องค์การ World Marrow Donor Association (WMDA) ได้ประกาศให้วันเสาร์ที่สามของเดือนกันยายนเป็น 'วันผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดโลก' (World Marrow Donor Day) เพื่อเป็นการขอบคุณอาสาสมัครทั่วโลกที่บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดหรือเซลล์ต้นกำเนิด ที่มีจำนวนมากกว่า 30 ล้านคน สำหรับสถานการณ์โลก ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดมากกว่า 50,000 คนต่อปี ในประเทศไทย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นสมาชิกของ WMDA ได้จัดตั้ง 'ธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแห่งชาติ' ตั้งแต่ปี 2545 เพื่อเป็นการขอบคุณผู้บริจาคและอาสาสมัคร รวมทั้งให้ความรู้เรื่องนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติได้จัดงาน 'วันผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดโลก 2561' ที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค

ภายในงานมีการเสวนาในหัวข้อ 'เซลล์ต้นกำเนิด..ทางเลือก หรือทางรอดในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว' โดยผศ.นพ.อุดมศักดิ์ บุญวรเศรษฐ์ จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งให้ข้อมูลว่าเซลล์ต้นกำเนิดมีอยู่ในทุกคน เป็นเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดในร่างกาย เมื่อร่างกายเสียเลือดหรือมีความจำเป็นต้องสร้างเซลล์เพื่อสู้กับการติดเชื้อ เซลล์ต้นกำเนิดจะช่วยเราตลอดชีวิต โดยใช้คุณสมบัติของเซลล์นี้ในการช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเลือดที่มีความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิด เซลล์ต้นกำเนิดสามารถรักษาโรคเลือดหลายชนิด เช่น โรคไขกระดูกฝ่อ มะเร็งเลือด (ลูคีเมีย) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งไขกระดูก ซึ่งสามารถรักษาได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่พบมากอย่างลูคีเมีย มักเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น สิ่งแวดล้อม ยาหรือเคมีบำบัด หรือปัจจัยภายในที่ยังไม่สามารถทราบแน่ชัดและต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดสามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตปกติและหายขาดจากโรคได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องหาคู่บริจาคที่มีความเข้ากันได้ การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดมีสองวิธี วิธีแรกคือการบริจาคจากไขกระดูกโดยการเจาะดูดเซลล์ต้นกำเนิดจากไขกระดูก ซึ่งผู้บริจาคต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลาสั้นๆ วิธีที่สองคือการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากเส้นเลือด โดยใช้ยากระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดเคลื่อนย้ายจากไขกระดูกไปอยู่ในเลือด และเมื่อกระตุ้นแล้วจะใช้เวลา 4-5 วัน จากนั้นทำการเก็บจากเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ต้องใช้เวลาหลายวัน

คุณศตพร กิ่งพิลา ผู้ป่วยลูคีเมียที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด มาแชร์ประสบการณ์ว่าเริ่มแรกตนมีอาการหนาวสั่น น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ และพบจ้ำเลือดตามร่างกาย เมื่อไปตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันรุนแรง ซึ่งการรักษาที่จะหายขาดได้มีวิธีเดียวคือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หากไม่ได้รับการรักษาผ่านเซลล์ต้นกำเนิดจะเสียชีวิตภายใน 1 ปี ช่วงเวลานั้นตนได้แอดมิดเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที และพี่ชาย 4 คนได้มาตรวจสอบ แต่เซลล์ต้นกำเนิดจากพี่ชายไม่สามารถเข้ากับตนได้ จึงต้องมองหาผู้บริจาค ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน และตนต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล 1 เดือน พร้อมการรักษาเคมีบำบัด 3-4 ครั้ง จนได้รับการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิด

คุณยิปโซ-อริย์กันตา มหาพฤกษ์พงศ์ ผู้บริจาคสเต็มเซลล์และอาสาสมัคร กล่าวว่า เธอเคยบริจาคเลือดและอวัยวะที่สภากาชาดไทยมาก่อน และได้รับความรู้เกี่ยวกับการบริจาคสเต็มเซลล์ ซึ่งช่วยผู้ป่วยโรคเลือด โดยเป็นการบริจาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากการบริจาคเลือดธรรมดา เธอมองว่าการบริจาคนี้เป็นการให้ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางการเงิน หากเราต้องการช่วยเหลือผู้อื่น วิธีที่ง่ายที่สุดคือเริ่มจากตัวเอง และการให้แบบไม่ต้องคิดมาก นั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจลงชื่อเป็นผู้บริจาค