วัยผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์สูงกว่าวัยอื่นๆ การศึกษาพบว่า การให้ผู้สูงอายุเล่นบอร์ดเกม (Board Game) หรือเกมกระดานช่วยกระตุ้นการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งสามารถช่วยชะลอการเสื่อมของสมองได้
ตามข้อมูลจาก รศ.นพ.สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชย หัวหน้าศูนย์ดูแลภาวะสมองเสื่อม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า 6 ใน 10 ของผู้ป่วยสมองเสื่อมเกิดจากโรคอัลไซเมอร์ โดยในประเทศไทยปัจจุบันมีผู้ป่วยสมองเสื่อมกว่า 600,000 คน และในกลุ่มอายุ 65-70 ปี มีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ร้อยละ 1-2 โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ปีที่อายุเพิ่มขึ้น
โรคอัลไซเมอร์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามสังคมไทยที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Super Age Society) ในปี 2574 ที่จะมีประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 28 ซึ่งผลกระทบไม่เพียงแต่จะมีต่อตัวผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อผู้ดูแลที่ต้องรับผิดชอบการดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง
ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
ผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์สูงกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยง อีกทั้งผู้ที่มีระดับการศึกษาต่ำจะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่มีการศึกษาสูง เนื่องจากคนที่มีการศึกษาสูงมักทำงานที่ใช้การคิดวิเคราะห์มากขึ้น ทำให้สมองได้ใช้ความคิดและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น การบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจที่ไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุม รวมถึงการใช้สารเสพติด การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์เกินมาตรฐาน (21 แก้วต่อสัปดาห์) หรือผู้ที่มีโรคอ้วนในวัยกลางคน ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ รวมถึงการขาดกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง การรักษากิจกรรมที่ช่วยให้สมองได้ทำงานและตื่นตัวจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
บอร์ดเกมเป็นเครื่องมือกระตุ้นสมองในผู้สูงอายุ
จากการวิจัยกึ่งทดลองเกี่ยวกับ “ผลของโปรแกรมเกมกระดานในการบริหารสมองต่อการรู้คิดในผู้สูงอายุ” ซึ่งเผยแพร่ในพยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าผู้สูงอายุในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมการเล่นบอร์ดเกมสามารถกระตุ้นการรู้คิดผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งทำงานประสานกันกับกระบวนการคิดและจิตใจ การกระตุ้นให้เกิดความสนใจ การตัดสินใจ ทบทวนความจำ และมิติสัมพันธ์ ทำให้สมองได้รับการพัฒนาและเจริญเติบโตตามโปรแกรมการบริหารสมอง

บอร์ดเกม หรือเกมกระดาน เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้เพื่อบริหารสมองของผู้สูงอายุเพื่อชะลอความเสื่อมของสมอง ไม่ว่าจะเป็นเกมกระดานยุคเก่าที่ผู้สูงอายุคุ้นเคย เช่น หมากล้อม หมากรุก หรือเกมเศรษฐี หรือแม้กระทั่งบอร์ดเกมรุ่นใหม่ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นเดียวกัน
การเล่นบอร์ดเกมไม่เพียงแค่ช่วยให้สมองทำงานจากการคิดวางแผน การจำ และการคิดคะแนน แต่ยังเพิ่มความสนุกสนานและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนวัยเดียวกันหรือกับลูกหลานที่ชื่นชอบบอร์ดเกมรุ่นใหม่ ซึ่งช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยได้ดีมาก
5 เกมกระดานที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
บอร์ดเกมที่สามารถให้ความสนุกและเหมาะกับทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้สูงอายุ เหมาะแก่การเชิญชวนผู้สูงอายุมารวมกันเพื่อสร้างกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างวัยและฝึกสมองไปพร้อมกัน มีดังนี้
1. เกมต่อรถไฟ Ticket to Ride
มีกติกาที่ไม่ซับซ้อน ช่วยให้ผู้เล่นได้ทั้งการวางแผนและการแข่งขัน พร้อมทั้งต้องอาศัยโชคในการจั่วการ์ด ทำให้การเล่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสนุก
2. เกม Cascadia
เกมแนวพัซเซิลที่จะพาผู้เล่นย้อนกลับไปสู่วิถีชีวิตในธรรมชาติ เป้าหมายของผู้เล่นคือการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมเพื่อให้สัตว์ต่างๆ ได้อาศัยอยู่ร่วมกัน ด้วยการพัฒนาป่าที่สมบูรณ์และแข็งแรง เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในเกมนี้
3. เกม Pandamic
เกมที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับโรคระบาด ผู้เล่นทั้งสี่คนต้องร่วมมือกันในการควบคุมโรคร้ายและหาวิธีรักษาโรคที่เกิดขึ้นให้ทันตามเวลาที่กำหนด เป็นเกมที่เน้นการวางแผนและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

4. เกม Ultimate Werewolf Deluxe
เกมที่ท้าทายจิตวิทยาของผู้เล่นระดับสูง ผู้เล่นแต่ละคนจะรับบทเป็นชาวบ้านหรือผู้มีพลังพิเศษ ซึ่งต้องร่วมมือกันหาตัวมนุษย์หมาป่าที่แฝงตัวเข้ามาในหมู่บ้านและกำจัดมันก่อนที่มันจะโจมตีเหยื่อและหลบหนีไปก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
5. เกม Catan หรือนักบุกเบิกแห่งคาทาน
ในเกมนี้ผู้เล่นจะต้องพาตัวเองไปสู่เกาะที่ไม่เคยมีคนอาศัยมาก่อน และสร้างอาณานิคมโดยการอพยพผู้คน ทอยลูกเต๋าเพื่อเก็บทรัพยากรที่ใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัย ความสนุกอยู่ที่การแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างผู้เล่น และต้องระวังการถูกโจรปล้นทรัพยากรไป
การเล่นบอร์ดเกมยังช่วยให้ผู้ดูแลผู้ป่วยมีความเข้าใจในการจัดการและดูแลผู้ป่วยได้ดีขึ้น ผ่านการเรียนรู้วิธีรับมือในสถานการณ์ต่างๆ และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ป่วยและผู้ดูแล ทำให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของทั้งคู่ได้
รศ.นพ.สุขเจริญ เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ มีแผนจะขยายการฝึกสมองผู้ป่วยอัลไซเมอร์แบบรายบุคคลเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีปัญหาทำให้ไม่สามารถร่วมกิจกรรมกลุ่มได้ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงและนวัตกรรมใหม่ๆ ร่วมกับหน่วยวิจัยเกี่ยวกับความบกพร่องทางสติปัญญาและภาวะสมองเสื่อมจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โดยจะเปิดหลักสูตรออนไลน์เพื่อฝึกอบรมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมให้มีความเชี่ยวชาญ
เขายังเน้นย้ำผลการวิจัยที่พบว่า การชะลอภาวะสมองเสื่อมสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงวัยหนุ่มสาว โดยเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ
“หากคุณไม่อยากประสบกับภาวะสมองเสื่อมและต้องการให้สมองของคุณสดใสอยู่เสมอ คุณควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีง่ายๆ เช่น หลีกเลี่ยงความเครียดและอารมณ์ซึมเศร้า มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ออกกำลังกายเป็นประจำ ตรวจสุขภาพประจำปี ดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงสารเสพติด งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ นอนหลับอย่างเพียงพอ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และฝึกสมาธิ” รศ.นพ.สุขเจริญ กล่าวแนะนำ
ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วันโรคสมองเสื่อมจึงได้จัดตั้ง “Bright Brain Club” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปรู้จักและเข้าใจวิธีดูแลสุขภาพจิตและสมองเพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อมเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

“ชมรมนี้เปิดให้สมาชิกเข้าร่วมฟรีสำหรับผู้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป เพราะกลุ่มนี้กำลังเตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุและอาจเริ่มประสบปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หรือไขมันในเลือดสูง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ต้องให้ความสำคัญโดยเร็ว หากไม่ดูแลสุขภาพอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้ จะมีความเสี่ยงสูงในการพัฒนาเป็นโรคสมองเสื่อมในอนาคต”
ชมรมสมองแจ่มใสเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์วันโรคสมองเสื่อม ตั้งอยู่ที่ชั้น 15 ของอาคาร สท. ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 1,000 คน สมาชิกสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การสัมมนาเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิต การฉายภาพยนตร์และการอภิปรายหลังฉาย หรือการฟังสื่อเสียงผ่านพอดแคสต์หรือยูทูบ
“เราต้องการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุเริ่มดูแลสุขภาพของตนเองเพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อมตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการใส่ใจทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อช่วยลดภาระให้กับครอบครัว สังคม และประเทศในอนาคต มาร่วมเป็นสมาชิกชมรมของเรา” รศ.นพ.สุขเจริญ กล่าว
ข้อมูลอ้างอิง: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย