ความเชื่อใน “พญานาค” ของชาวพุทธมีเรื่องเล่ามานานในพุทธประวัติและจากบรรดาเกจิอาจารย์หลายรูป ทำให้ไม่แปลกใจที่ “พญานาค” ถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคนไทย และมีหลายกรณีที่เกิดจากความเชื่อและศรัทธาของทั้งชาวไทยและชาวลาว ที่เกี่ยวกับพญานาคผู้ปกปักษ์รักษาผู้คนในลุ่มน้ำโขง รวมถึงองค์พระธาตุพนม โดยฝั่งไทยและฝั่งลาวมีการแบ่งปกครองของกษัตริย์พญานาคหรือ นาคาธิบดีแต่ละฝ่าย

ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) เป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว รูปพญานาคเจ็ดเศียร ส่วนฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) ผู้เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย ซึ่งเป็นพญานาคหนึ่งเศียร ชอบจำศีลและปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม มีนิสัยอ่อนโยนและเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ และมอบหมายให้พญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทนในระหว่างที่ท่านจำศีล

จังหวัดนครพนมได้มีการออกแบบและสร้าง “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” หลังจากวางแผนมาเกือบ 5 ปี เพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยมีการจัดพิธีอัญเชิญองค์พญาศรีสัตตนาคราชขึ้นประดิษฐาน ท่ามกลางประชาชนไทย-ลาว และพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง รวมถึงพระสงฆ์จากวัดใกล้เคียงร่วมในพิธี ด้วยการทำพิธีสมโภชและพุทธาภิเษกเป็นระยะเวลา 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่ 9 – 18 กันยายน 2559 นอกจากนี้ยังมีการแสดงรำบวงสรวงจากสาวงามจาก 7 ชนเผ่าของแต่ละอำเภอกว่า 400 คน

องค์พญาศรีสัตตนาคราชเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่สำคัญของจังหวัดนครพนม ซึ่งชาวไทยและชาวลาวต่างศรัทธาในพญานาคและความเชื่อที่เชื่อมโยงกับลำน้ำโขง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่มีมายาวนานจากรุ่นปู่ย่า พญานาคได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ปกปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง รวมถึงองค์พระธาตุพนม ซึ่งเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ดังนั้น ความเชื่อและการสร้างสัญลักษณ์องค์พญาศรีสัตตนาคราช ทำให้จังหวัดนครพนมกลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจของจังหวัด ณ ลานศรีสัตตนาคราช ริมแม่น้ำโขง หน้าสำนักงานป่าไม้ ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม

แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง องค์พญาศรีสัตตนาคราช หล่อด้วยทองเหลือง น้ำหนักรวม 9,000 กก. เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ตั้งประดิษฐานบนฐานแปดเหลี่ยมที่มีขนาดกว้าง 6 เมตร และสูง 15 เมตร รวมฐาน สามารถพ่นน้ำได้ การก่อสร้างนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมและความเชื่อของชาวไทยและชาวลาวที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง อีกทั้งยังช่วยยกระดับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมและทำให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในภูมิภาคนี้

ในช่วงส่งท้ายปี 2559 ที่ผ่านมา จังหวัดนครพนมเต็มไปด้วยผู้คนที่แห่มากราบขอพรจากพญาศรีสัตตนาคราช นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว และประชาชนในพื้นที่ทำบุญตักบาตรพระ จากนั้นไปกราบไหว้ขอพรจากพญาศรีสัตตนาคราชเพื่อขอโชคกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายความเจริญรุ่งเรืองไปยังนานาประเทศ โดยองค์พญาศรีสัตตนาคราชจะตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามริมแม่น้ำโขง ซึ่งองค์พญานาคนี้มีสร้อยสังวาลคล้องคอที่ออกแบบให้เหมือนลวดลายซุ้มประตูขององค์พระธาตุพนม เพื่อสะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันยาวนานของจังหวัดนครพนม

