มักมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความฉลาดของมนุษย์และรอยหยักในสมอง โดยที่เราอาจจะเคยได้ยินว่า คนที่คิดช้าอาจจะมีรอยหยักน้อย หรือบางคนอาจจะถูกมองว่าโง่เพราะสมองเล็ก ส่วนคนที่สมองใหญ่ก็จะถูกมองว่าฉลาด ซึ่งในความเป็นจริง ขนาดสมองหรือรอยหยักในสมองไม่ได้เกี่ยวข้องกับความฉลาดเลย
รอยหยักในสมองเกิดจากการที่สมองของเราเจริญเติบโตและพัฒนาตามวิวัฒนาการ สมองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นต้องเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้น แต่ในพื้นที่ที่จำกัดนี้ สมองจึงต้องขดตัวเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวจึงเกิดเป็นรอยหยัก ขณะที่ความฉลาดไม่ได้วัดจากรอยหยัก แต่ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและจำนวนของจุดประสานประสาทที่มีอยู่ในสมอง
จุดประสานประสาท (Synapse) คือจุดที่เชื่อมโยงการส่งกระแสประสาทระหว่างแอกซอนและเดนไดรท์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับและส่งกระแสประสาทในสมอง เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่หรือทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน การเรียนรู้ภาษาหรือทักษะใหม่ๆ จะช่วยกระตุ้นการสร้างจุดประสานประสาทและทำให้สมองมีการพัฒนามากขึ้น ยิ่งจำนวนจุดประสานประสาทมากเท่าไร เราก็ยิ่งมีความเชื่อมโยงที่ดีขึ้นในสมอง

การวิจัยเกี่ยวกับหน้าที่ของสมองเผยให้เห็นความสามารถที่หลากหลาย สมองไม่เพียงรับข้อมูลและประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ในการควบคุมการหลั่งสารบางประเภทที่มีผลต่อร่างกายและจิตใจของเราอีกด้วย ซึ่งความสามารถของสมองนี้มีความหลากหลายและซับซ้อนมาก
สมองมีความสามารถในการคิดหาคำตอบสำหรับคำถามที่ซับซ้อนได้ รวมถึงการควบคุมการเคลื่อนไหว พฤติกรรมต่างๆ และการรักษาสมดุลภายในร่างกาย (homeostasis) เช่น การควบคุมการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ สมองยังเกี่ยวข้องกับการรับรู้ (cognition) อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว (motor learning) และความสามารถอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ของมนุษย์ นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มพลังสมองได้เรื่อยๆ แม้กระทั่งในช่วงปลายชีวิต ความสามารถในการรับข้อมูลของสมองแทบไม่มีขีดจำกัด และสามารถจุความรู้ได้มากมายจนเกินขีดความสามารถของเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ระบบสมองที่มีความพิเศษก็ยังมีการเสื่อมสภาพเมื่ออายุมากขึ้น ในช่วงอายุ 70-80 ปี ประมาณ 1 ใน 4 ของเซลล์ประสาทหรือ “นิวรอน” (neurons) ซึ่งประกอบกันเป็นสมองจะตายลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้บางคนสูงอายุเริ่มหลงๆ ลืมๆ หรือหูตึง การคิดใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับเวลาที่ไม่ได้ใช้ความคิด สมองแตกต่างจากเครื่องจักรที่มนุษย์สร้างขึ้นตรงที่มันต้องใช้พลังงานส่วนใหญ่เพื่อรักษาความตื่นตัวและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ มันต้องการพลังงานเพียงเล็กน้อยเพื่อให้วงจรสมองทำงานได้

จากการศึกษาสมองของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก พบว่า สมองของเขามีเซลล์เนื้อเยื่อมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า โดยเฉพาะในส่วนล่างของสมองด้านข้าง (inferior parietal region) ซึ่งใหญ่กว่าคนปกติถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคิดเชิงคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ยังพบว่าร่องสมองของไอน์สไตน์บางส่วนหายไป ซึ่งแตกต่างจากสมองของคนทั่วไปที่มีร่องเชื่อมต่อจากด้านหน้าไปด้านหลัง ซึ่งร่องที่หายไปอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมองของเขาเชื่อมต่อกันได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ไอน์สไตน์สามารถคิดค้นทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่เปลี่ยนแปลงโลกได้
สำหรับมนุษย์ทั่วไปนั้น การทำกิจกรรมบางประเภทสามารถเพิ่มจำนวนเซลล์เนื้อเยื่อประสาทและทำให้ความคิดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยกิจกรรมเหล่านั้นจะต้องเป็นการผสมผสานทักษะต่างๆ ร่วมกัน เช่น การจินตนาการ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นเมื่อสมองของมนุษย์พร้อมทำงานเต็มที่ ทุกประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นพื้นฐานในการจินตนาการ เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และในโลกยุคปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลง การสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับโลกที่ต้องการอัจฉริยะ