
ตามหลักเกณฑ์ในวงการพระเครื่อง พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เศียรบาตรอกครุฑ ไม่มีการเปลี่ยนมือซื้อขายกันบ่อยนัก โดยเฉพาะพระที่มีต้นกำเนิดจากกรุบางขุนพรหม...แต่หากยึดหลักจากคำสอนของครู “ตรียัมปวาย” การพิจารณาพิมพ์เศียรบาตรอกครุฑ วัดระฆังจะมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากการสังเกตแบบทั่วไป
ครูท่านยังเน้นย้ำว่าพิมพ์สมเด็จที่สมเด็จโตภูมิใจในการแกะพิมพ์ด้วยมือของท่านเองนั้นได้รับการถวายให้แก่รัชกาลที่ 5 เมื่อพระองค์เสด็จเยือนยุโรป...ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของพระสมเด็จพิมพ์ทรงไกเซอร์ที่มีความสำคัญในวงการพระเครื่อง
สำหรับการซื้อขายพระสมเด็จวัดระฆังนั้น หากทำด้วยใจรักและไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ครอบครองพระสมเด็จที่แท้จริงในราคาที่ไม่สูงเกินไป และที่สำคัญควรระมัดระวังในการเลือกซื้อจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์
ในวงการพระเครื่องนั้น หลักการเดียวกันนี้ก็สามารถนำไปใช้ในการพิจารณาพระสมเด็จพิมพ์สองหน้าได้เช่นกัน ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ผมเคยพบพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์สองหน้าองค์แรกซึ่งไม่มีราคา และในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นพระที่แจกฟรีให้กับผู้ที่สนใจ
หลังจากที่ได้ศึกษามองดูพระองค์นี้แล้ว ผมเห็นว่ามันเป็นพระแท้ เนื้อละเอียดสีขาว เม็ดมวลสารน้อย ริ้วรอยธรรมชาติก็น้อยลงไป แต่มี “ก้อนขาว” ที่หลุมหลวมๆ และมีการเอียงๆ อยู่ ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยยืนยันได้ว่าเป็นของแท้ เพราะของปลอมไม่สามารถทำให้ตำแหน่งนี้เหมือนกันได้
พยายามหาคำตอบที่ชัดเจน...ว่าแต่ละพิมพ์ ควรกดแบบไหนก่อน และควรตามด้วยพิมพ์ไหนในลำดับหลัง
ค่อยๆ พิจารณาทีละน้อยก็เริ่มเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า ด้านพิมพ์ที่มีความชัดเจนกว่า จะเป็นพิมพ์ที่กดก่อน ส่วนพิมพ์ที่กดหลังจะพบว่ามีการติดไม่ชัดที่ฐานชั้นสาม และรอยเชื่อมขอบข้างยังมีการซ้อนเล็กน้อย
เมื่อได้ข้อสรุปที่มั่นใจแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังสองหน้าก็ปรากฏว่ามีลักษณะดังกล่าว จึงเริ่มมองต่อไปที่องค์อื่นๆ ซึ่งยังมีข้อสงสัยในด้านเนื้อหาและธรรมชาติ จนกระทั่งได้พบองค์สุดท้ายที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
พระองค์นี้มาในเลี่ยมพลาสติกใสสีขาว ฟอร์มพระที่ดูเหมือนจากแผงข้างถนน... ดร.คมสัน สนองพงษ์ เลือกให้มาทดสอบด้วยสายตาของผม
พระสมเด็จสองหน้าที่มีสภาพเดิมๆ นี้ สังเกตเห็นได้ชัดว่าองค์พระยังคงมีฝ้าคลุมด้วยโคลนสีขุ่นหนา ร่องรอยที่เกิดจากการสึกหรอ และรักดำที่ค่อยๆ ล่อนออกมา ทำให้บ่งบอกถึงความเก่าแก่ที่ถูกเก็บรักษามาหลายสิบปี
ต้องค่อยๆ ประคับประคองในการทำความสะอาด ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 วัน กว่าฝ้าโคลนจะค่อยๆ ลอกออก เปิดเผยเนื้อพระที่ละเอียดขาวขุ่นเป็นน้ำนม ส่วนเนื้อรักสีดำที่มีแกมสีน้ำตาลก็จะกลายเป็นฉากหลังที่เด่นชัด
จากลายเส้นและรูปแบบพิมพ์ที่เริ่มต้นนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าพิมพ์ใดเป็นพิมพ์ที่แท้จริง แต่เมื่อพิจารณาไปจนแน่ใจ สภาพของพระเริ่มเข้าที่และลงตัว
สิ่งที่ปรากฏนั้นจึงชัดเจนตามที่เห็นกัน
สมมติว่าให้หน้าที่ชัดเจนเป็นหน้าแรก ที่มีแม่พิมพ์เดียวกันกับพิมพ์ลุงพุฒ...(ซึ่งเป็นของปลอมที่ถูกผลิตออกมาโดยฝีมือหลายๆ คน) จะเห็นได้ชัดถึงระดับความคมลึกของพิมพ์ โดยเฉพาะเส้นร่องที่แบ่งหน้าท้อง และลักษณะของพระเพลาซ้ายที่อ่อนแอจนเกือบไปถึงปลายพระเพลาขวา
ฝ้ารักที่อยู่กลางฐานชั้นที่สาม ทำให้เห็นเส้นลวดกันลายที่ชัดเจนทั้งบนและล่าง
เส้นกรอบกระจกที่ติดชัดครบทั้งสี่ด้าน เป็นการยืนยันถึงความประณีตในการทำของผู้ที่ตั้งใจ “กดพิมพ์”
ด้านหลัง...เป็นแม่พิมพ์เดียวกับพิมพ์ “ขุนศรี” ถึงแม้ความคมลึกจะรองจากด้านหน้า แต่ยังคงเห็นการแยกของพระเพลาซ้ายและพระเพลาขวาได้อย่างชัดเจน เมื่อดูภาพรวมก็พบว่าเส้นสายของลายพิมพ์ครบถ้วนทุกประการ
พระสมเด็จวัดระฆัง...องค์ที่เหลือชิ้นรักที่มีฝ้ารักหนาและบาง โดยที่คนรักพระจะรู้สึกได้ว่าเหมือนเป็นฉากหลังที่ช่วยขับเน้นองค์พระที่มีเนื้อขาวให้เด่นชัดขึ้น ถือเป็นเสน่ห์ลึกซึ้งที่ดึงดูดใจมากกว่าพระที่มีเนื้อขาวหรือขาวอมเหลืองทั้งองค์
นี่คือพระสมเด็จวัดระฆังสองหน้าที่รวมแม่พิมพ์ยอดนิยมทั้งพิมพ์ลุงพุฒและพิมพ์ขุนศรีไว้ในองค์เดียว
พระสมเด็จองค์นี้ จะเป็นวาสนาหรือเป็นเพียงความ “เพ้อเจ้อ” ของเจ้าของพระนั้น คงต้องใช้สายตาและปัญญาของคนที่มีความรู้ในเรื่องพระมาเป็นตัวตัดสิน สำหรับตัวผมเองแล้ว แน่ใจว่าเป็นพระแท้ที่ดูง่าย ไม่มีจุดที่ทำให้สงสัยเลยแม้แต่น้อย
พลายชุมพล