อีกไม่กี่วัน พ่อแม่พี่น้องจะได้หยุดยาวช่วงสงกรานต์ ตั้งแต่วันพุธที่ 13 เมษายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายนนี้ ก็ขอให้ระมัดระวังตัวกันมากๆ เพราะโควิดยังคงระบาดอย่างรุนแรง การไปอยู่ในที่ชุมชนก็เสี่ยงมาก
เข้าไปที่สนามพระวิภาวดี ที่เปิดให้ชมพระได้ตลอดปี สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้ไปเล่นน้ำกับใคร (เพราะกลัวเปียก) แต่ไปชมพระที่มีมาเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ไทยแทน
พระองค์แรกที่น่าสนใจคือ พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ ลายกนก จากกรุลานทุ่งเศรษฐี อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระชุดที่สำคัญของประเทศไทย มีจำนวนเหลือน้อยและหายากมาก โดยเฉพาะพิมพ์ใหญ่ลายกนกแบบนี้ของ เสี่ยณฐพล ชัยนาท ซึ่งเป็นพระพิมพ์ใหญ่ที่มีลายกนกที่ได้รับความนิยมสูง ราคาจึงสูงถึงหลักหลายล้านบาท เรียกได้ว่าองค์ที่มีสภาพสวยสมบูรณ์ที่สุดนั้นมีจำนวนน้อยมาก ในขณะที่พระรุ่นอื่นๆในชุดเบญจภาคีมีจำนวนมากกว่าหลายร้อยองค์ ขณะเดียวกัน พุทธศิลป์ในองค์พระที่ได้รับอิทธิพลจากสมัยลังกาวงศ์มีความงดงามและมีพลังศักดิ์สิทธิ์ด้านโภคทรัพย์ “มีกูไม่จน” เป็นคำที่ใช้กล่าวถึงพระองค์นี้ ซึ่งทำให้พระองค์นี้เป็นที่ต้องการมากและมีราคาสูงจนสามารถจ่ายหลักหลายล้านได้ รวมถึงองค์ที่เป็นแชมป์ระดับท็อปไฟว์ที่ถูกเช่าบูชาในราคา 30 ล้าน

มีเรื่องเล่ามาจากตำนานเกี่ยวกับพระเบญจภาคี ที่ได้รับการยกย่องจากผู้มีประสบการณ์ว่าคือชุดพระแชมป์อมตะ ได้แก่ ๑. พระสมเด็จที่ได้รับชื่อว่า “องค์เสี่ยดม” อุดม กวัสราภรณ์ ๒. พระรอดพิมพ์ใหญ่ องค์ (พี่หริ) ศิริ คูวิบูลย์ศิลป์ (ซึ่งย้ายไปอยู่กับหมอหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล นานแล้ว) ๓. พระกำแพงซุ้มกอ “องค์เสี่ยดม” ๔. พระนางพญา องค์กรมศิลป์ ๕. พระผงสุพรรณ องค์ “นายเสถียร” เสถียร เสถียรสุต... ในตอนนั้นทุกคนยืนยันว่า 5 องค์นี้ใช่เลย และประเมินราคาทั้งชุดที่ 100 ล้าน (เอง) โดยพระสมเด็จและพระกำแพงซุ้มกอ “เสี่ยดม” ตั้งราคาไว้สูงสุดที่ 30 ล้านต่อองค์ รวม 60 ล้าน...และมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะรวบรวมได้ครบองค์ แต่ต่อมามีการซื้อขายชุดนี้สำเร็จในราคา 95 ล้าน ลดไป 5 ล้านจากการต่อรองที่พระซุ้มกอลดลงเหลือ 25 ล้าน...หลังจากนั้นพระเบญจภาคีชุดนี้ก็หายไปจนถึงปัจจุบัน ไม่มีการเคลื่อนไหวใหม่ๆ...วันนี้ได้มีโอกาสชมพระซุ้มกอองค์ที่สภาพดี แม้ไม่ถึงขั้นพระแชมป์แต่ก็ถือว่าเป็นพระหน้าใหม่ที่หาได้ยากมาก
องค์ถัดไปคือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สามเหลี่ยมฐานหมอน กรุเจดีย์เล็ก วัดใหม่อมตรส กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อเสียงในนาม “พระจิ๊กโก๋” ซึ่งวัยรุ่นยุคหลังวังนิยมเลี่ยมพระแบบเชือกร่มและคล้องคอชนิดติดลูกกระเดือก พร้อมเปิดเสื้อโชว์พระตามเทรนด์ของยุคนั้น...พระเหล่านี้ถูกพบในพระเจดีย์องค์เล็กๆ ของตระกูลต่างๆ ที่ตั้งอยู่รอบพระอุโบสถหลังเดิมของวัดใหม่อมตรส ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบางลำพู ที่เป็นแหล่งรวมวัยรุ่นทันสมัยในช่วงนั้น...ด้วยลักษณะพิมพ์ทรงสามเหลี่ยม ขนาดเล็กกะทัดรัดและราคาบูชาที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้พระพิมพ์นี้ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นเจ้าถิ่นย่านบางลำพู เนื่องจากมีอานุภาพป้องกันภัย แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ รวมถึงคงกระพัน ยิงฟันไม่เข้า...ปัจจุบันพระที่พบของ เสี่ยบัส ปากช่อง องค์นี้มีราคาหลายแสนบาท

ต่อไปเป็น พระลีลา กรุบ่อสวก จังหวัดน่าน ของ ส.จ.บอมบ์ เมืองน่าน ซึ่งเป็นพระกรุเนื้อดินเผาที่ได้รับความนิยมสูง และราคาสูงสุดในกรุนี้...พระเหล่านี้ถูกพบในหมู่บ้านบ่อสวก อำเภอเมือง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาโบราณของเมืองน่าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร...จากหลักฐานแวดล้อมพบว่าเครื่องปั้นดินเผาที่แตกต่างจากแหล่งเตาเผาอื่นๆ ในล้านนาและประเทศไทย ทำให้สันนิษฐานว่าในอดีตที่นี่เคยเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีความสำคัญมากในอาณาจักรล้านนา...จากข้อมูลยังบอกอีกว่าแหล่งนี้มีคนจีนฮ่อที่อพยพมาจากเมืองจีน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องปั้นดินเผา เมื่อมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ จึงเป็นแหล่งผลิตที่มีความเจริญรุ่งเรือง

การขุดค้นพบกรุพระบ่อสวกเกิดขึ้นอย่างบังเอิญในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เมื่อชาวบ้านกำลังแผ้วถางที่ดินเพื่อการเกษตร โดยไม่ทราบว่าสถานที่นี้เคยเป็นวัดหรือศาสนสถานมาก่อน ขณะที่จุดไฟเผาไม้ พบจุดที่ไฟไม่ติด จึงเริ่มสงสัยและขุดดินดู พบแผ่นอิฐขนาดใหญ่ เมื่อยกออกก็พบพระพิมพ์เนื้อดินเผาวางเรียงอยู่จำนวนมาก เมื่อพิจารณาเนื้อพระแล้วก็พบว่าเป็นเนื้อเดียวกับเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบในบริเวณใกล้เคียง พระที่พบแบ่งออกเป็น ๔ พิมพ์หลัก ได้แก่ ๑. พระนางพญาบ่อสวก พิมพ์ปลายตัด ๒. พระนางพญาบ่อสวก พิมพ์ใบพุทธา ๓. พระนางพญาบ่อสวก พิมพ์ใหญ่ (ขี้ปุ่ม) ๔. พระลีลาบ่อสวก ซึ่งเป็นพระพิมพ์ยืนปางลีลา และเป็นพระยอดนิยมที่หายากที่สุดในกรุนี้
อีกองค์หนึ่งคือ พระนางกำแพง พิมพ์ตื้น กรุลานทุ่งเศรษฐี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระพิมพ์เนื้อดินผสมเกสรจากพุทธศิลป์สมัยสุโขทัยยุคปลาย รูปทรงสามเหลี่ยมขนาดเล็ก พระที่พบในกรุพระลานทุ่งเศรษฐีมีทั้งเนื้อดิน (ส่วนใหญ่) และเนื้อชิน (ส่วนน้อย) พิมพ์พระสามารถแยกได้เป็นพิมพ์ลึกและพิมพ์ตื้น ราคาขององค์งามๆ สภาพเดิมๆ ของ เสี่ยธีรวัฒน์ ชัยจิตประเสริฐ ก็เริ่มต้นหลักหมื่นปลาย แต่ถ้าองค์ที่สภาพดีและสวยมากก็จะราคาขึ้นไปถึงหลักแสน

ถัดไปคือ พระคงกรุเก่า วัดพระคงฤๅษี อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพระของ “พี่หริ” ศิริ คูวิบูลย์ศิลป์ มืออาชีพรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงการพระเครื่องเมืองเหนือ แม้ว่าท่านจะมีอายุเยอะแล้วและไม่ค่อยเข้าร่วมวงการเหมือนก่อน แต่ท่านก็ยังคงหาพระเมืองเหนือองค์งามๆ สภาพแชมป์มาให้ผู้คนได้ชมกัน

เมื่อได้เห็นองค์นี้แล้ว ไม่มีคำว่าเสียใจเลยกับความสวยสมบูรณ์ของพระที่มีเนื้อเนียนละเอียดล่ำสันและมีคราบกรุที่ยังคงอยู่เต็มที่ ไม่เหมือนพระองค์อื่นๆ ที่อาจจะสูญเสียสภาพเดิมไป โดยพระปิดตาพิมพ์เศียรตัด เนื้อยานัตถ์ หลวงปู่ภู่ วัดนอก อ.เมือง จ.ชลบุรี เป็นหนึ่งในพระปิดตายอดนิยมของเมืองชล ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพระปิดตา ๕ เสือเมืองชล พระเนื้อผงคลุกรักประเภทเนื้อยานัตถ์นี้ ถือเป็นพิมพ์นิยมสูงสุดและสภาพแชมป์แบบนี้ ราคาก็ทะลุล้านแล้ว

อีกองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ใกล้เคียงกัน คือ พระขุนแผนพรายกุมาร พิมพ์เล็กทาบรอนซ์ (ลองพิมพ์) พ.ศ.๒๕๑๕ หลวงปู่ทิม วัดไร่วารี อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นพระพิมพ์ขุนแผนเนื้อผงพรายกุมารที่หลวงปู่ทิมสร้างขึ้นในยุคแรกๆ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ โดยระบุชื่อวัดไร่วารี ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นวัดละหารไร่ ผู้บูชาบอกว่า พระนี้มีพลังด้านคุ้มครองและป้องกันภัยได้ดี แถมยังสามารถบันดาลโชคลาภได้ตามที่ขอ มีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก องค์นี้เป็นพิมพ์เล็กที่นิยมสูงสุดและราคาสูงสุดของเสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง

สุดท้ายนี้ คือ เครื่องรางของขลังที่มีชื่อเสียงเรียกว่า สิงห์ตะปบเหยื่อ เนื้องาแกะ พระครูภาวนานุโยค (หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต) วัดชากหมาก อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เครื่องรางงาแกะรูปสิงห์อีกหนึ่งเครื่องรางที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าสิงห์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ โดยแม้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาจะไม่ชัดเจน แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของมันในด้านคุ้มครองป้องกันภัยนั้นเป็นที่ประจักษ์หลายครั้ง เคยมีเหตุการณ์ที่นักเรียนสองสถาบันยกพวกปะทะกันด้วยมีดไม้ หน้าห้างใหญ่ในเมืองหลวง แต่ผลปรากฏว่าฝ่ายที่มีเครื่องรางนี้บูชา กลับไม่บาดเจ็บหรือมีเลือดออกเลย ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกลับบาดเจ็บหนัก

เมื่อข่าวออกมาว่าทุกคนมี สิงห์สาลิกางาแกะ ใช้ ความนิยมของสิงห์หลวงพ่อหอมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตัวนี้ที่เป็นของ เสี่ยเพชร อิทธิ ซึ่งถือว่าเป็น สิงห์งาแกะที่ทำขึ้นพิเศษ ด้วยฝีมือช่างที่มีทักษะสูงสุด สามารถเทียบเคียงกับฝีมือช่างชั้นเยี่ยมจากสำนักอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นไปได้ว่า ศิษย์สร้างเองแล้วนำมามอบให้หลวงพ่อปลุกเสก หรือหลวงพ่ออาจสร้างเองเพื่อเป็น “ตัวครู” ด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยม โดยมีเอกลักษณ์ที่ตาของสิงห์ที่ฝังพลอยแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน โดยมีทั้งรุ่นที่มอบให้บุคคลเฉพาะกับรุ่นที่สร้างมากตามวาระต่างๆ ราคาแตกต่างกันไป แต่จุดเด่นยังคงเป็นตาแดงเป็นสัญลักษณ์ของท่าน
ในช่วงยุคโควิดระบาด นายสมบัติได้อธิบายว่าเขาไม่ได้ใช้พระวัดพลับ พิมพ์พุงป่องใหญ่แล้ว เพราะในช่วงนี้การฉีดยาไม่เข้าร่างกาย ทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ หากติดเชื้อขึ้นมาในช่วงนี้ และวัคซีนไม่สามารถทำงานได้ เพราะฉีดยาไม่เข้า อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงเก็บพระไว้ที่บ้าน เพราะคิดว่าไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
สีกาอ่าง