
เมื่อเห็นหัวข้อแล้ว คงรู้สึกขนลุกเบาๆ ว่าในโลกดิจิทัลที่พัฒนาไปไกลนี้ คุณไสยยังคงมีอยู่ในสังคมไทยหรือ? อย่าพึ่งมองว่าโฮโรโซไซตี้พาไปเชื่อในเรื่องเหลวไหลนะคะ เพราะมีผู้กล่าวไว้ว่าเมื่อมนุษย์พัฒนาในด้านต่างๆ มากเท่าไร กิเลสก็ยิ่งมากตาม ทั้งในแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมรอบตัวทำให้หลายคนสามารถทำสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ โดยเฉพาะเรื่องความรักหรือกรณีที่มีความโกรธแค้น และไม่สามารถแก้ปัญหาตรงๆ ก็หันไปพึ่งวิชาอาคมแทน ในอดีตหากต้องการทำของใส่ใครจะต้องมีข้อมูลวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากของคนๆ นั้น รวมถึงบางกรณีต้องใช้สิ่งของส่วนตัวของคนที่โดนทำของด้วย แต่ปัจจุบันแค่มีชื่อจริงและภาพถ่ายก็สามารถทำคุณไสยได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การทำคุณไสยไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ จะทำได้ ต้องมีกรรมสัมพันธ์กับคนที่ถูกทำด้วย และต้องใช้การอาคมขั้นสูง รวมถึงต้องมีทรัพย์และความกล้า เพราะหากการทำคุณไสยนั้นถูกแก้ไข จะมีผลร้ายย้อนกลับไปที่ผู้ทำมากถึง 3 เท่าเลยทีเดียว (ไม่แนะนำให้ทำโดยเด็ดขาด)
หากพูดถึงคนที่โดนคุณไสยใส่ มักจะพบว่าเขามีอาการที่ผิดปกติไปจากเดิม คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่าเพื่อนหรือคนใกล้ตัวอาจแสดงอาการแปลกๆ เช่น คนที่เคยร่าเริงกลายเป็นเงียบขรึม หรือคนที่เคยเป็นมิตรกลับแสดงอาการก้าวร้าวและไม่สุภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ แม้แต่ตัวคุณเองก็ต้องหมั่นสังเกตสถานที่ที่คุณอาศัยด้วย เราจึงขอนำเสนอวิธีสังเกตอาการของผู้ที่โดนคุณไสย และวิธีการป้องกันและแก้ไขเบื้องต้นให้ทุกคนได้ทราบ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ "ประเภทของการทำคุณไสย" 4 ประเภทหลักกันก่อน
- สายเสกเข้าทอง - เป็นการทำคุณไสยขั้นพื้นฐานที่สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การใช้ตะปูตอกฝาโลงศพ เหรียญปากผี ผ้าห่มศพ หนังควาย และอื่นๆ
- สายควบคุม - เป็นการทำคุณไสยระดับกลางที่พบเห็นได้บ่อย เช่น การฝังรูปฝังรอย การใช้ตุ๊กตาวูดู เสน่ยาแฝด น้ำมันพราย
- สายป้องกัน - ใช้การสักเลขยันต์ หรือของที่ผ่านการลงอาคมแล้ว เช่น ตะกรุดหรือปรอท เพื่อป้องกันภัยอันตรายต่างๆ
- สายโจมตี - เป็นการใช้วิธีโจมตีด้วยหุ่นปั้นหรือพยนต์ เช่น วัวธนู ควายธนู กุมารทอง หรือหุ่นพยนต์
อาการเมื่อโดนคุณไสย
อาการของผู้ที่โดนคุณไสยสามารถสังเกตได้ไม่ยาก โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
- เหม่อลอย ขาดสมาธิ ขี้หลงขี้ลืม
- ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย และมีอาการใจสั่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- มีอาการปวดเนื้อปวดตัว เหน็บชา หรือมีความรู้สึกผิดปกติที่ร่างกาย
- รู้สึกร้อนและหนาวสลับกันตลอดเวลา
- มีอาการจุกเสียด แน่นที่หน้าอกหรือบริเวณอื่นๆ ที่ไม่สามารถหาสาเหตุจากแพทย์ได้
- ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนขาดการนอน
- ดวงตาดูแข็งกร้าว ตาขวาง หรือดูดุและไร้อารมณ์
- มักอารมณ์รุนแรงและแปรปรวน ใช้คำพูดและอารมณ์ที่รุนแรง แม้ปกติจะเป็นคนใจดีและใจเย็น
- มีอาการคล้ายประสาทหลอน เช่น ได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน
- หลงใหลหรือเชื่อฟังคนบางคนมากผิดปกติ จนไม่สนใจความคิดเห็นของคนรอบข้าง
วิธีป้องกันและการแก้ไขเบื้องต้น
- หมั่นสวดมนต์ ทำสมาธิ และแผ่เมตตาให้กับตัวเอง พร้อมทั้งอุทิศส่วนกุศลให้กับตัวเอง เจ้ากรรมนายเวร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องเรา โดยเฉพาะบทพุทธคุณและคาถาชินบัญชร พร้อมอธิษฐานขอให้คาถานี้เป็นเกราะป้องกันภัยจากสิ่งไม่ดี
- หมั่นทำบุญ สร้างกุศล ทำสังฆทาน และนำน้ำมนต์กลับมาใช้อาบและดื่ม พร้อมอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยปกป้องรักษา และให้ผ่านพ้นสิ่งเลวร้ายไปได้
- รักษาศีล 5 หรือ 8 และใช้ชีวิตอย่างมีสติ ระมัดระวัง ไม่ประมาท
- ใช้ก่ำเช่า (ชะอมเทศ) กิ่งทับทิม หรือใบเต่าร้าง แช่น้ำมนต์แล้วพรมบริเวณบ้าน เพื่อขจัดสิ่งไม่ดีออกไป (วัดพระแก้ว วัดสุทัศน์ฯ วัดชนะสงคราม และวัดอินทร์มีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยล้างมนต์ดำ) ผสมน้ำมนต์ในวันแรม 8 ค่ำหรือขึ้น 8 ค่ำ และอธิษฐานขอให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในการขจัดสิ่งไม่ดี
- ให้แม่ของผู้ที่โดนคุณไสยใช้ผ้าถุงที่แม่ใส่ประจำมาคลุมหัวลูก และตักน้ำราดตัวลูก
- หาน้ำฝนไปล้างเท้าแม่ผู้ให้กำเนิด และอธิษฐานขอพระคุณจากบิดามารดา ให้น้ำฝนนั้นมาบนหัวลูก และนำไปอาบและดื่มในวันเสาร์ช่วงเวลา 7.30 - 8.00 น. หรือวันอังคารช่วงเวลา 10.00 - 10.30 น.
ขึ้นชื่อว่าเรื่องคุณไสยมนต์ดำ คงมีหลายคนที่มองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว และกลัวไม่อยากเกี่ยวข้องกับมัน แต่ในยุคสมัยนี้อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม แนะนำให้เราเคร่งครัดในการรักษาศีลและสร้างบุญสร้างกุศล ทำความดีอยู่เสมอ เพราะหากจิตใจเราบริสุทธิ์และทำดีอยู่ตลอด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ก็จะคุ้มครองเรา และสิ่งไม่ดีจะไม่สามารถทำร้ายเราได้ แม้จะไม่อยากให้มีการลบหลู่ก็ตาม แต่ลองใช้วิจารณญาณและพิจารณาอย่างรอบคอบดูนะคะ