พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.๒๕๑๒ ในรัชกาลที่ ๙ ของคำรณ สัยยะนิฐี.
เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายนแล้ว ท่านผู้ชม วันนี้เรามีพระเครื่องสนามพระวิภาวดี นำโดยพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม จากวัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดย เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเซียนพระชื่อดังที่ได้รับการยอมรับในวงการ
องค์นี้เป็นพระแท้ที่ดูง่าย สภาพสวยงาม สมบูรณ์แบบ มีร่องรอยการลอกคราบกรุอย่างชำนาญ ทำให้เห็นรายละเอียดขององค์พระชัดเจน เนื้อพระละเอียด แน่น และมีมวลสารครบถ้วนตามสูตร “เนื้อจัด” แบบพระกรุโบราณ
เป็นพิมพ์ที่นักสะสมพระเครื่องสายอนุรักษ์นิยมต้องการเก็บไว้ให้ครบทุกพิมพ์ แต่เนื่องจากพระเครื่องนี้มีจำนวนน้อย ทำให้มีราคาสูง
ขอแทรกตอบคำถามจากแฟนคลับนามว่า “มือใหม่หัดส่อง” ที่สนใจประวัติของวัดบางขุนพรหมสักเล็กน้อย

ในอดีตวัดบางขุนพรหมเป็นวัดสำคัญ สร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยกรุงธนบุรี ประมาณปี พ.ศ. 2321 เดิมทีมีหลายชื่อ เช่น วัดอำมาตยรส และวัดอมฤตรส แต่ชาวบ้านนิยมเรียก “วัดบางขุนพรหม” โดยมีเสมียนตราด้วง (ต้นตระกูลธนโกเศศ) เป็นผู้อุปถัมภ์หลัก และได้อาราธนาสมเด็จโต วัดระฆังฯ มาสร้างพระเครื่องบรรจุกรุ
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการตัดถนนวิสุทธิกษัตริย์ผ่านกลางวัด ทำให้วัดบางขุนพรหมถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือ วัดบางขุนพรหมใน (วัดใหม่อมตรส) ซึ่งมีพระเจดีย์และกรุพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมอยู่ฝั่งนี้ และวัดบางขุนพรหมนอก (วัดอินทรวิหาร) ที่เป็นที่ประดิษฐานพระหลวงพ่อโตยืนองค์ใหญ่
เมื่อมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2500 พบว่าพระเครื่องส่วนใหญ่แตกหักและมีขี้กรุแข็งเกรอะ ราคาเช่าองค์ที่ไม่สวยอยู่ที่ 300-500 บาท ส่วนองค์ที่สวยงามมีราคา 3,000-4,000 บาท แต่ก็ยังได้รับความนิยมจนต้องมีการจับสลากเพื่อแบ่งพระให้ผู้สนใจ

มาต่อกันที่องค์ที่สอง คือ พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นศิลปะพุทธศิลป์สมัยอู่ทองยุคปลาย ทำให้มีความเข้มขรึมน้อยลงเมื่อเทียบกับพิมพ์หน้าแก่จากสมัยอู่ทองยุคต้น และพิมพ์หน้ากลางจากสมัยอู่ทองยุคกลาง
ทุกพิมพ์มีลักษณะองค์พระเป็นสามเหลี่ยมยอดตัด ด้านข้างมีรอยตอกตัด ส่วนด้านหลังมักมีรอยกดลายนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งพบได้ทั้งแบบลายก้นหอยและลายมัดหวาย โดยลายนิ้วมือจะจมลึกเข้าไปในเนื้อพระ
ผิวพระมีคราบฝ้าหรือ “ราดำ” ติดแน่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเก่าแก่ตามธรรมชาติ เห็นได้ชัดเจนในพระองค์นี้ และถือเป็นจุดสังเกตสำคัญในการพิจารณา
กรุพระถูกค้นพบเมื่อชาวจีนเข้าไปถางป่าและพบพระเจดีย์ จากนั้นจึงลักลอบขุดเจดีย์เพื่อนำสมบัติมีค่า เช่น เครื่องทอง พระพิมพ์ และพระพุทธรูป ออกไป
พระเครื่องส่วนใหญ่เป็นเนื้อชิน เช่น พระกำแพงศอก พระกำแพงคืบ พระกำแพงนิ้ว พระสุพรรณหลังผาล พระปทุมมาศ พระมเหศวร และอื่นๆ
มีพระผงสุพรรณ ซึ่งเป็นพระเนื้อดิน เดิมเรียกว่า พระเกสรสุพรรณ ตามลักษณะเนื้อพระ และมีจารึกลานทองระบุว่าทำจากดินผสมว่านยาและเกสรดอกไม้
ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อปี พ.ศ. 2456 พระองค์เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ นายอี้ กรรณสูต เจ้าเมืองสุพรรณ ซึ่งเป็นผู้เปิดกรุอย่างเป็นทางการ ได้นำสมบัติในกรุมารักษาและถวายพระเครื่องแด่พระองค์ พระองค์จึงพระราชทานพระเครื่องให้ข้าราชบริพารและชาวบ้าน เมื่อนำไปบูชาก็ปรากฏอานุภาพด้านการคุ้มครองป้องกันภัยจนเป็นที่เลื่องลือ
ในอดีตผู้คนนิยมพระพิมพ์หน้าแก่ แต่ในยุคหลังพระพิมพ์หน้าแก่หายากและมีราคาสูงมาก จึงหันมาสนใจพระพิมพ์รองลงมาอย่างองค์นี้ ของเสี่ยจักร์กริช ทรัพย์ไพศาล ซึ่งมีความสวยงามโดดเด่น
ข้อมูลน่ารู้: ตอก คือไม้ไผ่ที่เหลาให้บางแทนมีด ในสมัยก่อนใช้สำหรับตัดขอบพระ เรียกว่า ตอกตัด

ต่อมาเป็นพระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ เนื้อเขียว จากวัดนางพญา อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นพระองค์ที่สวยงาม สภาพสมบูรณ์แบบ ของเสี่ยวีระชัย ไชยเจริญ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม มีการประมูลแข่งขันราคาสูง เทียบได้กับพระพิมพ์ใหญ่สภาพรองลงมา
อีกหนึ่งรายการที่น่าสนใจคือ พระรอด พิมพ์ตื้น จากกรุวัดมหาวัน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๕ พิมพ์มาตรฐานของพระรอด โดยพบเฉพาะที่กรุวัดมหาวันเท่านั้น ไม่มีการพบปะปนกับพระรอดจากกรุอื่น

สามารถแบ่งพิมพ์มาตรฐานได้ ๕ พิมพ์ ได้แก่ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์กลาง ๓.พิมพ์เล็ก ๔.พิมพ์ต้อ และ ๕.พิมพ์ตื้น ซึ่งพิมพ์ตื้นถูกจัดให้อยู่ในลำดับท้ายสุดของความนิยม เนื่องจากมีรายละเอียดที่ตื้นกว่าพิมพ์อื่น เช่น ซุ้มปรกโพธิ์มีขนาดเล็กและตื้น ส่วนองค์พระช่วงเอวก็ตื้นจนกลืนกับผิวองค์พระ
มีจุดสังเกตที่สามารถแบ่งพิมพ์ย่อยได้ ๒ บล็อก คือ ๑.พิมพ์บล็อกแตก ซึ่งมีเส้นแตกที่พระกรรณซ้ายยาวไปถึงกลีบใบโพธิ์ และ ๒.บล็อกที่ไม่มีเส้นแตก
องค์นี้ของเสี่ยปรีดา คูวิบูลย์ศิลป์ มีสภาพงดงามสมบูรณ์แบบ มีรารักดำเกาะแน่นบนผิวเนื้อพระเป็นแผ่นหนา แสดงถึงความเก่าแก่เป็นพันปีอย่างเป็นธรรมชาติ

มาต่อกันที่พระบาง เนื้อเขียว จากกรุวัดดอนแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน อีกหนึ่งพระชื่อดังในสกุลลำพูน ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้พระรอด พระคง พระเลี่ยง พระลบ พระลือ พระเปิม และพระลือโขง ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “นพรัตน์มณีศรีหริภุญไชย”
องค์นี้ของเสี่ยตะวัน พระสกุลลำพูน มีสภาพสมบูรณ์สวยงามเป็นเลิศ สีเนื้อเขียวซึ่งเป็นที่นิยมและหายากมาก ราคาอยู่ในระดับหลักแสนปลายๆถึงหลักล้าน
ถัดมาคือ พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ. 2512 ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ณ สวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ถวายนามพระเครื่องนี้ว่า “พระกำลังแผ่นดิน”
พระเครื่องทรงคุณค่านี้สร้างขึ้นจากฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยทรงออกแบบพิมพ์ รวบรวมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ กดพิมพ์พระ ตกแต่งอย่างประณีต ทรงอธิษฐานจิต และพระราชทานด้วยพระหัตถ์ พร้อมใบประกาศนียบัตร
ทรงเริ่มสร้างพระเครื่องนี้ระหว่างปี พ.ศ. 2508-2513 เป็นพระพิมพ์รูปสามเหลี่ยม เนื้อเรซินผสมมวลสารมงคล ด้านหน้าเป็นรูปจำลองพระพุทธนวราชบพิตร (หลวงพ่อจิตรลดา) ประทับนั่งปางสมาธิ บนฐานบัว 9 กลีบ
ด้านหลังของพระเรียบ (มักมีทองคำเปลวปิดทับ) ปัจจุบันมีราคาอยู่ในหลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพของพระ อย่างองค์นี้ของเสี่ยคำรณ สัยยะนิฐี ที่ส่งภาพมาพร้อมคำบรรยายว่า “งามไม่มีที่ติ” ซึ่งหมายความว่าราคาต้องหลายล้านบาทแน่นอน

รายการถัดไปคือ พระกริ่ง ๗๙ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) จากวัดสุทัศน์เทพวราราม เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งสร้างขึ้นขณะทรงดำรงสมณศักดิ์สมเด็จพระวันรัต ตามคำขอของคณะศิษย์ โดย อ.นิรันดร์ แดงวิจิตร ได้ปรึกษากับ ร.อ.ขุนอนุการณกิจ ศิษย์ใกล้ชิดของสมเด็จฯ ที่ต้องการพระกริ่งและพระชัยวัฒน์จากฝีพระหัตถ์ของสมเด็จฯ จึงได้ร่วมกันทูลขอ และสมเด็จฯก็ทรงอนุญาต
โดยกำหนดให้ผู้สั่งจองแต่ละคนสามารถจองได้ ๑ องค์ พร้อมเงื่อนไขว่าต้องหาเงินพดด้วงตรายันต์หรือตราราชวัตรมาคนละ ๑ บาท เพื่อใช้เป็นส่วนผสมของเนื้อพระ รวมถึงเงินค่าจ้างช่างหล่ออีกคนละ ๑ บาท ส่วนโลหะและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สมเด็จฯทรงพระเมตตารับเป็นเจ้าภาพ ทำให้มีผู้สั่งจองทั้งหมด ๔๖๔ องค์
ในวันพิธีเททองหล่อ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๑๒ และเป็นวันครบรอบพระชนม์ของสมเด็จฯ ในวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ พระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) ขณะดำรงสมณศักดิ์พระราชาคณะที่พระญาณโพธิ์ ได้ขออนุญาตสร้างพระชัยวัฒน์ร่วมในพิธี จำนวนกว่า ๓๐๐ องค์
โดยใช้เนื้อโลหะชนวนที่เคยสร้างพระกริ่งในสมัยที่สมเด็จฯทรงสมณศักดิ์ “พระธรรมโกษาจารย์” ทุกรุ่น ซึ่งเก็บรักษาไว้มาหล่อ โดยไม่ต้องใช้โลหะอื่น และแยกเบ้าหลอมโลหะออกจากเบ้าหลอมพระกริ่ง
ปัจจุบันพระกริ่งในสมเด็จฯ นี้ได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องจากมีพิมพ์พระที่เป็นเอกลักษณ์ และเนื้อโลหะที่เข้มข้นเป็นพิเศษ พร้อมด้วยอานุภาพที่เลื่องลือไปทั่ว
สำหรับองค์ที่สวยงามสมบูรณ์แบบ ราคาสูงถึงหลักล้านบาท อย่างองค์นี้ เป็นของเสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง ซึ่งไม่เคยย่อท้อต่อราคา จนกลายเป็นนักสะสมชั้นนำที่มีความรู้ระดับมืออาชีพจากการศึกษาอย่างลึกซึ้งก่อนการสะสม

สุดท้ายคือเหรียญรุ่นแรก พ.ศ. 2480 เนื้อทองแดง กะไหล่เงิน ของหลวงพ่อฉิ่ง วัดบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังด้านวิชาอาคมที่เข้มขลังอีกท่านหนึ่งของเมืองชลบุรี
ท่านเป็นชาวเมืองชลบุรี เกิดในปี พ.ศ. 2394 และอุปสมบทในปี พ.ศ. 2418 โดยเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสว่างอารมณ์
ท่านมีเมตตาบารมีสูง และเชี่ยวชาญในวิชาพุทธาคมและการแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะการรักษาผู้ที่ถูกเงี่ยงปลากระเบนเกี่ยว ซึ่งชาวเลในสมัยนั้นนิยมใช้เงี่ยงปลากระเบนเป็นอาวุธ หากใครถูกเงี่ยงเกี่ยวเข้าเนื้อจะเจ็บปวดมาก และการดึงออกจะทำให้บาดแผลฉีกขาดมากขึ้น
ผู้ที่ถูกเงี่ยงเกี่ยวต้องไปหาหลวงปู่ฉิ่งเพื่อให้ท่านช่วยดึงเงี่ยงออก โดยใช้เชือกผูกติดกับขี้ผึ้งที่ปั้นเป็นรูปช้าง แล้วนำปลายเชือกไปผูกกับเงี่ยงปลา จากนั้นท่านจะเสกคาถาเป่าให้เงี่ยงหลุดออก
ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2458 สิริอายุ 64 ปี และบวชได้ 40 พรรษา ตลอดชีวิตท่านสร้างพระเครื่องและของขลังไว้ไม่มากนัก โดยเหรียญรุ่นแรกของท่านเป็นที่นิยมสูงสุด ซึ่งเหรียญสภาพสมบูรณ์สวยงามของ ดร.มีชัย เถาเจริญ นั้นหาได้ยากมาก โดยเฉพาะเหรียญที่ยังคงกะไหล่เดิมแบบเต็มร้อย
ปิดท้ายเดือน 9 ด้วยเรื่องราวในร้านกาแฟบ้านน้ำมนต์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักนิยมพระเครื่องทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นมักมาพบปะพูดคุยกันเป็นประจำ
วันก่อน บอมเบย์ นักสะสมพระเครื่องมืออาชีพสายเมืองสุพรรณ ซึ่งมักมาเป็นตัวยืนในกลุ่ม บอกกับสมาชิกว่าต้องไปทำธุระส่วนตัว 2-3 วัน ทุกคนจึงคาดว่าเขาน่าจะไปเจอ “รังพระ” ที่ไหนสักแห่งที่ถูกใจ และบอกต่อกันให้รอดู
เซียนบอม หายไปเกือบอาทิตย์แล้วก็กลับมาเจอเพื่อนๆ แต่หน้าตาดูดีขึ้นทุกคนจึงทักว่า ได้พระดีมีเสน่ห์มาใช้แทนองค์เก่าหรือทำไมถึงหล่อขึ้นกว่าเดิม
เซียนบอม ยิ้มกว้างแล้วเอามือคลำพระที่คอตอบว่า ผมยังใช้พระชัยวัฒน์หลวงพ่อเนียมองค์เดิมอยู่นั่นแหละ
แต่ที่หน้าตาดูดีขึ้นเพราะไปทำศัลยกรรม เอากระดูกซี่โครงมาเสริมจมูก ทำให้ดั้งโด่งและหล่อขึ้น เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ
สีกาอ่าง