
หนึ่งในปัญหาที่มักพบในการศึกษาเกี่ยวกับพระสมเด็จคือเรื่องของ "ขนาด" โดยเฉพาะในกรณีที่เรียนรู้จากภาพถ่ายพระแท้ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานของวงการ อย่างไรก็ดี กระบวนการขยายภาพและการนำไปพิมพ์ในหนังสืออาจทำให้เกิดความสับสน เนื่องจากไม่ได้แสดงขนาดที่แท้จริงของพระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ย่อม หรือพิมพ์เล็ก ในองค์พระจริงจะมีขนาดต่างกันอย่างไร?
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสมเด็จวัดระฆังในพิมพ์ทรงเจดีย์ ที่ดูเหมือนจะมีขนาดเล็กกว่าพิมพ์สมเด็จที่เราคุ้นเคย โดยขนาดของพระมีขนาดเล็กลงถึง 1 ใน 4 เมื่อเปรียบเทียบกับพิมพ์ทรงเจดีย์อื่นๆ แม้ว่าทฤษฎีจากสำนักท่าพระจันทร์ที่อ้างอิงถึงพิมพ์ทรงเจดีย์จะยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้
ในหนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มพระสมเด็จ (พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ.2520) ครูตรียัมปวายได้จำแนกพิมพ์ทรงเจดีย์ออกเป็นสี่พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์เขื่อง พิมพ์ชะลูด พิมพ์สันทัด และพิมพ์ย่อม
คำว่า “ย่อม” ตามที่ครูตรียัมปวายได้อธิบายหมายถึงพิมพ์ที่มีขนาดเล็กกว่าพิมพ์สันทัดเล็กน้อย
ยุ่งยากจริงๆ! เพราะขนาด “สันทัด” ของครูที่ไม่เคยได้สัมผัสองค์จริงก็ยังไม่ชัดเจน...เมื่อครูพูดถึงขนาดย่อม ว่าย่อมกว่าสันทัด...หลายคนก็เริ่มคิดไปไกลถึงขนาดพระแท้สองพิมพ์นั้นจริงๆ จะมีขนาดเท่าไหร่กันแน่
ค่อยๆ ถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ หาจุดที่มโนกันได้ง่ายขึ้น...พระสมเด็จวัดระฆังมี 5 พิมพ์มาตรฐาน ได้แก่ พิมพ์ใหญ่ ทรงเจดีย์ ฐานแซม และเกศบัวตูม ขนาดที่ถือว่าใหญ่ที่สุดนั้น วัดระยะห่างระหว่างสองซุ้มล่างไม่เกิน 2.4 ซม. และความสูงสัมพันธ์อยู่ที่ประมาณ 3.6 ซม.
ขนาดย่อมที่สุด...ระหว่างสองซุ้มล่างอยู่ที่ 2 ซม. ส่วนความสูงสัมพันธ์จะเป็นสองเท่าคือ 3 ซม.
ถ้าหากต้องหาหลักยึดจากหนังสือพระเครื่อง เล่มของตรียัมปวาย และเล่มของประชุม กาญจนวัฒน์ ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นหนังสือที่มีการควบคุมขนาดพระแท้ใกล้เคียงกับพระจริง...ขนาดของพิมพ์ย่อม...ระยะห่างสองซุ้มล่างจะไม่เกิน 2 ซม.
เอาล่ะ! เรามาสมมติความเชื่อกันว่า สมเด็จพิมพ์ย่อมที่เล็กที่สุดมีขนาดเป็นเช่นนี้แล้ว
หมดข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาด เมื่อมาถึงแม่พิมพ์ทรงเจดีย์พิมพ์ย่อม ที่มีสองพิมพ์ที่คุ้นเคย หนึ่งคือพิมพ์ชะลูด ที่องค์พระมักบิดไปทางขวา และอีกพิมพ์ที่องค์พระไม่เอียง ซึ่งดูแล้วอาจเป็นพิมพ์ทรงเจดีย์พิมพ์เล็กแบบไม่เป็นทางการ
ทรงเจดีย์ในคอลัมน์นี้มีสัดส่วนที่เล็กกว่า ขนาดกว้างกว่า ดูคล้ายกับป้อม และยังติดพิมพ์ตื้น หากดูผิวเผินอาจจะถือว่า “ผิดตา” จึงเรียกว่า “ผิดพิมพ์” หากเซียนหลุดคำนี้ ก็หมายถึงพระปลอม
อย่างไรก็ตามวงการพระไม่ถือเรื่องนี้เป็นข้อบังคับเสมอไป ในชุดพระดังของเฮียหนึง ปรีดา อภิปุญญา ก็มีทรงเจดีย์พิมพ์เล็กขนาดนี้ เพียงแต่เซียนจะดูผิวพรรณที่ละเอียดและมีความหนึกแกร่ง แล้วอ่านว่าเป็นบางขุนพรหม
ข้อสรุปที่ได้คือ แม่พิมพ์ทรงเจดีย์พิมพ์เล็กมีอยู่จริงในขนาดนี้
หลังจากพิจารณาเส้นสายและขนาดของพิมพ์อย่างละเอียด เชื่อได้ว่าพิมพ์นี้คือพิมพ์แท้
ตอนนี้เรามาพิจารณาเรื่องเนื้อหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ช่วยตัดสินว่า “เนื้อใช่” หรือไม่?
จุดเด่นขององค์นี้อยู่ที่เนื้อ ซึ่งเนื้อที่ถูกสัมผัสด้วยมือจะเผยให้เห็นผิวแป้งโรยพิมพ์ออกมาอย่างชัดเจน
นี่คือเนื้อที่ครูตรียัมปวายได้เรียกว่าเกสรดอกไม้ ชื่อที่ช่วยให้เรานึกถึงความละเอียดและนุ่มนวลของเนื้อได้ไม่ยาก
เส้นซุ้มด้านซ้ายหลุดล่อน ขณะที่โค้งซุ้มด้านขวาและพื้นผนังมีรอยยุบและแยกรอยยืนยันความเป็นธรรมชาติของสมเด็จวัดระฆัง
ด้านหลังแสดงให้เห็นร่องรอยการเคยถูกเลี่ยมใช้งาน...เปิดผิวปูนแล้วเห็นเนื้อในปรากฏเงาสว่างนุ่มซึ้งตา สลับกับเม็ดมวลสารที่มีทั้งกากดำ เม็ดแดง และก้อนขาว ริมขอบหลังที่ยังไม่ถูกสัมผัสจากพระเลี่ยมปิด...
เห็นเป็นฝ้าปูนขาว ที่เรียกกันว่า ผิวแป้งโรยพิมพ์ ตัดสีกับส่วนที่เนื้อสึกช้ำ
พระสมเด็จที่ปรากฏสภาพถูกใช้ช้ำอย่างนี้ ถ้าเปรียบเพชร ก็เป็นเพชรที่เจียระไนแล้ว ดูด้วยมิติของพระ...ก็จะเห็นน้ำเพชร (เงาสว่าง) แวววับจับตา
สรุปด้านเนื้อหาก็ลงตัวที่ “เนื้อใช่” และเมื่ออ่านประเด็นศิลปะแม่พิมพ์ทรงเจดีย์พิมพ์เล็ก ฝีมือเดียวกับที่เราเชื่อกันว่า ของหลวงวิจารณ์เจียรนัยก็จบกันง่ายๆ เราได้พระแท้ขึ้นคออย่างมั่นใจอีกองค์.
พลายชุมพล
คลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม