
ครั้งแรกที่ได้ขึ้นเวทีเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ฝนได้เป็นแดนเซอร์ให้กับพี่นิด อรพรรณ พานทอง ในเจ็ดสีคอนเสิร์ต
ตื่นเต้นจนเต้นผิดพลาดไป ตอนนั้นอายุเพียง 17 ปี เป็นเด็กสุดในกลุ่มแดนเซอร์ และพี่นิดก็มีชื่อเสียงมาก คนดูเยอะมาก เมื่อกลับมาดูเทปก็เห็นตัวเองเต้นผิดแค่คนเดียว
นี่คือเรื่องราวที่ฝน พชร แก้วน้อย อายุ 41 ปี เล่าให้ฟัง เขาคือโปรดิวเซอร์โชว์ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เลียบทางด่วนรามอินทรา ในวงการบันเทิงฝนถือเป็นโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงและอยู่ในแถวหน้า
ฝนเรียนที่โรงเรียนสายน้ำผึ้งระดับชั้น ม.ต้น วันหนึ่งหลังเลิกเรียน ฝนได้นั่งรถเมล์ไปสนามกีฬาแห่งชาติ และเดินผ่านตึกนิมิบุตร ที่เห็นคนเล่นยิมนาสติก จึงสนใจและไปสมัครเรียนด้วย
ฝนเรียนยิมนาสติกประเภทลีลามาเป็นเวลาถึง 3 ปี จนจบ ม.3 หลังจากช่วงปิดเทอม ครูผู้สอนยิมนาสติกได้ชวนไปทำงานที่สวนสยาม ฝนตื่นเช้าแล้วนั่งรถเมล์จากมาบุญครองไปยังสวนสยาม และเข้าเวิร์คที่แปดโมงเช้า ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมทำงาน
ฝนพูดคำทักทายว่า “สวัสดีค่ะ สวนสยามยินดีต้อนรับค่ะ สวนน้ำทางนี้นะคะ”
ช่วงเย็นจะมีครูมาสอนเต้นเพื่อเตรียมโชว์ให้ลูกค้ากลับบ้าน ภายในสามเดือน ฝนได้รับเงินเดือน 4,500 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ทำให้ฝนดีใจมาก
เมื่อหมดงานที่สวนสยาม ฝนได้ไปเรียนต่อที่พาณิชยการสีลม จนจบปริญญาตรีในสาขาบัญชี พยายามจะต่อปริญญาตรีในอีก 2 ปี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่อในที่สุด
ที่พาณิชยการสีลม ฝนได้รับการดึงเข้าวงการจากรุ่นพี่แดนเซอร์ และได้ไปเต้นให้กับศิลปินดังๆ หลายคน ไม่ว่าจะเป็นพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, ลูกน้ำ พาเมล่า รวมถึงศิลปินจากค่ายอาร์เอสหลายท่าน
เคยเต้นในคอนเสิร์ตของแร็พเตอร์ และยังเคยเป็นสแตนด์อินให้กับแอนเดรีย สวอเรซบนเวทีคอนเสิร์ตด้วย
“ในอดีตแดนเซอร์ยังไม่เยอะเหมือนตอนนี้” ฝนกล่าว
ฝนเริ่มเต้นตั้งแต่อายุ 17 ปี และเมื่ออายุ 30 ปี เริ่มรู้สึกว่า 13 ปีมันนานเกินไป ไม่อยากเต้นอีกแล้ว เพราะมีเด็กใหม่ไฟแรงเข้ามาเยอะ จึงตัดสินใจไม่รับงานแล้วไปอยู่กับเพื่อนที่อเมริกา 3 เดือน พอกลับมาเมืองไทย น้ำหนักเพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม
แม้จะไม่รับงาน แต่เพื่อนในวงการก็ยังส่งงานมาให้ เพราะฝนเป็นคนชอบคิดและชอบดัดแปลง จึงกลายเป็นโคโรกราฟที่ออกแบบท่าเต้นไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่ออายุ 38 ปี ฝนเริ่มมองตัวเองอีกครั้ง ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สามารถสร้างตัวได้
ฝนพยายามทำหลายๆ อย่าง ทั้งเปิดผับ ร้านทำผม และไปเรียนทำเล็บและแต่งเล็บอะคริลิก ก็ทำมาหมดแล้ว
ตอนนี้ ฝนทำร้านอาหารไปพร้อมๆ กับงานโปรดิวเซอร์โชว์ที่โรงเบียร์
งานของฝนคือการทำโชว์ในคอนเสิร์ตตอนกลางคืน โดยคิดธีมตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงที่ 20 เพื่อให้ลูกค้าสนุก การทำงานนี้ดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่าย ฝนมีโคโรกราฟอีก 2 คนช่วยในการคิดท่าเต้น
หลังจากทำเสร็จ ฝนจะเข้าไปในห้องซ้อมเพื่อตรวจสอบว่าโอเคไหม ถ้าไม่ก็แก้ไขจนกว่าจะดี
ทุกวันอังคารและวันศุกร์ ฝนจะไปดูน้องๆ แดนเซอร์ซ้อมเต้นตามเพลง และทุกเดือนจะเพิ่ม 2 โชว์ ในทุกวันตอน 2 ทุ่ม ฝนจะเข้าไปทำงานที่โรงเบียร์เพื่อดูการทำงานของน้องๆ
การคิดโชว์ต้องทำอย่างไร บางครั้งฝนก็ดูยูทูบเพื่อหาความคิดใหม่ๆ ดูโชว์ต่างๆ บางโชว์คนอาจจะมองว่าเหมือนกัน แต่ฝนจะดัดแปลงให้มันเหมาะกับแดนเซอร์และลูกค้าของเรา
“ในสถานบันเทิงเราทำอะไรที่ยากเกินไปไม่ได้” ฝนกล่าว “เพราะคนมาที่นี่เพื่อความสนุก ดูอะไรที่บันเทิง ไม่ต้องคิดอะไรมาก”
ฝนได้รับการยอมรับในฐานะคนที่ทำโชว์ตลกที่คนชอบมาก บางโชว์อยู่ได้ยาวนานถึงสี่ห้าปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวนักแสดงด้วย ตลกในโชว์ของฝนจะเป็นแบบในเพลง โรงเบียร์เด็กก็สามารถเข้าได้ เพราะไม่ใช่ตลกทะลึ่ง เสื้อผ้าแดนเซอร์ก็ไม่โป๊
โชว์บางโชว์จะอยู่ได้ตามความนิยมและการเปลี่ยนตัวนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือแดนเซอร์ บางโชว์ที่ทำสำหรับคนนี้ พอเขาออกไปโชว์นั้นก็อาจต้องหยุด แต่บางครั้งโชว์ก็ยังได้รับความนิยมและคนยังชอบ ไม่สามารถทิ้งไปได้
“โชว์ที่อยู่ได้ยาวนานน่าจะเป็นคอมเมดี้” ฝนกล่าว
เวลาคิดโชว์ ฝนไม่รู้สึกว่าตัน เพราะทำงานที่โรงเบียร์มาปีที่ 8 แล้ว ไม่กลัวตัน ทุกอย่างสามารถไปต่อไปได้เรื่อยๆ
ที่โรงเบียร์ที่ฝนทำงานมีโคโรกราฟหลายคน ไอเดียหลักมาจากฝน แต่บางครั้งพอมารวมกับโคโรกราฟคนอื่น แนวทางก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้โชว์มีความแตกต่างไม่เหมือนใคร
ฝนไม่เคยไปดูโชว์ที่ร้านอื่น เพราะคิดว่าโรงเบียร์เป็นเวทีที่อลังการที่สุดแล้ว ถ้าไปดูแล้วเห็นโชว์ของคนอื่นทำแล้ว เราก็จะไม่กล้าทำตาม
“พูดตรงๆ ว่าไม่เคยดูโชว์ของคนอื่น แค่ดูจากยูทูบ อย่างเสื้อผ้าแอลอีดีเราก็เอามาจากเมืองนอก แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับใครจะดัดแปลงโชว์ให้เป็นอย่างไร” ฝนกล่าว
เคยเอาโชว์ระดับโลกมาปรับใช้บ้าง แต่บางโชว์ก็เกินกว่าที่เราจะทำได้ เพราะมันยิ่งใหญ่เกินไป
การดูละครเวทีเพื่อศึกษาการใช้แสง สี เสียง รวมถึงการนำเสนอจากละครเหล่านั้น ก็สามารถนำมาปรับใช้ได้ในการสร้างโชว์
ฝนเคยไปเปิดหูเปิดตาดูโชว์ที่ต่างประเทศ 3 ปี ทุกครั้งที่เก็บเงินไปอเมริกา จะไปดูโชว์ที่ไหนก็ไปชม หลักๆ ก็จะไปที่ลาสเวกัส ช่วงที่ไปก็จะไปนอนกับน้องที่นั่น หรือไปนิวยอร์กก็จะไปนอนกับพี่สาว และเขาก็จะช่วยหาบัตรให้
ฝนกับเพื่อนได้ร่วมกันลงทุนทำธุรกิจเช่าสตูดิโอสำหรับแดนเซอร์หรือผู้ที่รักการเต้น มีขนาด 2 ไซส์ คือ 11 คูณ 9 และ 10 คูณ 4 ตั้งอยู่ที่เลียบทางด่วนรามอินทรา ในปั๊มน้ำมันบางจาก ชั้น 2 ก่อนถึงซีดีซี
ถ้าหากต้องมองว่าอันนี้คือความสำเร็จในชีวิต ฝนก็อยากฝากบทเรียนให้ทุกคนได้คิด
“คอนเนกชั่นสำคัญมาก เพราะบางคนเก่งมาก แต่หากไม่มีโอกาสในการทำงานก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย”
สำหรับฝน ถ้าไม่ได้ทำงานที่โรงเบียร์ หรือไม่ได้รู้จักเพื่อนๆ ที่ทำงานด้านการจัดงาน...ชีวิตก็คงจบไปเหมือนกัน
ในยุคนี้โอกาสถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เราโชคดีที่มีโอกาสและพยายามรักษาโอกาสนั้นให้ดีที่สุด อาชีพนี้สำหรับฝนเหมือนพรหมลิขิต จากเด็กที่ไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งเงินขึ้นรถเมล์
แต่ตอนนี้เรามีบ้าน มีรถ มีสังคม
ถึงฝนจะยังไม่มีบ้านหลังละ 10 ล้าน แต่ก็มีบ้านให้พ่อแม่อยู่ ไม่ได้ขับรถหรู แต่ก็มีรถขับ และถึงแม้จะป่วยก็ยังมีเงินหาหมอ ถือว่าเราได้มาไกลมากแล้ว และไม่ใช่แค่ไกล แต่ยังมาได้ถูกที่ถูกทาง ตามที่เคยฝันไว้
ตอนเด็กๆ ครูเคยถามว่าโตขึ้นอยากทำอาชีพอะไร
ฝนตอบว่า อาชีพที่ฝนเลือกคือการเต้นและการรำ
ฝนตอบไปตามความรู้สึกจากใจจริง ตอนเด็กๆ ฝนชอบการรำมาก
คำว่า 'เต้นกินรำกิน' ในอดีตเคยมีคนมองว่าไม่มีเกียรติ แต่สำหรับฝน คำนี้กลับเป็นคำที่มีความศักดิ์สิทธิ์และมีความหมายลึกซึ้ง เป็นเหมือนคาถาที่ทำให้ฝนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างดี มีความสุข และมีชีวิตที่ดีจนถึงทุกวันนี้