตาแล้ว ยิ่งวิเคราะห์ลึก ยิ่งพบว่าคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะ “ทำร้ายกัน” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อย่าลืมว่าอาชญากรรมหลายครั้งเกิดขึ้นจากจิตใจที่วูบเดียว
และก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า วิญญาณที่ติดตามเธอมา คอยเตือนให้ตระหนักว่าเรื่องคุณไสยที่เธอพูดถึงนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ไร้หลักฐานแต่อย่างใด
ถ้าไม่ยอมฟังเธอ หรือปล่อยให้ใครสักคนทำคุณไสยตามที่เธอต้องการ นั่นอาจทำให้ตัวเองตกอยู่ในวงเวรกรรม ที่จะต้องผูกพันกันต่อไป และทำให้สายสัมพันธ์นั้นซับซ้อนยิ่งขึ้น