พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี ของเสี่ยเบิ้ม นครพิงค์อาร์ต.
ในตอนนี้ ประเทศไทยเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญกับความเงียบเหงาและความหดหู่จากมาตรการล็อกดาวน์ เวิร์ก แอท โฮม และสเตย์ แอท โฮม ที่ทำให้หลายคนเครียดหนัก แต่เมื่อมีการคลายล็อกนี้ ก็อย่าละเลยความระมัดระวัง เพราะอาจนำไปสู่การล็อกดาวน์รอบใหม่ได้
เพื่อเป็นกำลังใจ ขอแนะนำพระเครื่องรางของขลัง เริ่มต้นเดือน 9 ด้วยพระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จากเสี่ยเบิ้ม นครพิงค์อาร์ต องค์นี้ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ผิวหน้าของพระเลือนหาย หน้าจึงเรียบ ไม่เห็นรายละเอียดของปากตาจมูก ด้านหลังก็สึกกร่อนใต้ลายลวดถัก แต่สรุปได้ว่าเป็นพระแท้ ดูง่าย แม้ไม่สวย แต่ไม่แตกหัก และรูปทรงยังสมบูรณ์
เนื่องจากเป็นหนึ่งในเบญจภาคี พระกำแพงซุ้มกอจึงมีมูลค่าสูง ผู้ที่นิยมใช้พระเครื่องเพื่อพึ่งพาพุทธคุณต่างต้องการเป็นเจ้าของ เพราะเชื่อมั่นในอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ตามคำกล่าวที่ว่า “มีกูไม่จน” ที่ยังคงมีอยู่ครบถ้วน และที่สำคัญ ราคายังถูกกว่าพระสวยหรือพระแชมป์

องค์ต่อไปคือ พระชัยวัฒน์ พ.ศ.๒๔๗๙ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว) วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ สร้างพร้อมกับพระกริ่งในปี พ.ศ.๒๔๗๙ ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งสมเด็จพระวันรัต
ใช้เนื้อโลหะพิเศษเดียวกับที่ใช้สร้างพระกริ่งธรรมโกษาจารย์ ซึ่งรวบรวมไว้ทุกรุ่น โดยพระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) เป็นผู้หลอมรวม โดยไม่ผสมโลหะอื่น เป็นเนื้อนวโลหะ สีนากภายใน เปลี่ยนเป็นสีขาวและดำในที่สุด
แยกเบ้าเททองจากพิธีสร้างพระกริ่ง สร้างทั้งหมดประมาณ ๓๒๐ องค์ องค์นี้เป็นของพระคุณลุง ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่ยังคงความสวยงามและสภาพเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์

รายการที่สามคือ ภาพถ่ายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท นั่งเก้าอี้หวาย ซึ่งได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นภาพถ่ายยุคแรกที่จัดทำขึ้นในโอกาสพิเศษ และมอบให้เฉพาะศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น
ภาพถ่ายของบุคคลในยุคโบราณหายาก เนื่องจากในสมัยนั้นมีความเชื่อว่าการถ่ายภาพจะทำให้อายุสั้นลง พระเกจิอาจารย์หลายท่านจึงไม่มีภาพถ่ายเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น
หลวงปู่ศุข ท่านมีเมตตาสูง เมื่อศิษย์ขอภาพถ่ายองค์จริงเพื่อบูชา ท่านก็อนุญาตให้ถ่ายได้ ในอดีตจึงมักพบภาพถ่ายของท่านใส่กรอบกระจกไว้บูชาตามบ้านเรือน ปัจจุบันกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สะสมพระเครื่อง
เช่น ภาพถ่ายนั่งเก้าอี้หวาย ของเสี่ยคำรณ สัยยะนิฐี ซึ่งเป็นภาพที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะภาพที่มีความคมชัดและสมบูรณ์แบบนี้ จึงถูกนำไปใช้ในตำราพระเครื่องหลวงปู่ศุขเกือบทุกเล่ม และได้รับการยอมรับว่าเป็นภาพที่คมชัดที่สุด
ที่สำคัญคือ ด้านหลังภาพมีการจารอักขระตัวครูโดยหลวงปู่ศุขเอง ซึ่งเป็นการันตีว่าเป็นภาพถ่ายที่ท่านปลุกเสกด้วยตนเอง ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึงหลักล้าน

อีกหนึ่งรายการคือ พระพิมพ์เนื้อตะกั่วเทหล่อโบราณ รูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท เรียกกันว่า พระพิมพ์พระพุทธข้างอุ เนื้อตะกั่ว
ด้านหน้าเป็นองค์พระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ บนฐานสูง มีหลายรูปแบบที่แบ่งออกเป็นพิมพ์ต่างๆ มากมาย เช่นองค์นี้ของเสี่ยจ้ำ อ่างทอง เป็นพิมพ์ฐานบัวข้างอุ ที่ได้รับความนิยมเป็นพิมพ์มาตรฐาน องค์ที่สวยงามและสภาพดีแบบนี้ มีมูลค่าอยู่ที่หลักแสนกลางถึงปลาย

ต่อมาเป็น พระพิมพ์งบน้ำอ้อย เนื้อตะกั่ว หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี อีกหนึ่งพระพิมพ์เนื้อตะกั่วที่ได้รับความนิยมสูง จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง
หลวงพ่อเนียม เป็นพระเกจิอาจารย์อมตะแห่งเมืองสุพรรณฯ ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและวัตรปฏิบัติ เป็นพระแท้ที่มีพุทธาคมเข้มข้น และเป็นครูบาอาจารย์ของศิษย์มากมายในลุ่มน้ำท่าจีน ซึ่งหลายท่านมีชื่อเสียงในยุคต่อมา เช่น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน
ตลอดชีวิตท่านได้สร้างพระเครื่อง ของขลัง ตะกรุด และลูกอม ในรูปแบบต่างๆ มากมาย โดยใช้เนื้อตะกั่วและวิธีการเทหล่อแบบโบราณ
โดยท่านจะนำตะกั่วมาตีเป็นแผ่น ลงอักขระเลขยันต์ (ลบถม) ปลุกเสก แล้วนำไปหลอมละลายในไฟ เทลงในพิมพ์พระ ซึ่งมีทั้งพิมพ์พระพุทธนั่งลอยองค์ พระพิมพ์พระคงทรงเล็บมือหน้าเดียว-สองหน้า
และพิมพ์งบน้ำอ้อย ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เช่นองค์นี้ของเสี่ยไผ่ ราชบุรี เป็นพิมพ์ใหญ่ ที่ผ่านการใช้งานมา มีร่องรอยสัมผัสจนผิวหน้าลบเลือนเล็กน้อย แต่ยังคงความงามของพิมพ์พระในระดับที่สามารถโชว์ได้ เป็นพระแท้ที่ดูง่าย ซื้อง่าย-ขายคล่อง เพราะมีผู้ต้องการมาก

ถัดไปคือ เหรียญกองพันทหารลำปาง พ.ศ. ๒๕๑๗ เนื้อนวโลหะ หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง สร้างโดยสามเณรนิติรัตน์ และกองพันทหารบก จ.ลำปาง
มีทั้งหมด 4 เนื้อ ได้แก่ ทองคำ ๑๓ เหรียญ ตอกหมายเลขและโค้ด เงิน ๓๐๐ เหรียญ ตอกโค้ด นวโลหะ ๒๐๐ เหรียญ ตอกโค้ด และทองแดง ๒,๐๐๐ เหรียญ ตอกโค้ด ในภาพของเสี่ยโหน่ง กาดเมฆ เป็นเหรียญเนื้อนวโลหะ ๑ ใน ๒๐๐ เหรียญ ซึ่งปัจจุบันเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมอันดับ 1 ของลำปาง ที่นักสะสมพระเครื่องต่างต้องการเป็นเจ้าของ

อีกหนึ่งสำนักคือ เครื่องรางชั้นสูง พรีเมียม นั่นคือ ประคำมือ หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งเชื่อกันว่าเฉพาะผู้มีบุญบารมีเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง เพราะเป็นเครื่องรางที่หลวงปู่ศุขตั้งใจทำเพื่อมอบให้ศิษย์ที่ท่านเห็นควรเท่านั้น
เนื่องจากต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้าง เริ่มตั้งแต่การหากะลามะพร้าวมหาอุด (ไม่มีตา) จึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมเครื่องรางที่รู้คุณค่า ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่มีจำนวนน้อยมาก โดยเฉพาะเส้นที่สมบูรณ์ทุกเม็ดประคำ และสายประคำไหมห้าสีแบบนี้ ของศูนย์พระเครื่องธนบุรี ที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมา ราคาจึงขึ้นอยู่กับเจ้าของ เพราะน้อยคนจะยอมปล่อยให้ผ่านมือไปง่ายๆ

เครื่องรางอีกชิ้นที่ถือว่าวิเศษสุดคือ ตะกรุดมหาโสฬสมงคล หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งสร้างพร้อมกับพระปิดตา เพื่อให้สาธุชนทำบุญบูชา และนำรายได้ไปบูรณะพระอาราม สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และองค์พระเจดีย์
มีคำกล่าวว่า หากต้องการรู้ถึงความเก่งกาจและพุทธาคมของท่าน ต้องดูที่ตะกรุดที่ท่านสร้าง ซึ่งแสดงถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ในระดับสูง ตะกรุดสำนักนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าโดดเด่นจริง จนกลายเป็นตะกรุดอันดับ 1 ของวงการ มีราคาสูงถึงหลักล้านและเพิ่มขึ้นทุกวัน เนื่องจากมีผู้ต้องการมากกว่าจำนวนตะกรุดที่มี
ในการสร้าง หลวงปู่เอี่ยมใช้แผ่นโลหะสี่เหลี่ยมเนื้อตะกั่วและทองแดง ตัดมุมทั้งสี่ด้าน ตีเส้นตาราง ลงอักขระพระคาถาสูตรมหาโสฬสมงคลด้านหนึ่ง และจารพระคาถาไตรสรณคมณ์อีกด้าน
ปลุกเสกเป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นถักเชือกหุ้มและพอกด้วยผงพุทธคุณ ลงรักทับชั้นนอกสุด เห็นได้จากดอกนี้ของเสี่ยอ้วนลอยฟ้า พระคุ้มครอง ซึ่งเป็นเนื้อทองแดงม้วนแน่น รักดำมันวาว แสดงถึงอายุความเก่าแก่ และถือเป็นหนึ่งในดอกที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบ
เจ้าของรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ เพราะดอกนี้ได้รับการยอมรับจาก “พี่ยัพ” พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมพระเครื่องฯ ที่ชมว่าเป็นของดีและหายากมาก ถือเป็นโชคดีของผู้ที่ได้ครอบครอง เพราะตลอดชีวิตพบเพียง ๑๑ ดอก เทียบได้กับพระปิดตา พิมพ์ว่าวจุฬาใหญ่ ที่พบน้อยกว่า ๑๐ องค์
เมื่อได้รับคำชมเช่นนี้ เจ้าของจึงหวงแหนและบอกว่าไม่ขาย เพราะตั้งใจอธิษฐานขอหลวงปู่เอี่ยมมา โดยสัญญาว่าจะเก็บไว้ใช้ ทำให้ตะกรุดดอกนี้เข้าตำรา แม้มีเงินก็ไม่อาจหาซื้อได้ง่ายๆ
มาถึงเรื่องปิดท้ายของวันนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในร้านค้าของเก่าแห่งหนึ่งที่นครปฐม ของเสี่ยสมัย เซียนพระท้องถิ่น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อนมหาวิทยาลัยของลูกสาว ๓-๔ คน มาเยี่ยม เสี่ยสมัยจึงต้อนรับอย่างอบอุ่น พาเพื่อนๆเดินชมร้าน ดูของเก่าต่างๆ จนมาถึงมุมพระเครื่อง ที่จัดแสดงอย่างเป็นระเบียบ มีพระเครื่องวางโชว์ในตู้กระจก เปิดไฟสว่างให้ชมได้ชัดเจน
เพื่อนผู้หญิงของลูกสาวชี้ไปที่พระองค์สามเหลี่ยม ถามว่า “คุณพ่อ องค์นี้เรียกว่าพระอะไร” เซียนสมัยตอบทันทีว่าเป็นพระนางพญา สำหรับผู้หญิงใช้ เพื่อนลูกสาวสงสัยถามต่อว่า “เขาสร้างพระแยกสำหรับชาย-หญิงด้วยหรือ” เซียนสมัยอธิบายว่า คนโบราณรอบคอบ สร้างพระให้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ตั้งชื่อให้เป็นมงคล เช่น ผู้ชายใช้พระขุนแผน พระยอดขุนพล พระสมเด็จ และอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับผู้หญิงก็มีพระนางพญาจากกรุต่างๆ พระนางเสน่ห์จันทร์ ส่วนเด็กเล็กก็มีพระพิมพ์ขนาดเล็ก หรือเครื่องรางประเภทตะกรุด เบี้ยแก้ ลูกอม จากหลายสำนัก
เมื่อบรรยายถึงตรงนี้ เพื่อนผู้หญิงของลูกอีกคนพยักหน้าและกล่าวว่า คนโบราณรอบคอบจริงๆ ที่สร้างพระแยกให้ใช้ได้ทุกเพศ แต่เธอสงสัยว่าปัจจุบันมีเพศที่สาม เช่นเพื่อนชายของเธอ (ชี้ไปที่เพื่อนชายท่าทางตุ้งติ้ง) คนโบราณมีสร้างพระสำหรับเพศนี้หรือไม่ เพราะปัจจุบันมีจำนวนมาก
เซียนสมัยฟังแล้วคิดหนัก ทำท่าเหมือนจนปัญญา พอดีเสี่ยฉ่าย เพื่อนเล่นพระด้วยกันเข้ามาได้ยิน จึงตอบแทนว่า มีแน่นอน เพราะมีการสร้างพระขุนแผน พิมพ์แขนอ่อน บรรจุกรุไว้ ทุกคนฟังแล้วพยักหน้าว่ามีเหตุผล ว่าคนโบราณคิดการณ์ไกลและรู้ถึงอนาคต จึงเตรียมพระสำหรับเพศที่สามไว้ตั้งแต่ ๕๐๐ ปีก่อน เจ้าค่ะ อามิตพุทธ.
สีกาอ่าง