
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม ส่วนมากจะเห็นว่าเป็นพิมพ์ใหญ่ ซึ่งเกิดจากความนิยมในคำว่า “พิมพ์ใหญ่” ที่หลายคนมองว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมบารมี จนทำให้พิมพ์ฐานแซมดูเหมือนจะถูกละเลยไปบ้างในวงการพระเครื่อง
ในอดีตพิมพ์ฐานแซมเคยได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งและนำหน้าพิมพ์ทั่วไปในวงการพระเครื่องช่วงแรกๆ... คำว่า อกร่องหูยานฐานแซม นอกจากจะอธิบายรูปลักษณ์ขององค์พระที่โปร่งบางและงดงามแล้ว ยังมีความหมายที่ลึกซึ้งให้มโนตามได้อีกด้วย
คำว่า “ฐานแซม” ยังสามารถสื่อถึงการเพิ่มฐานะและยกระดับชีวิตให้สูงขึ้นได้ด้วย
ตามที่ “ตรียัมปวาย” ได้บันทึกไว้ พิมพ์ฐานแซมมีทั้งหมด 8 พิมพ์ โดยที่ 6 พิมพ์มาจากวัดระฆัง ได้แก่ พิมพ์เขื่อง, พิมพ์โปร่ง, พิมพ์ชะลูด, พิมพ์ป้อม, พิมพ์สันทัด, พิมพ์ย่อม และอีก 2 พิมพ์มีเฉพาะที่บางขุนพรหม ได้แก่ พิมพ์อกร่องหูยานฐานบาง และพิมพ์อกร่องหูยานฐานเส้น
บางพิมพ์ เช่น พิมพ์อกร่องหูยานฐานบาง และพิมพ์อกร่องหูยานฐานเส้น (พิมพ์นี้มีความคล้ายคลึงกับพิมพ์ฐานคู่มาก) สำหรับผู้ที่ชำนาญในการเลือกพิมพ์และเนื้อพระ มักจะสามารถหาซื้อในราคาที่ไม่สูงเกินไป
การดูพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซมจากมุมมองในคอลัมน์นี้ จะเห็นองค์พระในพิมพ์สันทัดอย่างชัดเจน แม้จะมองผ่านโดยไม่ใช้แว่น ก็สามารถสัมผัสได้ถึงราศีที่ประกอบรวมอยู่ในองค์พระ รวมทั้งพื้นผนังในซุ้มที่ถูกตกแต่งด้วยลอกรักทองดูสะอาดและเรียบเนียน
เมื่อเปิดเผยเนื้อพระ จะพบกับเนื้อพระสีขาวอมเหลืองที่ละเอียดนุ่ม มีลายงาแตกเล็กน้อยที่ไม่ชัดเจน
ข้อพิจารณาคือเส้นแซมใต้ฐาน ที่มีความหนาปานกลาง ในขณะที่เส้นแซมที่สองจะบางและชัดเจนทั้งสองข้าง แต่ตรงกลางจะจางหายไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถใช้เป็นข้อสังเกตในการตรวจสอบพระสมเด็จวัดระฆังแท้ ตามที่ “ตรียัมปวาย” ได้กล่าวไว้
จากนอกซุ้มไปถึงเส้นกรอบกระจกทั้งสี่ด้านที่มีรอยตัดที่คมชัด รักเก่าทองเก่ายังคงติดอยู่เต็มที่ ทำให้ดูเหมือนองค์พระนั่งอยู่หน้าม่านทอง ซึ่งเสริมให้เนื้อพระขาวดูเด่นชัด นี่คือเสน่ห์ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับองค์พระสมเด็จที่ไม่ค่อยพบเห็นในองค์อื่นๆ
เมื่อพลิกดูด้านหลัง จะพบว่ารักทองถูกลอกออกไปจนหมดเหลือเพียงฝ้ารักสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกทาบไปตามพื้นผิวของพระ บางครั้งอาจพบชิ้นรักสีน้ำตาลเข้มที่ติดอยู่ในหลุมร่องหรือรอยยุบเล็กๆ ซึ่งลักษณะเหล่านี้เป็นธรรมชาติของด้านหลังพระสมเด็จวัดระฆังที่สามารถมองเห็นได้ง่าย
บางเซียนพระมักกล่าวว่า หากดูเพียงแค่ด้านหลังของพระ ก็สามารถตัดสินได้เลยว่าเป็นพระแท้หรือไม่
เมื่อถามถึงราคา เจ้าของไม่ยอมบอก แต่บอกเพียงว่า พระฐานแซมองค์นี้เคยถูกนำไปขายที่ศูนย์พระเครื่องใหญ่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีการจับมือกันระหว่างเซียนใหญ่สี่ห้าคนและซื้อไปโชว์ลูกค้า มีเซียนเหรียญชื่อดังนำเงินสดมาซื้อ โดยยินดีจ่ายในราคาสิบล้าน แต่กลับไม่คุ้มค่ากับองค์พระในมือ
ในวงการพระสมเด็จ เรื่องราคาเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเจ้าของและผู้ซื้อ มันจบลงที่ความพอใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งนี้เป็นการซื้อขายจริง ไม่ใช่การซื้อเพื่อโชว์เพื่อสร้างราคาตามกลยุทธ์ของเซียนบางคน
พลายชุมพล