หลังจากวันหวยออก มักได้ยินเสียงผู้คนพูดถึงสำนักใบ้หวยที่แม่นยำ แต่นักพากย์ที่ไม่แม่นก็จะเงียบไป
วันนี้เราจะเริ่มด้วย พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพระดีและมีคุณค่าอีกองค์หนึ่งในคอลเลคชั่นของมหาเศรษฐีเจ้าสัวโป๋–ธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในยุคของนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ผู้นำประเทศไทยในช่วงที่ 25
เจ้าสัวโป๋ ถือเป็นนักสะสมพระเครื่องระดับแนวหน้าและเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องในการสนับสนุนและพัฒนาโลกพระเครื่อง พร้อมทั้งยังสะสมพระเครื่องชั้นดีมีคุณภาพจำนวนมาก โดยมุ่งเน้นที่พระองค์ดังๆระดับ 'พระองค์ครู' ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอมตะพระแชมป์
พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ ที่เป็นส่วนหนึ่งในคอลเลคชั่นของคุณธีรพล นพรัมภา.พระสมเด็จพิมพ์เจดีย์ องค์นี้ที่เสี่ยต้า บางแค ผู้มีความเชี่ยวชาญในวงการพระเครื่องได้นำเข้ามาเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เกิดกระแสฮือฮามาก เนื่องจากพระองค์นี้มีสภาพสมบูรณ์อย่างน่าประทับใจ สามารถเทียบเคียงกับ 'องค์เจ๊แจ๋ว' พระพิมพ์นิยมที่ได้รับการยกย่องเป็นพระแชมป์ซึ่งหาพระที่มีสภาพเหมือนกันไม่ได้
เมื่อพระองค์นี้ปรากฏขึ้นมาบนวงการ ก็มีเสียงตอบรับว่า แม้จะไม่สวยเท่าก็ยังคงใกล้เคียงที่สุด ความงามของฟอร์มทรงและความเข้มข้นของเนื้อมวลสารยังคงอยู่ในระดับสูง มีเพียงริ้วรอยสัมผัสบางเบาที่เป็นจุดด้อยที่ไม่สามารถเทียบเท่ากับองค์เจ๊แจ๋วได้ แต่ก็ยังคงอยู่ในอันดับหนึ่ง
พระปิดตาพิมพ์ใหญ่ (หลังแบบ) หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ที่เป็นของคุณธีรพล นพรัมภา.อีกองค์หนึ่งในคอลเลคชั่นของเจ้าสัวโป๋–ธีรพล คือ พระปิดตาพิมพ์ใหญ่ หลังแบบ เนื้อผงคลุกรักจุ่มรัก หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นองค์แชมป์อมตะหมายเลข 1
เพราะฟอร์มทรงที่สมบูรณ์ พิมพ์พระที่คมชัด และเนื้อมวลสารที่มีลักษณะคล้ายครู รักที่ดูเป็นธรรมชาติในทุกยุคทุกสมัย
จุดสำคัญที่สุดในการสังเกตพระปิดตาคือรอยปั๊มที่ด้านหลังขององค์พระ ซึ่งเป็นที่มาของพิมพ์ 'หลังแบบ' เคล็ดลับนี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์พระปิดตา โดยจะต้องพิจารณาที่เศียรของพระให้มีทรงกลมรูปไข่ และแนวขวางที่เรียกว่า 'ไข่ขวาง' ซึ่งเป็นลักษณะของพระปิดตาที่สร้างในยุคแรกๆ
พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นแรก พ.ศ. 2497 พิมพ์ใหญ่ กรรมการ ของ ฐิการ ศุภวิรัชบัญชาต่อมาคือ พระเนื้อว่าน รุ่นแรก พ.ศ. 2497 พิมพ์ใหญ่ (กรรมการ) หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งได้รับชื่อว่า 'พระสมเด็จเมืองใต้' โดยพระครูวิสัยโสภณ (อ.ทิม) ได้ออกแบบพิมพ์ตามนิมิตที่เห็นหลวงปู่ทวด
พระพิมพ์นี้มีลักษณะเป็นเนื้อมวลสารว่านยา รูปทรงคล้ายกลีบบัว ด้านหน้าเป็นองค์จำลองหลวงปู่ทวดนั่งสมาธิเต็มองค์ เหนือฐานบัวคว่ำ-หงาย ด้านหลังปาดเรียบ และมักมีเม็ดแร่ฝังอยู่กลางองค์
พระพิมพ์นี้มีการแยกพิมพ์เป็นหมวดใหญ่ ได้แก่ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก โดยแต่ละพิมพ์จะมีแม่พิมพ์ย่อย เช่น พิมพ์ใหญ่มีพิมพ์ A หัวขีด พิมพ์ไหล่จุด และพิมพ์กรรมการ ซึ่งมีเนื้อมวลสารแตกต่างกันออกไป แบบที่เป็นของเสี่ยฐิการ ศุภวิรัชบัญชา คือพระพิมพ์ใหญ่เนื้อละเอียดสีดำเข้มที่แจกกรรมการ--สภาพสมบูรณ์แบบเดิมๆ ซึ่งราคาจะอยู่ในหลักล้าน ขึ้นอยู่กับสภาพขององค์พระ
เหรียญหล่อแซยิด พ.ศ. 2477 หลวงปู่รอด พุทธสัณโฑ วัดบางน้ำวน ของอิทธิ ชวลิตธำรงต่อมาคือ เหรียญหล่อแซยิด พ.ศ. 2477 หลวงปู่รอด พุทธสัณโฑ วัดบางน้ำวน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นเหรียญหล่อของพระเกจิฯ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองสมุทรสาคร และเป็นเหรียญหล่อพระเกจิฯ ยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่มีราคาในหลักแสนสำหรับเหรียญสภาพงามสมบูรณ์
สำหรับเหรียญหล่อของเสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง นั้น เป็นเหรียญสภาพสมบูรณ์แชมป์ สวยงามไร้ริ้วรอย ผิวโลหะเนียนสนิท พิมพ์พระคมชัดทุกเส้นสายศิลป์--สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ราคาจึงต้องขึ้นไปถึงหลักล้านแน่นอน
เหรียญหล่อหลังเตารีด พิมพ์กลาง พ.ศ. 2505 หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ของคุณรีมัส ฟองสุดท้ายคือ เหรียญหล่อหลังเตารีด พิมพ์กลาง พ.ศ. 2505 หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นพระที่อาจารย์ทิมได้สร้างขึ้นเพื่อสมนาคุณแก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างวัด แทนพระพิมพ์เนื้อว่านรุ่นแรก พ.ศ. 2497 ที่มีผู้ทำบุญบูชาหมดไปอย่างรวดเร็ว
พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร เป็นประธานดำเนินการพิธีเทหล่อจากโรงงานในกรุงเทพฯ ก่อนนำไปประกอบพิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถวัดช้างให้ในปี พ.ศ. 2505
พระเนื้อโลหะผสมเทหล่อโบราณมีการแยกพิมพ์ตามขนาด ได้แก่ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก โดยแต่ละขนาดยังมีแม่พิมพ์แยกย่อยอีกมาก สำหรับองค์นี้ของมร.รีมัส ฟอง เป็นพระพิมพ์กลางที่มีสภาพสมบูรณ์ สวยงามแชมป์เดิมๆ ราคาปัจจุบันต้องอยู่ที่หลักแสน
พระชัยวัฒน์ (เปงย้ง) พ.ศ. 2520 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ของเฉิน รังเทพพระชัยวัฒน์เปงย้ง พ.ศ. 2520 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เป็นรุ่นที่ “เฮียเปงย้ง” เซียนพระเครื่องรุ่นใหญ่ชื่อดัง ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2520 พร้อมกับพระกริ่งรุ่นสายฟ้า เนื้อโลหะผสมเทหล่อโบราณตามตำรับวิชาวัดสุทัศน์
พระกริ่งรุ่นนี้จัดสร้างจำนวน 500 องค์ ส่วนพระชัยวัฒน์จัดสร้างจำนวน 1,000 องค์
พระชัยวัฒน์องค์นี้ของเสี่ยเฉิน รังเทพ สภาพสวยสมบูรณ์ หล่อเต็มทั้งองค์ จมูกโด่งคมชัด 100 เม็ด พระศกเด่นชัด และพระกรรณที่ชัดเจน ไม่มีการแต่งเติมใดๆ พร้อมใบประกาศรางวัลชนะเลิศจากการประกวดมาตรฐาน 2 งานใหญ่ การันตีความเป็นแชมป์ตลอดกาล
พระพุทธรูปบูชายืน สูง 42 นิ้ว ในสมัยเชียงแสนล้านนา ปางเปิดโลก 3 ถอด ของ สจ.บอมบ์ เมืองน่านพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก สูง 42 นิ้ว พุทธศิลป์สมัยเชียงแสนล้านนา เนื้อสัมฤทธิ์ 3 ถอด (พระเกศ, องค์พระ, ฐาน) ของ สจ.บอมบ์ เมืองน่าน เป็นพระพุทธรูปล้ำค่า อายุถึงยุคพุทธศิลป์
พระพุทธรูปปางเปิดโลกนี้สร้างตามพุทธประวัติ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จบำเพ็ญบารมีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และแสดงปาฏิหาริย์ ด้วยการยืนปล่อยพระกรทั้ง 2 ลงข้างพระวรกาย อธิษฐานจิตทำโลกวิวรณ์ เปิดโลกทั้ง 3 คือ เทวโลก, ยมโลก, มนุษยโลก ให้มองเห็นถึงกันหมด
พระพุทธรูปปางนี้จึงได้รับความนิยมในการสร้างมาตั้งแต่สมัยล้านนา และองค์นี้เป็นพระขนาดใหญ่ สภาพสมบูรณ์ หายากมาก ใครมีไว้บูชาจะรู้สึกได้ว่ามีบุญบารมีสูงสุด
พระขุนแผน พลายคู่ตัดเดี่ยว วัดบ้านกร่าง ของบอมบ์ สุพรรณต่อด้วย พระขุนแผน พลายคู่ตัดเดี่ยว วัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี พระพิมพ์เนื้อดินเผา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ ‘พระขุนแผน’ พบจากองค์พระเจดีย์วัดบ้านกร่างที่เกิดความเสื่อมสลายเมื่อปี พ.ศ. 2447 ซึ่งมีพระจำนวนมากที่บรรจุอยู่ไหลลงมารวมกันที่ฐานขององค์พระเจดีย์
พระขุนแผนนี้มีการแยกพิมพ์ออกได้หลากหลายพิมพ์ โดยสามารถอ้างอิงจากหลักฐานที่พบที่วัด ซึ่งเป็นสถานที่พักทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในช่วงการยกทัพไปทำศึกชนช้างยุทธหัตถีกับทัพพระมหาอุปราชของพม่า
ระหว่างที่พักทัพก่อนออกไปทำศึกได้มีการสร้างพระพิมพ์เพื่อมอบให้ทหารเป็นการเสริมกำลังใจ โดยพระมหาเถรคันฉ่องเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระพิมพ์เหล่านี้
หลังจากที่ทัพชนะและยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา ทางเดิม มาพักทัพที่วัดบ้านกร่างอีกครั้ง ทหารจึงได้นำพระเครื่องไปบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ ด้วยความเชื่อที่ว่า “พระต้องอยู่วัด” ไม่ควรนำเข้าบ้าน จึงเป็นโชคดีของผู้คนในปัจจุบันที่ได้พระดีจากวัดนี้
เมื่อพบพระพิมพ์ขุนแผนเคลือบจากกรุวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระพิมพ์เดียวกับพระวัดบ้านกร่าง จึงสามารถใช้เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าเป็นพระพิมพ์ที่สร้างโดยสมเด็จพระนเรศวร
ลักษณะของพระพิมพ์นี้เป็นทรง ๕ เหลี่ยมและกลีบบัว ด้านหน้าเป็นพระนั่งปางมารวิชัยในซุ้มเรือนแก้วตามพุทธศิลป์ยุคต้นของสมัยอยุธยา ด้านหลังปาดเรียบ เนื้อพระเป็นดินหยาบผสมกรวดทราย ซึ่งน่าจะสร้างด้วยความเร่งรีบ จึงไม่มีการกรองดิน
พระพิมพ์นี้มีหลายพิมพ์ที่สามารถแยกได้เป็นกลุ่มใหญ่ เช่น พลายเดี่ยว ซึ่งประกอบด้วยพิมพ์ทรงพลใหญ่ พิมพ์อกใหญ่ พิมพ์อกเล็ก พิมพ์ทรงพลเล็ก พิมพ์แขนอ่อน พิมพ์ซุ้มเรือนแก้ว (ใบไม้ร่วง) พิมพ์ซุ้มเส้นคู่ พิมพ์หน้าฤๅษี พิมพ์หน้าเทวดา และอื่นๆ
ส่วนพิมพ์พลายคู่ มีหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์อกครุฑ พิมพ์หน้ามงคล พิมพ์เทวดา พิมพ์ซุ้มคู่ และพิมพ์หน้ากลม โดยองค์นี้มีรอยตัดแบ่งเป็นพิมพ์เดี่ยว ซึ่งในอดีตไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก เนื่องจากพิมพ์ค่อนข้างใหญ่และไม่สะดวกในการพกพาไปบูชาเหมือนกับพระพิมพ์เดี่ยวที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมีราคาสูงถึงหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้าน
ดังนั้นพระพิมพ์พลายคู่จึงถูกนำมาตัดแยกเป็นพิมพ์เดี่ยว ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นแม้ว่าราคาจะต่ำกว่า โดยเริ่มต้นที่หลักพันจนถึงหลักหมื่นต้นๆในบางพิมพ์
ในปัจจุบันพระพิมพ์พลายคู่ตัดเดี่ยวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาของแต่ละพิมพ์ตามหลังพระพิมพ์เดี่ยวมาติดๆ โดยเฉพาะองค์ที่สภาพสมบูรณ์และสวยงามเช่นองค์นี้ที่เป็นของเสี่ยบอมบ์ สุพรรณ ซึ่งราคาตอนนี้อยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ
นับว่าเป็นพระที่น่าเก็บสะสมเพราะมาจากกรุเดียวกัน สร้างในเวลาเดียวกัน อานุภาพและพุทธคุณก็เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นในด้านการแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา มหานิยม หรือมหาเสน่ห์ ที่สำคัญคือสามารถหาซื้อได้ไม่ยากและราคาก็ไม่สูงจนเกินไป
มาถึงเรื่องที่อยากเล่ากันในวันนี้เกี่ยวกับนายประเสริฐ นักเรียนเทคนิคจากปทุมธานี ปี ๑ ที่ถูกเชิญเข้าประชุมโดยรุ่นพี่ปี ๓ และปี ๔ เพื่อถามความสมัครใจว่าเขาสนใจที่จะร่วมกับพวกในแก๊งยกพวกตีกับวิทยาลัยก่อสร้างที่เป็นคู่อริหรือไม่
นายประเสริฐรีบปฏิเสธทันทีเพราะพ่อสั่งห้ามเขาอย่างเด็ดขาด และต้องกลับบ้านเพื่อช่วยงานในแต่ละวันให้ตรงเวลา ห้ามหลงระเริงไปกับการเที่ยวเล่น แต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับบอกว่าให้พวกที่ไม่ไปช่วยสนับสนุนหาซื้อเสบียงหรืออาวุธ หรือสิ่งใดที่สามารถใช้ประโยชน์ในภารกิจนั้นได้ โดยมอบให้ในวันรุ่งขึ้น
ถึงเวลานัดหมาย นักศึกษาปี ๑ จึงได้นำเงิน อาหาร เครื่องดื่ม รวมไปถึงมีดและไม้ต่างๆ มามอบให้กับกลุ่มหน้ากล้าตาย ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ทุกคนหยิบจับสิ่งของต่างๆ มาพูดคุยกันว่าอะไรจะเหมาะสมที่สุดที่จะใช้ในการต่อสู้กับคู่อริจนกระเจิง
เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายประเสริฐเดินมาพร้อมกับเป้ทหารใบใหญ่ ทุกคนต่างตั้งตารออย่างตื่นเต้น เพราะคาดเดาว่าในนั้นต้องมีอาวุธที่ทรงพลังแน่ แต่เมื่อเปิดออก กลับทำให้ทุกคนต้องตกใจ เพราะสิ่งที่เขานำออกมาจากเป้ไม่ใช่อาวุธ แต่กลับเป็นตะกรุด ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ และเขี้ยวสัตว์จำนวนมาก
รุ่นพี่ที่เห็นก็ออกอาการผิดหวัง พูดว่า ‘อ้าว นึกว่าจะเป็นอาวุธสุดเจ๋ง แต่กลับกลายเป็นเครื่องรางของขลังซะได้’ นายประเสริฐได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนโดนดูถูก จึงตอบกลับว่า ‘จะเอาอาวุธจากไหนมาให้ล่ะ เพราะพ่อผมเป็นเซียนพระ ไม่ใช่ทหาร พ่อรู้ว่าพวกพี่จะไปตีกันเลยให้เครื่องรางของขลังมาช่วยครับ อามิตตพุทธ’
สีกาอ่าง
