พิธีลอยอังคาร หมายถึง การนำอัฐิหรือเถ้าถ่านจากศพไปลอยลงในน้ำ ซึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยามีข้อมูลเกี่ยวกับพิธีนี้ค่อนข้างน้อย แต่ก็พบว่าเมื่อพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายที่สวรรคต จะมีกระบวนการก่อสร้างพระเมรุและเผาศพในสถานที่นั้น โดยมักจะมีการจัดพิธีลอยพระอังคารในช่วงท้ายของการประกอบพิธี
พื้นที่ที่ใช้ในการจัดพิธีเหล่านี้มักจะถูกนำมาสร้างเป็นวัดในภายหลัง ส่วนอัฐิจะถูกเก็บไว้ในพระโกศหรือหีบสี่เหลี่ยม และนำไปบรรจุที่วิหารหลวงในวัดพระศรีสรรเพชญ หากเป็นพระราชวงศ์ชั้นรอง จะมีการสร้างพระเจดีย์รายรอบวัดพระศรีสรรเพชญ การลอยพระอังคารมักจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการประกอบพิธี จึงทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดพิธีนี้น้อยมาก
คำว่า "อังคาร" หมายถึง ถ่านไม้ที่เผาแล้วหรือเถ้าถ่านของศพที่ถูกเผา ในคำวัดหมายถึงเถ้าของคนตายที่ถูกเผาแล้ว หลังจากทำพิธีเก็บอัฐิและทำบุญเสร็จ มักจะนำอัฐิห่อด้วยผ้าขาวและนำไปทิ้งในแม่น้ำหรือทะเลในบริเวณที่มีร่องน้ำลึก โดยเชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้ล่วงลับได้อยู่ในสถานที่ที่เย็นสบาย โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน การกระทำนี้เรียกว่า ลอยอังคาร
พิธีลอยอังคารน่าจะได้รับอิทธิพลจากประเทศอินเดีย เพราะชาวอินเดียเชื่อว่าแม่น้ำคงคาคือแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถชำระบาปได้ การเผาศพริมแม่น้ำคงคาจึงเป็นเรื่องธรรมดา และจะนำกระดูกและเถ้าถ่านไปทิ้งในแม่น้ำนี้ เพื่อให้ผู้ล่วงลับได้รับการขึ้นสวรรค์และพ้นจากบาป
ในประเทศไทยมีการบันทึกในพงศาวดารเกี่ยวกับพิธีลอยอังคาร โดยเฉพาะการลอยพระอังคารของบรรดาเจ้านายที่มีการระบุไว้อย่างชัดเจน และยังคงดำเนินต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อย่างไรก็ตาม พิธีลอยอังคารนั้นน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งนับถือศาสนาฮินดูเป็นหลัก เนื่องจากในคติทางพุทธนั้นมักจะนิยมเผาศพแล้วนำอัฐิธาตุ (กระดูก) ไปฝังและก่อกองดินหรือหิน ซึ่งเรียกว่า “สถูป”
ประเทศไทยจึงได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีลอยอังคารจากทั้งสองทาง คือทั้งจากศาสนาฮินดูและพุทธ สำหรับทางพุทธ หากเป็นคนชั้นสูงจะมีการก่อพระเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุ แต่ถ้าเป็นคนชั้นล่างจะฝังอัฐิธาตุหรือทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ ส่วนพระอังคารหรือเถ้าถ่านจากการเผาศพ จะนำไปลอยตามความเชื่อของศาสนาฮินดู การลอยพระอังคารเริ่มมีการยกเลิกและเปลี่ยนเป็นการบรรจุในรัชกาลที่ 5

พิธีลอยอังคาร
พระราชพิธีพระบรมศพและพระเมรุมาศในแง่มุมของประวัติศาสตร์และศิลปะโบราณคดีสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนหลัก คือ การเตรียมการต่างๆ ก่อนเริ่มพิธีการหลัก
ส่วนแรกคือ การจัดการพระบรมศพตั้งแต่การสรงน้ำจนถึงการบรรจุพระบรมศพลงในพระโกศ
ส่วนที่สอง พิธีกรรมต่าง ๆ ในระหว่างการตั้งพระบรมศพ และวิธีการดำเนินการของผู้มีชีวิต
ส่วนที่สาม การขบวนแห่พระบรมศพและงานพิธีพระเมรุ
ส่วนที่สี่ การถวายพระเพลิงและพิธีกรรมหลังจากนั้น
หลังจากขั้นตอนที่กล่าวถึงข้างต้น จะมีการเก็บรักษาพระบรมอัฐิ
อุปกรณ์และเครื่องใช้ในพิธี
การบูชาแม่ย่านางเรือ
– ดอกไม้สด 1 กำ หรือพวงมาลัย 1 พวง
– ธูป 7 ดอก เทียนหนัก 1 บาท 1 เล่ม
– พานเล็ก 1 ใบ (ใส่ดอกไม้ – ธูป – เทียน ขณะทำพิธีบูชาแม่ย่านางเรือ)
ขั้นตอนการทำพิธี
วิธีการบูชาแม่ย่านางเรือ
– คณะญาติมิตรพากันนำอังคารไปยังท่าเทียบเรือ
– พิธีกรนำประธานในพิธี (ญาติอาวุโส) ลงเรือก่อน โดยคนอื่นจะยืนอยู่ที่ท่าเทียบเรือ
– ประธานบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน (วางรวมในพานและจุดบูชาแม่ย่านางที่หัวเรือ)
– กล่าวบูชาและขออนุญาตแม่ย่านางเรือ โดยประธานในพิธีหรือพิธีกรกล่าวนำ
คำพูดในการขออนุญาตบูชาแม่ย่านางเรือ
นะมัตถุ / นวานิวาสินิยา / เทวะตายะ / อิมินา สักกาเรนะ / นาวานิวาสินิง / ทวะตัง/ ปูเชมิ.
ข้าพเจ้า / ขอน้อมคารวะบูชา / แม่ย่านางเรือ / ผู้ปกปักรักษาเรือลำนี้ / ด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้ ข้าพเจ้า / พร้อมด้วยญาติและมิตร / ขออนุญาตนำอัฐิและอังคารของ………. / ลงเรือลำนี้ / เพื่อไปลอยในทะเล / ขอให้ข้าพเจ้าและญาติและมิตร / กระทำพิธีลอยอัฐิและอังคารในเรือได้ / และขอให้ท่านคุ้มครองรักษา / ให้การทำพิธีลอยอัฐิและอังคาร / เป็นไปด้วยความสะดวกและปลอดภัย / เทอญ
– คณะญาติมิตรพาอังคารลงเรือ
– แล่นเรือไปยังจุดที่จะลอยอังคาร
การไหว้อังคารบนเรือก่อนทำพิธีลอยลงน้ำ
– เมื่อเรือถึงจุดหมายปลายทางแล้วให้หยุดเรือและลอยลำ
– พิธีกรเปิดลุ้งอังคารและจัดเครื่องสักการะให้ประธาน
– ประธานทำการจุดธูปเทียนและไหว้อังคาร พร้อมทั้งสรงน้ำอบไทย โรยดอกมะลิ กลีบกุหลาบและดอกไม้อื่น ๆ
– เมื่อทุกคนไหว้อังคารเสร็จสิ้นแล้ว พิธีกรห่อลุ้งอังคารด้วยผ้าขาวขนาดยาว 1/2 เมตร
แล้วมัดด้วยสายสิญจน์ทำเป็นจุกด้านบน และสวมพวงมาลัยที่ห่วงลุ้งอังคาร
– พิธีกรแจกดอกกุหลาบให้กับคณะญาติมิตรทุกคน คนละ 1 ดอก
การบูชาเจ้าแม่นที – ท้าวสีทันดร
– พิธีกรจัดเตรียมเครื่องบูชาเพื่อถวายเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดรให้ประธาน
– ประธานทำการจุดเทียน 1 เล่ม และธูป 7 ดอกในกระทงดอกไม้ 7 สี
– กล่าวคำบูชาและฝากอังคารกับเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดร โดยประธานกล่าวเอง หรือพิธีกรกล่าวนำ
คำกล่าวบูชา / กล่าวฝากอังคารกับเจ้าแม่นที – ท้าวสีทันดร
(ตั้งนะโม 3 จบ)
นะมัตถุ / อิมิสสัง / มะหานะทิยา / อะธิวัตถานัง / สุรักขันตานัง / สัพพะเทวานัง / อิมินา สักกาเรนะ / สัพพะเทเว / ปูเชมะ.
ข้าพเจ้าทั้งหลาย / ขอน้อมไหว้บูชา / เจ้าแม่นที / ท้าวสีทันดร / และเทพยดาทั้งหลาย / ผู้คุ้มครองอยู่ในทะเลนี้ / ด้วยเครื่องสักการะนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย / ได้ทำกุศลกิจ / อุทิศส่วนบุญ / ให้แก่……………………../ ผู้วายชนม์ / และในวันนี้ / เราจะประกอบพิธี / ลอยอัฐิและอังคาร / ของ………………………….. พร้อมกับฝากอังคารไว้ / ในความคุ้มครอง / ของเจ้าแม่นที / ท้าวสีทันดร / เจ้าแม่แห่งทะเล / และเหล่าทวยเทพทั้งปวง ขอเจ้าแม่นที / ท้าวสีทันดร / แม่ย่านางเรือ / และเทพยดาทั้งหลาย / โปรดอนุโมทนา / ดลบันดาล / ให้ดวงวิญญาณ / ของ………………….. / จงได้รับความสุข / ในสัมปรายภพ / ประสบสุข / ในทิพยวิมาน / ชั่วนิรันดร์กาลเทอญ.
วิธีการลอย
– หลังจากกล่าวบูชาและฝากอังคารกับเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดรเสร็จสิ้น พิธีกรเชิญให้ทุกท่านลุกขึ้นไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที
– ประธานโยนเหรียญเงินลงทะเล (ตามความเหมาะสม) เพื่อทำการซื้อที่ตามประเพณี จากนั้นลงบันไดเรือทางฝั่งซ้าย ลอยกระทงดอกไม้ 7 สี โดยใช้มือประคอง ค่อย ๆ วางบนผิวน้ำ และต่อจากนั้นก็อุ้มประคองลุ้งอังคาร ค่อย ๆ วางลงบนผิวน้ำ โดยให้ผู้ร่วมพิธีทุกคนถือสายสิญจน์
– หากกาบเรือสูงจากผิวน้ำมากและไม่มีบันไดให้ลงเรือ สามารถใช้สายสิญจน์ทำเป็นสาแหรก 4 สาย โดยใส่กระทงดอกไม้ 7 สีใน 1 สาแหรก และใส่ห่อลุ้งอังคารในอีก 1 สาแหรก แล้วค่อย ๆ หย่อนลงไป (ห้ามโยนลง)
– เมื่อห่อลุ้งอังคารลงสู่ผิวน้ำแล้ว ให้โรยดอกกุหลาบ ธูปเทียนและสิ่งของบูชาตามลงไปทั้งหมด
– เรือจะวนซ้าย 3 รอบ
– เสร็จสิ้นพิธี