
หัวข้ออิทธิพลของเนื้อในหนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มพระสมเด็จ (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ.2520) ครูตรียัมปวายได้กล่าวถึงหลายข้อ โดยข้อแรกคือ “ข้อยุติขั้นเด็ดขาด”
ความจริงของพระจะถูกตัดสินจากการวินิจฉัยทางเนื้อมากกว่าการพิจารณาทางพิมพ์ทรง
ของปลอมที่ทำโดยการถอดแบบจากของจริงจะมีลักษณะเนื้อที่ไม่หดตัวผิดขนาด แม้ว่าการพิจารณาทางพิมพ์ทรงอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ แต่การใช้ทฤษฎีทางเนื้อในการตัดสินก็จะช่วยตรวจจับความเท็จได้
“แต่?” ครูก็ยังคงให้ความสำคัญกับพิมพ์ทรง เพราะถ้าผู้มีความชำนาญสามารถตรวจสอบทั้งทางเนื้อและพิมพ์ทรงได้อย่างตรงกัน ก็สามารถสรุปได้ว่าพระที่มีลักษณะผิดทางเนื้อก็ย่อมหมายถึงพิมพ์ทรงที่ผิดด้วย
ตามคำกล่าวที่ว่า “ของแท้และของปลอมย่อมไม่สามารถรวมอยู่ในสิ่งเดียวกันได้”
เช่นเดียวกับการที่ไม่ได้พิจารณาริ้วรอยธรรมชาติที่ขอบ ด้านข้างและด้านหลัง แม้ว่าจะเป็นของปลอมที่ถอดพิมพ์มาอย่างปราณีต ก็ยังไม่อาจทำให้เหมือนของแท้ได้ เพราะขอบทั้งสี่และด้านหลังไม่มีลักษณะที่สามารถถอดพิมพ์ออกมาได้
ให้จำไว้ว่า ภาพพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์องค์ในคอลัมน์ที่มีสภาพสึกช้ำแสดงให้เห็นว่าได้ผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน จนทำให้ผิวแป้งโรยพิมพ์หมดไปตามที่เห็น เนื้อพระทั้งด้านหน้าและหลังจะเผยให้เห็นมวลสาร เช่น กากดำ เม็ดแดง ก้อนขาว ฯลฯ ที่ผสมกันอยู่
ผิวที่มีสภาพด่างๆ ดำๆ เป็นหย่อมๆ ถ้าดูแค่ผิวเผินอาจคิดว่าเนื้อไม่ละเอียดเนียน แต่ครูตรียัมปวายได้กล่าวไว้ว่าเป็น “เนื้อกระยาสารท”
ลักษณะของพระเนื้อกระยาสารทนั้น ค่อยๆ พิจารณาที่ความคมชัดของเส้นสายลายพิมพ์ที่เริ่มลบเลือน องค์พระและเส้นซุ้ม รวมถึงขอบสี่ด้านที่มีลักษณะกลมมน ซึ่งทำให้เกิดความนุ่มและซึ้งในงานศิลปะ
เนื้อพระในลักษณะนี้ ผู้ที่หลงใหลในพระเครื่องโบราณมักถือว่าเป็นเนื้อพระที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะพระที่มีเนื้อเก่าที่ดูด้านๆ และหยาบๆ ในมือ คนรักพระก็จะพยายามหาวิธีขัดผิวให้มีความเงางาม
ภาพจำจากวงการพระเครื่องรุ่นเก่ามักจะเห็นเซียนพระถือใบตอง และในเวลาว่างก็จะขัดแต่งผิวพระไปเรื่อยๆ
ครูตรียัมปวายเองก็ยอมรับค่านิยมนี้ และแนะนำว่า หากพบพระที่มีสภาพซีดเซียว วิธีแรกคือหาน้ำหอมดีๆ มาฉีดลงไป เพราะน้ำหอมจะช่วยเสริมให้เนื้อพระดูสดใสขึ้น แต่หากยังไม่เพียงพอ
ยังมีวิธีที่จะทำให้พระมีเงางามขึ้น ใช้ครีมทาที่ผิวพระให้ชื้น แล้วโรยแป้งเด็กลงไปเพื่อให้เนื้อพระซึมซับ จากนั้นค่อยๆ ปัดออก
วิธีเหล่านี้ในปัจจุบันวงการพระเครื่องได้ปฏิเสธไปแล้ว เพราะต้องการพระที่มีสภาพเดิมๆ หากเนื้อดูสกปรกหรือเก่าเก็บ ก็แค่ทำความสะอาด พระที่มีร่องรอยการขัดแต่งจนเงางามหรือมีกลิ่นน้ำหอมจะถูกพิจารณาว่าเป็นพระปลอมทันที
เหตุผลที่ครูตรียัมปวายเรียกเนื้อพระว่า กระยาสารท ก็เพราะเปรียบเทียบได้กับขนมกระยาสารทที่มีสีเหลืองเข้มผสมกับเม็ดถั่วลิสงและเม็ดงา ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเนื้อพระที่มีผิวเปิดเผยเนื้อใน
ผู้ที่เชี่ยวชาญในพระเครื่องจะรู้กันดี หากนำพระไปแช่ในน้ำอุ่นหรือทินเนอร์ในบริเวณที่มีพื้นผนังหรือส่วนลึกจากเส้นสาย...ผิวพระที่ยังไม่หลุดล่อนจะกลับมามีสภาพเดิมเหมือนเดิม
ส่วนเส้นสายที่นูนหนา...เมื่อผิวพระหมดแล้ว จะเผยให้เห็นพระที่มีเนื้อสึกช้ำ ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความนุ่มนวลที่ตัดกับพื้นผิวดิบๆ ของผิวปูน เป็นการสร้างมิติใหม่ที่ทำให้รู้สึกซึ้งไปกับงานศิลปะนี้
ในมุมมองของผม...พระสมเด็จที่ผ่านการใช้งานและสึกช้ำ หากเปรียบเทียบกับเพชรพลอยหรือหยก ก็คือมณีที่ผ่านการเจียระไนอย่างดีแล้ว ทำให้สามารถดูความแท้และความงามของเนื้อได้ง่ายขึ้น และเป็นการยืนยันตามหลักการที่ครูบอกว่า เนื้อพระคือสิ่งที่ยืนยันความแท้ของพระ
ในปัจจุบันพระปลอมทำออกมาได้เนียนมากจนทำให้ผู้รักพระหลายคนถอดใจไม่อยากสัมผัส แนะนำว่า หากมีโอกาสเลือกได้ ควรเลือกพระที่สึกช้ำแบบเนื้อกระยาสารท เช่นองค์นี้ พระสมเด็จวัดระฆังแท้ที่สามารถนำมาสวมใส่ได้อย่างไม่ต้องอายใคร
พลายชุมพล
คลิกเพื่ออ่านคอลัมน์ "ปาฏิหาริย์ จาก หิ้งพระ" เพิ่มเติม