ยาลดกรดในกระเพาะและกรดไหลย้อนมีแบรนด์ใดบ้างที่น่าสนใจ

ยาลดกรดแบรนด์ไหนดีที่สุด ยาลดกรดเป็นยาที่ควรมีติดบ้านไว้เพื่อบรรเทาอาการท้องอืดหรือกรดไหลย้อนเล็กน้อย โดยมียาหลายรูปแบบให้เลือกตามอาการปวดท้องหรือแน่นท้อง ยาลดกรดในกระเพาะมีทั้งแบบเม็ดและแบบน้ำ ควรกินเมื่อไหร่และมีข้อควรระวังอย่างไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้

ยาลดกรดไม่ได้มีเพียงแบบเม็ดหรือแบบน้ำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงยาฉีดด้วย ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ผู้ที่มีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารเบื้องต้นและไม่มีประวัติโรคกระเพาะมาก่อน อาจซื้อยาลดกรดมาบรรเทาอาการจุกเสียดชั่วคราวได้ ส่วนผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนหรือมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ทำให้ร่างกายผลิตกรดมากเกินไป ควรใช้ยาลดกรดตามคำสั่งแพทย์เพื่อควบคุมการผลิตกรดจากต่อมน้ำย่อย

ยาลดกรดชนิดเม็ด สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ยาเม็ดแบบเคี้ยวที่ช่วยลดอาการจุกเสียดและเคลือบกระเพาะอาหาร โดยมีส่วนผสมหลักเช่น อะลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์, แมกนีเซียม ไทรซิลิเคต และไซเมทิโคน ซึ่งสามารถหาซื้อเป็นยาสามัญประจำบ้านได้ ส่วนยาชนิดที่ยับยั้งการสร้างกรดจากผนังเซลล์ทางเดินอาหาร ใช้สำหรับรักษาโรคกระเพาะและทางเดินอาหารนั้น เป็นยาลดกรดกลุ่ม PPIs ที่ต้องได้รับตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น

แอนตาซิล (Antacil) เป็นยาที่ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการปวดท้อง ท้องอืด และจุกเสียด วิธีการรับประทานคือ ในแต่ละเม็ดประกอบด้วย 1. ดราย อะลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์ เยล 250 มก. 2. แมกนีเซียม ไทรซิลิเคต 350 มก. 3. คาโอลีน 50 มก. โดยให้เคี้ยวก่อนแล้วดื่มน้ำตาม รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด หลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง

แอร์เอ็กซ์ (AirX) เป็นยาที่ใช้ลดอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ แต่ไม่ใช่ยาลดกรด โดยในแต่ละเม็ดประกอบด้วย Simethicone 80 มก. ควรรับประทานครั้งละ 1 เม็ดเมื่อมีอาการ วันละไม่เกิน 4 ครั้ง และไม่ควรรับประทานเกิน 6 เม็ดใน 1 วัน

เครมิล (Kremil) ช่วยบรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร ลดกรด แก้ท้องอืด แน่น และจุกเสียด รวมถึงอาการแสบร้อนกลางอกจากกรดไหลย้อน ในแต่ละเม็ดประกอบด้วย AHMC Type F-MA II* 325 มก. (เทียบเท่าอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ 188.8 มก., แมกนีเซียมคาร์บอเนต 136.2 มก., และไซเมทิโคน 60 มก.) รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด กลืนพร้อมน้ำ ไม่ต้องเคี้ยว หลังอาหารเพื่อลดกรดในกระเพาะ หากใช้เพื่อบรรเทาอาการแผลในกระเพาะ รับประทาน 2-4 เม็ดทุก 4 ชั่วโมง หรือตามคำแนะนำแพทย์

อัลไกคอน (Algycon) เป็นยาเม็ดสีขาวกลม บรรจุแผงละ 12 เม็ด ใช้รักษาอาการกรดไหลย้อน แก้แสบร้อนกลางอก และปกป้องผนังทางเดินอาหาร เป็นยาเม็ดเคี้ยวที่ออกฤทธิ์เร็วภายใน 15 นาที จัดอยู่ในกลุ่ม Alginates เหมาะสำหรับรักษาภาวะกรดและน้ำย่อยไหลย้อน

ดิออกไซม์ (Dioxzye) เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ แต่ไม่ใช่ยาลดกรด ตัวยามีรสมินต์ รับประทานง่าย และเป็นสูตรไม่มีน้ำตาล (Sugar Free) ควรรับประทานครั้งละ 1 เม็ดเมื่อมีอาการ วันละไม่เกิน 4 ครั้ง และไม่ควรเกิน 6 เม็ดใน 1 วัน โดยแต่ละเม็ดประกอบด้วย Simethicone 80 มก.

ยาลดกรดแบบเม็ดกลุ่ม PPIs (Proton-pump Inhibitors) ต้องรับประทานตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น

ยาลดกรดกลุ่ม PPIs เป็นยาที่แพทย์เป็นผู้จ่ายให้ โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างกรดจากเซลล์ผนังกระเพาะอาหารในขั้นตอนสุดท้ายของการผลิตกรด ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมียาลดกรดกลุ่ม PPIs ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วหลายชนิด

• ใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
• ช่วยรักษาแผลในทางเดินอาหารและบรรเทาอาการอักเสบในผู้ที่ไม่ใช้สเตียรอยด์
• ใช้รักษาอาการกรดไหลย้อน
• รักษาภาวะการหลั่งกรดมากเกินไป
• ใช้รักษาการติดเชื้อ Helicobacter Pylori (H. Pylori)
• รักษาหลอดอาหารอักเสบระดับปานกลางถึงรุนแรง

ยี่ห้อยาลดกรดกลุ่ม PPIs ที่นิยมใช้ เช่น Omeprazole (Miracid, Losec MUPS, O-sid), Esomeprazole (Nexium MUPS), Lansoprazole (Prevacid FDT), Pantoprazole (Controloc) และ Rabeprazole (Pariet) ซึ่งเป็นยาที่ต้องได้รับจากแพทย์เท่านั้น เนื่องจากต้องคำนึงถึงน้ำหนักตัวและระยะเวลาการใช้ยาตามอาการของโรค

ยาลดกรดชนิดน้ำ หรือที่รู้จักในทางการแพทย์ว่ายาน้ำแขวนตะกอน (Suspension) เป็นรูปแบบยาที่บรรจุอยู่ในขวด จำเป็นต้องเขย่าก่อนใช้เพื่อป้องกันการตกตะกอน วิธีการใช้คือการรับประทาน ซึ่งจะทำให้ตัวยาผ่านทางหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ช่วยเคลือบผิวทางเดินอาหารและบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกที่เกิดจากกรดไหลย้อน

แอนตาซิล เยล เอช เอช มีขนาดบรรจุ 240 มิลลิลิตร เป็นยาน้ำในขวดสีขาวที่มีฉลากสีเขียว ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนต้น โดยแนะนำให้ใช้ครั้งละ 15 มิลลิลิตร ประกอบด้วยตัวยาสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ ALUMINIUM HYDROXIDE COMPRESSED GEL 960 มิลลิกรัม, MAGNESIUM HYDROXIDE 330 มิลลิกรัม, และ SIMETHICONE (AS SIMETHICONE EMULSION) 60 มิลลิกรัม ควรรับประทานหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 4 ครั้ง

อาโมจิน-เยล (AMOGIN-Gel) เป็นยาน้ำแขวนตะกอนในขวดสีขาว มีกลิ่นมินต์ โดยในปริมาณ 15 มิลลิลิตร จะประกอบด้วยตัวยา Dried Aluminum hydroxide gel 0.6 กรัม, Magnesium hydroxide 0.3 กรัม, และ Activated dimethylpolysiloxane 0.021 กรัม แนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน

กาวิสคอน ดูอัล แอคชั่น (Gaviscon Dual Action) เป็นยาน้ำลดกรดในขวดสีชมพู และมีรูปแบบซองสำหรับรับประทานต่อมื้อ ผลิตโดยบริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ เฮลธ์แคร์ ในปริมาณ 10 มิลลิลิตร ประกอบด้วยโซเดียม อัลจิเนต 500 มิลลิกรัม, โซเดียม ไบคาร์บอเนต 213 มิลลิกรัม, และแคลเซียม คาร์บอเนต 325 มิลลิกรัม แนะนำให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 10-20 มิลลิลิตร วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

เบลสิด ฟอร์ท ซัสเพนชั่น (Belcid Forte) เป็นยาน้ำลดกรดในขวดสีขาว ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกจากกรดไหลย้อน และเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร ประกอบด้วยตัวยา Aluminium, Magnesium, และ Simethicone ในปริมาณ 5 มิลลิลิตร โดยมีอะลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์ 306 มิลลิกรัม, แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์ 110 มิลลิกรัม, และไซเมธิโคน 30 มิลลิกรัม แนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร 1 ชั่วโมง และก่อนนอน ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจหรือโรคไต และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ หากต้องใช้ร่วมกับยาอื่น ควรเว้นระยะห่าง 2 ชั่วโมง

ไบร์เยล (Brygel) เป็นยาลดกรดชนิดน้ำที่ช่วยปกป้องและรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ตัวยาประกอบด้วย Aluminium hydroxide และ Magnesium hydroxide ในขวดขนาด 240 มิลลิลิตร ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท ไบร์วู๊ดฟาร์มาซูติคอล จำกัด

• Brygel ขวดสีเขียว เป็นยาน้ำลดกรดที่ช่วยปกป้องแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว จุกเสียด แน่นท้อง และลดอาการแสบร้อนกลางอกจากกรดไหลย้อน
• Brygel S ขวดสีชมพู มีคุณสมบัติช่วยขับลม ลดแก๊ส เคลือบกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ หลังอาหารและก่อนนอน

ควรรับประทานยาลดกรดเมื่อไหร่ ยาบางชนิดใช้เพื่อบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แต่ไม่ใช่ยาลดกรด หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรปรึกษาแพทย์ทันที สำหรับยาลดกรดทั่วไป ควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้

• ควรรับประทานวันละกี่ครั้ง
• ควรรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร
• ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเกินกี่วัน
• ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคไตสามารถรับประทานได้หรือไม่

ยาลดกรดบางชนิดแนะนำให้รับประทานหลังอาหารหรือก่อนนอน บางชนิดมีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการดูดซึมยาอื่นๆ ดังนั้นไม่ควรรับประทานร่วมกับยารักษาโรคประจำตัวบางชนิด

ยาลดกรดไม่ควรรับประทานร่วมกับยาปฏิชีวนะและแคลเซียม หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง

• ยาลดกรดไม่ควรรับประทานพร้อมยาปฏิชีวนะ ควรเว้นระยะห่าง 1-2 ชั่วโมง

ยาลดกรดประกอบด้วยแคลเซียมและอะลูมิเนียม ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้สามารถจับกับยาฆ่าเชื้อ ทำให้ประสิทธิภาพของยาฆ่าเชื้อลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง

• ห้ามรับประทานยาลดกรดพร้อมกับแคลเซียม ควรรับประทานแยกมื้อ

แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด การรับประทานยาลดกรดจะทำให้ความเป็นกรดในระบบลำไส้ลดลง ส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมมีประสิทธิภาพน้อยลง หากจำเป็นต้องรับประทานแคลเซียมเป็นประจำ ควรแยกมื้อจากยาลดกรด

ยาลดกรด ถือเป็นยาชนิดหนึ่ง ดังนั้นหากไม่แน่ใจว่าสามารถรับประทานร่วมกับยารักษาโรคประจำตัวได้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากขอคำแนะนำจากร้านขายยา ต้องมั่นใจว่าผู้ให้คำปรึกษาเป็นเภสัชกร ผู้ป่วยที่มีโรคตับ โรคไต โรคหัวใจที่ต้องใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด และมีอาการกรดไหลย้อนบ่อย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

อ้างอิง

1. ข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับยาลดกรดกลุ่ม “PPIS”., https://redcross.or.th/news/infographics/17662/

2. วิธีการรักษาโรคกระเพาะอาหารให้ได้ผลดี., https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/stomach-disease

3. แนวทางการใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน., https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=992

4. ผลกระทบจากการใช้ยาที่ตีกัน., https://somdej.or.th/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99/3267/