เมื่อแรกเจอกัน ความประทับใจในตัวแม่ลูกคู่นี้ก็เกิดขึ้นทันที คุณอ้อม-พิยดา และน้องนาวา-พัชรนันท์ จุฑารัตนกุล มาในชุดเหมือนกันราวกับแฝดต่างวัย เด็กหญิงวัยสองขวบยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมยกมือไหว้ทักทายอย่างน่ารักเช่นเดียวกับคุณแม่ของเธอ หลังจากทักทายกันและเตรียมครัวเรียบร้อย บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับภารกิจปรุงอาหารร่วมกันในแบบแม่ลูกสุดน่ารัก
ด.ญ.อ้อมที่หลงรักการทำอาหารและดูแลสุขภาพตั้งแต่เด็ก “อ้อมชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ช่วงปิดเทอมมักจะไปบ้านสวนของคุณยายที่นครนายก คุณยายทำอาหารและขนมไทยที่บ้าน พวกเด็กอย่างอ้อมต้องผลัดกันกวนมะม่วงทำมะม่วงกวน คั้นใบเตยทำสังขยา หรือช่วยเตรียมกะทิในการทำอาหาร เพราะติดอยู่ในบรรยากาศของครัวที่บ้านยายมาตลอดเลยทำให้ชอบทำอาหาร”
ไม่เพียงแค่รักการทำอาหาร คุณอ้อมยังให้ความสำคัญกับโภชนาการตั้งแต่เด็ก “อ้อมเริ่มดูแลเรื่องสุขภาพตั้งแต่ตอนมัธยมต้น โดยเลิกดื่มน้ำอัดลมเพราะเห็นหินที่ขายน้ำอัดลมมันสึก ทำให้เริ่มตระหนักถึงอันตราย จากนั้นก็เริ่มใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น เช่น เคยกินสะตอแล้วกลิ่นที่มาจากปัสสาวะทำให้เข้าใจว่า You are what you eat. กินอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ”
หลังจากนั้นคุณอ้อมก็เริ่มคิดเรื่องอาหารมากขึ้น “เมื่อก่อนอ้อมไม่ค่อยใส่ใจเรื่องโภชนาการ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นอ้อมเริ่มระมัดระวังมากขึ้น ว่าจะเลือกกินอะไรดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกกินของไม่ดีเลยนะคะ อ้อมยังคงกินบ้าง แต่จะรู้จักยับยั้งชั่งใจว่าเมื่อไหร่ที่พอแล้วและไม่ทำร้ายสุขภาพตัวเอง”
การส่งมอบสุขภาพที่ดีให้กับลูกน้อย “เนื่องจากอ้อมให้ความสำคัญกับโภชนาการมาตั้งแต่ต้น เมื่อมีลูกจึงอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา อ้อมจึงเพิ่มการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเด็กอย่างละเอียด เพราะเชื่อว่าอาหารที่ดีช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและพัฒนาการสมองที่ดี เด็กๆ ควรได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยไม่ควรมีการปรุงรสจัด อ้อมจึงเลือกทำอาหารให้ลูกทานเองเพื่อสามารถควบคุมทุกอย่างได้ หลังทำเสร็จอ้อมจะถ่ายภาพแล้วโพสต์ลงอินสตาแกรมพร้อมวิธีทำ ซึ่งได้รับการตอบรับดีจนเครืออมรินทร์ติดต่อให้ทำคุกบุ๊ก Nava’s Menu by Aom Phiyada อ้อมจึงตัดสินใจทำ เพราะเมนูที่ทำให้ลูกทานเป็นประจำอยู่แล้วและอยากแบ่งปันให้คุณแม่คนอื่น รวมถึงเก็บไว้ให้ลูกดูเมื่อโตขึ้นว่า นี่แหละเมนูที่แม่เคยทำให้กินตอนเด็กๆ”

จิตวิทยาในการเลือกจานโปรดของลูก
“อ้อมกับสามีใช้จิตวิทยาหลายวิธีในการช่วยให้ลูกทานอาหาร โดยเริ่มจากความคิดที่ว่า ถ้าหากเป็นตัวเราเอง หากมีอาหารเยอะๆ มาวางตรงหน้าก็คงไม่อยากกิน แต่ถ้าบอกให้ทานทีละน้อยๆ สมองเราจะคิดว่ามันน่ากินยิ่งขึ้น และถ้ามีอาหารที่หายาก สมองจะยิ่งคิดว่ามันอร่อย พี่อาทเลยแนะนำให้ซ่อนผักในข้าวให้เหลือแค่นิดเดียว ปรากฏว่านาวากินแล้วถามว่าอันนี้คืออะไร อ้อมบอกว่าเป็นผัก นาวาบอกว่าอร่อยแต่ทำไมมีน้อยจัง และก็หาผักมาทานเพิ่ม หรือบางครั้งพี่อาทก็เล่นละคร เช่น บอกว่า ‘ตำลึงอร่อยมาก ลองชิมสิ’ อ้อมทานแล้วบอกว่า ‘โอ้โห อร่อยจัง’ จนนาวาก็ต้องถามบ้าง ‘ขอนาวากินบ้าง’ เมื่อได้กินแล้วก็อร่อยตามพ่อแม่ไปด้วย” (หัวเราะ)
“ลูก” ความรักที่เล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ สำหรับคุณอ้อมที่ทำงานอย่างหนักในทุกด้าน ทั้งการแสดง พิธีกร และผู้จัดละคร แต่ยังคงให้ความสำคัญกับลูกอย่างเต็มที่ “อ้อมพยายามอยู่ใกล้ชิดลูกทุกครั้งที่มีเวลาว่างจากการทำงาน ถามว่าเหนื่อยไหม ตอบเลยว่าเหนื่อย บางครั้งทำงานจนดึกจนต้องพักผ่อนน้อย แต่เมื่อเช้าก็ยังอยากตื่นมาทำอาหารและเล่นกับลูก มันคือความรักที่ไม่มีเงื่อนไข รักที่ไม่มีวันหยุด เหมือนตอนแต่งงานใหม่ๆ ที่พี่อาททำอาหารเช้าให้กินเพียง 2 เดือน หลังจากนั้นพี่อาทก็เห็นอ้อมทำงานหนักจึงบอกว่าไม่ต้องตื่นแล้วก็ได้ แต่สำหรับลูกจะ 3 ปีแล้วอ้อมก็ยังอยากตื่นมาทำให้ทุกวัน และคิดว่าคงไม่สามารถหยุดได้” อ้อมตอบด้วยความสุขในดวงตา
และในที่สุดน้องนาวากับคุณแม่ก็ทำอาหารเสร็จพร้อมให้เราถ่ายภาพไข่ตะกร้าทูน่าและข้าวไก่อบ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูจากคุกบุ๊ก Nava’s Menu by Aom Phiyada มาให้ทุกท่านได้ชม ในการเยือนครัวคุณอ้อมครั้งนี้ เราได้ไม่เพียงแต่สูตรเด็ดที่ทำให้น้องนาวารักในการทานอาหารเท่านั้น แต่ยังได้เห็นภาพความรักและความอบอุ่นที่น่าประทับใจระหว่างแม่ลูกคู่นี้อีกด้วย

เกร็ดเรื่องราวน่ารักของแม่และลูก
• หลายคนเคยชวนให้คุณอ้อมเขียนพ็อกเกตบุ๊กเรื่องราวชีวิตของตัวเอง แต่เธอไม่สนใจ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเสนอให้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เธอทำให้ลูก เธอตอบตกลงทันที และนั้นคือที่มาของหนังสือเล่มแรกในชีวิตของเธอ 'Nava’s Menu by Aom Phiyada'.
• เคล็ดลับในการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตดีของคุณอ้อมคือการนึกย้อนกลับไปในวัยเด็กและจำได้ว่าตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ ใครพูดอะไรที่ทำให้เรามีความสุข และจะอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ลูกฟังด้วยเหตุผลและใส่ใจทุกคำถามของเขา.
• คุณอ้อมเล่าถึงน้องนาวาที่คิดบวกอย่างมาก “ตอนน้องล้มฟันหัก อ้อมตกใจว่า ฟันหน้าลูกแม่หักแล้วจะทำยังไงดี แต่แล้วนาวาก็ปลอบอ้อมว่าไม่เป็นไรแม่จ๋าเหลือฟันให้หักอีกหลายซี่เลย”
• คุณอาท ผู้เป็นสามีทำอาหารได้อร่อย แต่เพราะบางครั้งรสชาติจัดเกินไป คุณอ้อมจึงเสนอตัวทำอาหารให้ลูกแทน เพราะเธอเชื่อว่าเด็กๆ ควรกินอาหารที่ปรุงรสไม่จัดเกินไป.
• เพลงโปรดของน้องนาวา ที่เราฟังขณะที่สัมภาษณ์คุณอ้อมคือเพลง 'บัวลอย' จากวงคาราบาว และ 'สัญญา' จากเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์.

ข้าวไก่อบ
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) เตรียมเวลา 10 นาที ปรุงเวลา 20 นาที
ปีกไก่บน 2 ชิ้น
มันฝรั่งหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสต๊อกไก่ 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
ใบกระวาน 1 ใบ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช สำหรับผัด 3 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับทอด
เกลือและพริกไทย เล็กน้อย
วิธีทำ
1. คลุกไก่กับเกลือและพริกไทย ทอดด้วยไฟกลางจนหนังกรอบ ตักพักไว้
2. ใส่น้ำมันในกระทะ ใช้ไฟกลาง ผัดหอมหัวใหญ่จนหอม เติมมันฝรั่ง ใบกระวาน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาล และซอสมะเขือเทศ เติมน้ำสต๊อกไก่และใส่ไก่ทอดลงไปผัดจนเข้ากัน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย.

ไข่ตะกร้าทูน่า
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) เตรียมเวลา 10 นาที ปรุงเวลา 20 นาที
ขนมปัง 4 แผ่น
ไข่ไก่ 1 ฟอง
นมจืด 4 ช้อนโต๊ะ
ทูน่ากระป๋องยีเป็นชิ้นเล็ก 1 ช้อนชา
หอมหัวใหญ่ซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศหั่นเต๋า 1-2 ช้อนโต๊ะ
เนยเค็มเล็กน้อย
ถั่วลันเตาและมอซซาเรลลาชีสขูดสำหรับโรยหน้า
แครอตและหน่อไม้ฝรั่งลวกสำหรับเสิร์ฟคู่กัน
วิธีทำ
1. ตัดขอบขนมปังออกแล้วใช้ที่กลิ้งแป้งรีดให้แบน หั่นเป็นแผ่นยาว 1 ซม. แล้วนำมาสานเป็นรูปตะกร้า วางในถ้วยทนความร้อนอบที่ 200 องศาเซลเซียส 3 นาทีหรือจนกรอบ.
2. ตีไข่กับนม เติมทูน่า มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ ตักใส่ตะกร้าขนมปัง โรยถั่วลันเตา มอซซาเรลลาชีส และเนยสด ใส่เตาอบอีก 7-10 นาทีจนไข่สุก เสิร์ฟพร้อมแครอตและหน่อไม้ฝรั่ง.
แหล่งที่มา : Health & Cuisine