ยันต์ คือสัญลักษณ์แห่งความลึกลับที่ถ่ายทอดผ่านลวดลายและอักขระที่มีความหมายลึกซึ้ง

สักยันต์แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ คำว่า "สัก" หมายถึงการใช้เหล็กแหลมที่จุ่มหมึกหรือน้ำมันทิ่มลงบนผิวหนังเพื่อสร้างลวดลายและอักขระต่างๆ โดยหากใช้หมึกจะเรียกว่า สักหมึก และหากใช้น้ำมันจะเรียกว่า สักน้ำมัน ส่วนคำว่า "ยันต์" หมายถึง ลวดลายอักขระที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้น

การสักยันต์มีไว้เพื่ออะไร?

การสักยันต์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นความเชื่อที่แพร่หลายทั่วโลก โดยในแต่ละพื้นที่จะมีความเชื่อและประเพณีที่แตกต่างกันออกไป ส่วนในยุคโบราณนั้น การสักยันต์มีที่มาจากความศรัทธาและความเชื่อที่นำไปสู่การเสริมขวัญกำลังใจ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ต่างๆ

ในยุคโบราณ การสักยันต์ถูกใช้เป็นเครื่องมือเสริมสร้างขวัญกำลังใจและความมั่นใจ ในความเชื่อที่ว่า จะทำให้ผู้สักมีพลังอำนาจและปาฏิหารย์ โดยจะทำการสักยันต์ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย หลังจากนั้นจะมีการเสกเป่าและขอความคุ้มครองจากครูบาอาจารย์ที่มีอำนาจทางไสยเวทย์

การสักยันต์นั้น ผู้ที่ต้องการสักจะต้องมีความเคารพศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ ปฏิบัติตามคำสอน และมีคุณธรรมในใจ ปาฏิหารย์เกิดจากความศรัทธา ส่วนความเจริญก้าวหน้ามาจากคุณธรรม การสักยันต์จึงเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่มอบสิทธิ์ในการสักยันต์ให้แก่เรา

ประเภทของการสัก มีทั้งหมด 2 ประเภทคือ

1. สักหมึก

การสักด้วยวิธีดั้งเดิมจะใช้อุปกรณ์ที่มีคมแหลมจุ่มลงไปในหมึก ซึ่งในสมัยก่อนนั้นจะใช้หมึกจากธรรมชาติ เช่น หมึกจากดีปลาช่อนที่ผสมกับว่านนาคราช หรือ ว่านสบู่เลือด ที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ป้องกันภัย โดยกระบวนการนี้จะต้องทิ่มแทงหมึกลงไปบนผิวหนังในลวดลายที่ต้องการ เป็นที่นิยมในกลุ่มนักสักยันต์เนื่องจากความคมชัดของลายสักและศิลปะที่ซ่อนอยู่ภายในยันต์

2. สักน้ำมัน

วิธีการสักแบบน้ำมันนั้นจะใช้สารจากน้ำว่าน 108 ที่มีคุณสมบัติในด้านเมตตาและมหาเสน่ห์ การสักชนิดนี้ได้รับความนิยมในปัจจุบันเนื่องจากไม่สามารถมองเห็นลายสักได้ชัดเจนเหมือนการสักด้วยหมึก จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการแสดงลวดลายยันต์ให้เห็นเด่นชัด โดยส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันงาที่ปลอดภัยต่อร่างกาย บางสำนักยังผสมน้ำมันจากสัตว์ต่างๆ เช่น น้ำมันช้างตกมัน, น้ำมันเสือโคร่ง, น้ำมันช้าง หรือ น้ำมันปลาพะยูนเพื่อเสริมพลังให้กับการสัก

การสักสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่

- การสักทางด้านคงกระพัน เป็นการสักเพื่อเสริมความแคล้วคลาดและความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการสักยันต์ประเภทมหาอุด หนุมาน ตะกร้อ ปัดทมึน เสือ ลิงลม ซึ่งจะมีกฎข้อห้ามแตกต่างกันตามสำนักสัก เช่น การห้ามกินฟัก ห้ามกินบวบ ห้ามลอดใต้บรรได

- การสักทางด้านเมตตา การสักยันต์ประเภทนี้มักมุ่งเน้นไปที่การเสริมดวงในเรื่องการค้าขาย ความรัก และเสน่ห์ เช่น ยันต์สาลิกา ยันต์หงส์ทอง ยันต์ไก่ฟ้า ยันต์ไก่ป่าหากิน ยันต์จิ้งจก พร้อมกับการผสมว่านที่ช่วยในด้านเสน่ห์ เช่น ว่านสาวหลง, ว่านจังงัง, ว่านเสห่น์จันทร์, ว่านดอกทอง และว่านเพชรหึง ซึ่งสูตรผสมจะขึ้นอยู่กับแต่ละสำนัก

ความหมายของรอยสักยันต์ (บางส่วน)

ยันต์การะเวก หมายถึง การใช้ยันต์นี้ในทางเมตตามหานิยม ซึ่งมีพลังทางเสน่ห์ที่ทรงประสิทธิภาพมาก สามารถช่วยให้ผู้ที่เข้าไปหาคนอื่น เช่น การสมัครงาน การสัมภาษณ์ หรือการพบปะกับนักร้อง นักแสดง หรือพระนักเทศน์ ได้รับผลดีอย่างมาก

ยันต์ตะกรุดมหาระงับ ความหมายและความเชื่อ เป็นยันต์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้กระทำการใดๆ ทั้งการยิง ฟัน หรือแทงเข้ามาได้ โดยเชื่อกันว่าจะทำให้ทุกสิ่งที่พยายามทำร้ายหรือโจมตีผู้สักไม่สามารถสัมผัสได้

ยันต์ตะกรุดโทน เป็นยันต์ที่มีความหมายและความเชื่อในการป้องกันอันตรายจากอาวุธทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยวิธีใดๆ ก็ไม่สามารถเจาะผ่านได้

ยันต์อาวุธทั้งสี่ เป็นยันต์ที่เชื่อว่ามีพลังในการป้องกันอันตรายจากภูตผีปีศาจและสามารถถอนคำแช่งหรือคุณไสยที่ร้ายแรงได้ทุกประเภท

ยันต์โภคทรัพย์ เป็นยันต์ที่มีความเชื่อว่าหากนำใส่ไว้ในกระเป๋าเงินจะช่วยเสริมความมั่งคั่งและเพิ่มพูนทรัพย์สินให้มากขึ้นเรื่อยๆ

ยันต์พญาราชสีห์ เชื่อว่ามีพลังในการทำให้ผู้สักมีบารมีและอำนาจสามารถทำให้ผู้อื่นเกรงขาม และมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม

ยันต์พญาเสือ เชื่อกันว่าเป็นยันต์ที่ช่วยสร้างความเกรงขามให้แก่ผู้ที่สัก และยังช่วยปกป้องจากสัตว์ร้ายเมื่อเดินทางในป่า

ยันต์พญาหนุมาน เชื่อกันว่ามีพลังในด้านความคงกระพันและอำนาจที่ยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นยันต์ที่ช่วยเสริมเมตตามหานิยมให้แก่ผู้ที่สัก

ยันต์ท้าวเวสสุวรรณ เชื่อว่าเป็นยันต์ที่ช่วยป้องกันภัยจากภูตผีปีศาจและสามารถป้องกันและแก้ไขคุณไสยที่เป็นอันตรายได้

ยันต์พุทธคุณ เป็นยันต์ที่ช่วยคุ้มครองให้พ้นจากอันตรายทุกรูปแบบ และปกป้องจากเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต

ยันต์นางกวัก เป็นยันต์ที่นิยมใช้เพื่อเพิ่มโชคลาภในธุรกิจและการค้าขาย โดยช่วยให้กิจการรุ่งเรืองและมีกำไรดีขึ้น

ยันต์พระเจ้าเปล่งรัศมี ความเชื่อว่าพกพาไว้จะทำให้เป็นที่รักและเอ็นดูจากผู้คน ให้โชคดีในทุกการเดินทางและในทุกๆ สถานการณ์

ยันต์พุฒซ้อน หรือ ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ความเชื่อว่าเป็นยันต์ที่มีชื่อเสียงมากและได้รับการยกย่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นมหายันต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เหนือยันต์ทั้งปวง ใช้ได้หลากหลายประโยชน์ โดยเฉพาะในการเสริมโชคลาภ เมตตามหานิยม และช่วยให้การเลื่อนตำแหน่ง หรือการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ใหญ่

ยันต์กันสะกด ความเชื่อว่าใช้ป้องกันอันตรายจากภัยทั้งปวง โดยเฉพาะโจรและผู้ร้ายที่มุ่งร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ยันต์หนุนดวง หรือ ยันต์โภคทรัพย์ 5 แถว เป็นอักขระขอมโบราณ 5 แถว ขนาดยาว 7 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วครึ่ง แถวแรกประกอบด้วยคาถาเมตตามหานิยม แถวที่สองเป็นคาถาหนุนดวงชะตา แถวที่สามเป็นคาถาแห่งความสำเร็จ แถวที่สี่เป็นคาถาราศีประจำตัว และแถวที่ห้าเป็นคาถามหาเสน่ห์ รวมถึงพระปิดตาที่ช่วยเสริมสร้างธุรกิจและหนุนดวงให้เจริญรุ่งเรือง เป็นยันต์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังเสริมให้ธุรกิจเติบโตและคนที่ดวงตก

ยันต์เก้ายอด เป็นยันต์ที่สื่อถึงคุณวิเศษของพระพุทธเจ้าทั้ง 9 ประการ โดยการสักในรูปของยอดทั้ง 9 ที่แหลมคม ถือเป็นยันต์ที่ช่วยป้องกันอาวุธและศาสตราวุธทั้งหลายได้อย่างดีเยี่ยม

ยันต์มหาศิริมงคล เป็นยันต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปด้วยมงคล ช่วยเสริมดวงและป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

ยันต์ยอดมงกุฎ เชื่อกันว่าเป็นยันต์ที่ช่วยป้องกันอันตรายต่างๆ ให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม Mytour! Horoscope ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่คิดจะสักยันต์ หากไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามที่เรียกว่า "ผิดครู" ยันต์ที่สักก็อาจไม่มีพลังและความศักดิ์สิทธิ์ แค่เป็นเพียงรอยหมึกบนร่างกายเท่านั้น แต่หากปฏิบัติตามคำแนะนำจากครูบาอาจารย์ มีความเคารพและศรัทธา จะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองตามที่ปรารถนา

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก http://amulet99.com/