พระรอด พิมพ์เล็ก จากวัดมหาวัน ของโจ๊ก ลำพูน.
วันนี้เมื่อเข้ามาที่สนามพระวิภาวดี ก็รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศดีขึ้นมาก หลังจากที่เราได้รัฐบาลเศรษฐา 1 มาแล้ว แต่จะถูกใจผู้ชมหรือไม่นั้น คงต้องรอดู เพราะบางครั้งก็ถูกใจ บางครั้งก็ไม่ เป็นเรื่องปกติของโลก แต่เราก็ควรให้โอกาสกันก่อน ดีกว่าปล่อยให้เกิดสุญญากาศ--รอให้ทำงานก่อนแล้วค่อยวิจารณ์
วันนี้เรามาเริ่มกันที่ พระรอด พิมพ์เล็ก จากกรุวัดมหาวัน อำเภอเมืองลำพูน หนึ่งในห้าพิมพ์ยอดนิยมที่ได้มาตรฐาน ซึ่งถูกค้นพบจากกรุองค์พระเจดีย์วัดมหาวัน หลังจากที่ถูกเก็บรักษามาตั้งแต่ยุคหริภุญไชย ในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ พระรอดและพระพิมพ์ยุคนี้จึงมีพุทธศิลป์ที่ผสมผสานระหว่างทวารวดีและศรีวิชัย เนื้อดินมีความละเอียด นุ่มแน่น เนื่องจากทำจากดินกรองที่ไม่มีเม็ดกรวดหรือทรายปน
พระรอดได้รอดมาจนองค์พระเจดีย์ที่บรรจุพระเสื่อมสภาพและพังทลายลงตามกาลเวลา ทำให้พระที่บรรจุไว้แตกกระจายออกมาปะปนกับดินทรายรอบฐานองค์พระเจดีย์ ซึ่งไม่มีใครสนใจในตอนนั้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าพระควรอยู่ที่วัด หากใครนำออกไปจะนำความอัปมงคลมาให้
หลังจากนั้น พระเณรได้ขนย้ายเศษปูนและดินทรายไปถมหลุมบ่อรอบบริเวณวัด ทำให้มีพระเครื่องติดไปด้วยเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งสมัยท่านเจ้าคุณญาณมงคล (ฟู) จึงอนุญาตให้มีการขุดค้นหาพระ จนพื้นที่ในวัดเสียหายเป็นหลุมเป็นแอ่ง จึงต้องสั่งห้ามการขุดไปชั่วระยะหนึ่ง
ต่อมาได้มีการขุดค้นกันอีกครั้ง ตามบันทึกของพระอธิการทา อดีตเจ้าอาวาสวัดพระคงฤๅษี และอาจารย์บุญธรรม จากวัดพระธาตุหริภุญไชย ระบุว่า ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ สมัยเจ้าหลวงพินทุไพจิตร เป็นเจ้าเมืองลำพูน องค์พระเจดีย์วัดมหาวันพังทลายลง จึงมีการปฏิสังขรณ์และพบพระพิมพ์จำนวนมากไหลลงมา แต่ได้นำกลับไปบรรจุไว้ดังเดิม
ครั้งที่สองในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ สมัยเจ้าหลวงอินทยงยศ ฐานองค์พระเจดีย์ชำรุดอีกครั้ง จึงมีการปฏิสังขรณ์และแจกจ่ายพระเครื่องให้กับข้าราชการ ประชาชน และผู้ร่วมงานไปจำนวนหนึ่ง
ครั้งที่สามในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ มีการค้นพบพระรอดประมาณ ๓๐๐ องค์ ในบริเวณพื้นดินรอบกุฏิหน้าวัด ครั้งที่สี่ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ วัดได้รื้อพื้นพระอุโบสถและพบพระรอดอีกประมาณ ๓๐๐ องค์ หลังจากนั้นก็มีการค้นพบอีกหลายครั้ง แต่ได้พระไม่มากนักจนหมดไปจากวัด
ในช่วงแรกมีการแบ่งพิมพ์พระรอดเป็น พิมพ์ตื้น พิมพ์สั้น พิมพ์ยาว พิมพ์ฐานสองชั้น และพิมพ์ฐานชั้นเดียว เมื่อความนิยมเพิ่มขึ้นและเกิดสนามพระยุคแรก อาจารย์เชียร ธีรศานต์ นักนิยมพระในยุคนั้น จึงจัดมาตรฐานพิมพ์พระรอดตามเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งได้รับความนิยมเรียงตามลำดับ
ได้แก่ ๑. พิมพ์ใหญ่ (ก้นพับ) ๒. พิมพ์กลาง (ก้นแมลงสาบ) ๓. พิมพ์เล็กก้นตัด ๔. พิมพ์ต้อ (องค์เตี้ย) ๕. พิมพ์ตื้น (ผนังโพธิ์ตื้น)
พระองค์นี้เป็นของเสี่ยโจ๊กจากลำพูน เป็นพิมพ์เล็กที่มีสภาพสมบูรณ์แบบ สวยงามระดับแชมป์ เหมาะสำหรับนักสะสมสายตรง ที่เห็นแล้วต้องยกนิ้วให้ว่าไม่มีที่ติ จัดเป็นหนึ่งในห้าพระเครื่องยอดนิยมของพิมพ์นี้

องค์ต่อไปคือ พระกำแพงลีลา เม็ดขนุน จากกรุลานทุ่งเศรษฐี อำเภอเมือง กำแพงเพชร ถือเป็นขุนพลพระเครื่องหมายเลขหนึ่งของกรุลานทุ่งเศรษฐี และเป็น “พระแขวนเดี่ยว” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดมาก่อนพระกำแพงซุ้มกอ
แม้พระกำแพงลีลาจะไม่ถูกจัดอยู่ในชุดเบญจภาคี แต่ก็ยังคงเป็นพระเครื่องยอดนิยมที่มีมูลค่าหลักล้านจนถึงปัจจุบัน ชื่อเรียกตามรูปทรงและพิมพ์พระสื่อถึงอานุภาพด้านความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้า
พระยุคสุโขทัยกำเนิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๑๘๐๐-๑๘๙๓ สมัยที่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี หรือในยุคที่ราชวงศ์พระร่วงปกครองกรุงสุโขทัย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ที่กำลังรุ่งเรืองในขณะนั้น พระสงฆ์ไทย พม่า และเขมรต่างนิยมไปศึกษาพระศาสนายังลังกาทวีป
เมื่อมีการแลกเปลี่ยนทางพุทธศาสนา พระสงฆ์ชาวลังกาจึงเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเข้ามาทางเมืองนครศรีธรรมราช กรุงสุโขทัย และนครเชียงใหม่
หลักฐานที่ปรากฏชัดเจนคือเจดีย์แบบลังกาและพระพุทธรูปที่มีเกตุมาลายาวเป็นเปลว ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปะของช่างลังกา
พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยแบ่งออกเป็น ๓ ยุค ยุคแรกเรียกว่า “ลังกาจ๋า” มีพระพักตร์กลม ยุคกลางพระพักตร์เริ่มยาวขึ้น และยุคหลังในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย ซึ่งพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก จึงเกิดการสร้างพระพุทธรูปแบบสุโขทัย เช่น พระพุทธชินราช และพระพุทธชินสีห์ ที่มีพระพักตร์รูปไข่หรือผลมะตูม โดยปางลีลาสุโขทัยได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุด เนื่องจากลีลาการย่างเยื้องที่อ่อนช้อยและลอยเบา
พระองค์นี้เป็นของเสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ เป็นพระแท้ที่ดูง่ายทุกเส้นศิลป์ และหาชมได้ยากมากขึ้นทุกวัน

องค์ที่สามคือ พระนางพญา พิมพ์เทวดา จากวัดนางพญา อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นพระพิมพ์มาตรฐานที่จัดอยู่ในหมวดพิมพ์เล็ก ของสกุล “พระนางพญา” ซึ่งพบได้มากที่สุดในอดีต
เมื่อพบพระใหม่ๆ ในช่วงแรก มักถูกเรียกว่า พระแจกหรือพระน้ำจิ้ม ซึ่งมักแถมเวลามีการซื้อ-ขายพระพิมพ์ต้นๆ ที่มีราคาสูง
ในสมัยนั้น ผู้หญิงนิยมนำพระไปใส่ในตลับขี้ผึ้งสีปาก เพื่อเป็นเคล็ดลับในการเจรจาให้มีเมตตามหานิยม และพูดจาได้ดังใจ
จนทำให้พระนางพญามีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพิมพ์นิยมเบอร์ต้นที่หายากและมีราคาแพง พระพิมพ์เล็กจึงถูกกว้านซื้อออกจากตลับขี้ผึ้งมาเลี่ยมเพื่อบูชา จัดเป็นพระพิมพ์ “อินเทรนด์ ซื้อง่ายขายคล่อง” ในราคาหลักหมื่นปลายสำหรับพระสภาพสึกกร่อน และหลักแสนต้นๆ สำหรับพระสภาพสวยงามระดับแชมป์ เช่น องค์นี้ของเสี่ยเนตร มรดกไทย

ต่อมาคือ พระวัดพลับ พิมพ์ยืนวันทาเสมา ของสมเด็จพระญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) จากวัดราชสิทธาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในพระพิมพ์ยอดนิยมอันดับต้นๆ
พิมพ์นี้ถูกแยกเล่นโดยนักนิยมพระเครื่องเป็นพิมพ์พิเศษ ซึ่งรวมถึงพิมพ์พระปิดตา ที่พบได้น้อยและหายากมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะองค์ที่สภาพสมบูรณ์สวยงามดั้งเดิม เช่น องค์นี้ของเสี่ยก้อง ท่าพระจันทร์ ที่มีราคาอยู่ที่หลักแสนกลาง

องค์ต่อไปคือ พระพิมพ์ปรกโพธิ์เศียรโล้นสะดุ้งกลับ ของพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ) วัดกลางบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นพระพิมพ์มาตรฐานที่ได้รับความนิยมสูงในสกุล “พระหลวงปู่บุญ” ซึ่งมีทั้งเนื้อผงยาวาสนา ที่มีราคาหลักแสนถึงล้าน และเนื้อผงพุทธคุณที่ราคาหลักแสน
และเนื้อดินอย่างองค์นี้ของ สจ.ปลา ดอนหวาย (จักรพงษ์ ทิมมณี) นักการเมืองท้องถิ่น ๔ สมัย
เป็นพระแท้ที่ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ สวยงามดั้งเดิม มีคนเสนอราคาซื้อถึง ๓ แสนบาท แต่ยังปฏิเสธ เพราะต้องการเก็บไว้ใช้อาราธนาลงเลือกตั้งให้ได้เป็น สส. ก่อน

อีกหนึ่งรายการคือ พระปิดตาเมฆสิทธิ์ พิมพ์ชะลูดใหญ่ ของหลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
สำนักนี้ถือเป็นพระปิดตาเนื้อโลหะยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่มีราคาหลักแสนถึงล้านบาท
สำหรับพระแท้ที่ดูง่าย พิมพ์ชัดเจน เนื้อหาแน่นอน และมีจารลายมือกำกับเป็นหลักฐานยืนยัน เช่น องค์นี้ของเสี่ยพิเชษฐ์ ศิริชัย ที่คู่ควรยกให้เป็นพระเครื่อง “องค์ครู” หนึ่งในไม่กี่องค์

ต่อมาคือ รูปหล่อหนุมาน นั่งยอง ลอยองค์ เนื้อนวโลหะ ของพระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่ทิม อิสริโก) วัดละหารไร่ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นเครื่องรางสร้างชื่อเสียงของหลวงปู่ทิม ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมสูง ไล่หลังหนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เนื่องจากมีมาตรฐานรูปทรง เนื้อโลหะ และโค้ดตำหนิที่ชัดเจน
องค์นี้ของเสี่ยจิรเดช สุคนธมาน (โต เจริญพร) เป็นของแท้ที่ดูง่าย มีทั้งโค้ดอิและโค้ดข้าวหลามตัด ตอกกำกับถูกต้องตามตำรา ใต้ฐานเจาะรูบรรจุผงพรายกุมารครบสูตร “แท้ดูง่าย”
สร้างไว้ทั้งเนื้อเงิน เนื้อนวโลหะผสมชนวนเก่า และเนื้อนวโลหะแบบองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๒,๕๑๘ องค์

ต่อไปคือพระที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องมีเงินล้านก็สามารถเป็นเจ้าของได้ นั่นคือ พระปิดตา เงินล้าน แช่น้ำมนต์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของพระครูวศินปริยัตยากร (พระอาจารย์โชคดี) วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพระดีจากวัดดัง ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพระเครื่องของขลังที่พระอาจารย์โชคดีสร้างขึ้นเพื่อหาทุนบูรณะวัด หลังจากท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
เมื่อผู้คนนำไปบูชาและพบว่ามีอานุภาพด้านเมตตา โชคลาภ และความสำเร็จ จึงได้รับความนิยมเป็นพระเครื่องยุคใหม่ และนักสะสมมืออาชีพต่างเก็บตุนกันในราคาหลักพัน
โดยเฉพาะพระปิดตา (เงินล้าน) แช่น้ำมนต์ อย่างองค์นี้ของเสี่ยเต่า พระเครื่อง ที่มีพิมพ์คมชัดสวยงาม เนื้อมวลสารเข้มขลังสุดๆ ด้วยผงพระปิดตายุคเก่า ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ด้านหลังประทับยันต์นะขุนแผน ที่ท่านสำเร็จ
ผ่านพิธีพุทธาภิเษกถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกปลุกเสกหมู่โดยพระเกจิชื่อดังแห่งยุคที่วัดคลองเตยใน ครั้งที่สองปลุกเสกเดี่ยวโดยพระอาจารย์โชคดี ณ พระอุโบสถวัดไก่เตี้ย
ส่วนใหญ่นำออกให้ทำบุญบูชาและหมดไปเมื่อ ๓ ปีก่อน ส่วนที่เหลือประมาณ ๒ พันองค์ พระอาจารย์ได้แช่ไว้ในบาตรน้ำมนต์เป็นการส่วนตัว
จนถึงวันนี้ พระอาจารย์ตัดสินใจนำออกให้ทำบุญบูชาอีกครั้ง เพื่อหารายได้บูรณะเสนาสนะที่ทรุดโทรม พระทุกองค์สภาพสมบูรณ์ สวยงาม มีคราบน้ำมนต์ซึมเข้าเนื้อตามอายุ ดูมีพลังและศักดิ์สิทธิ์
ปิดท้ายด้วยสไตล์สนามพระ ที่เล่าถึงเสี่ยฮ้อ เจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้า ซึ่งมีลูกชายชื่อฮิม ช่วยดูแลกิจการอย่างแข็งขัน ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองและร่ำรวย
แต่สิ่งที่เสี่ยฮ้อไม่ค่อยพอใจคือ นายฮิม ชอบสะสมพระเครื่อง และมักไปเช่าพระมาเก็บไว้จำนวนมาก เสี่ยฮ้อจึงต้องคอยเตือนให้ลูกชายลดละการเช่าพระ เพราะเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ แต่นายฮิมอธิบายว่า การเช่าพระเป็นการลงทุน ที่สามารถขายต่อได้กำไร และยังได้รับอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ในการปกป้องคุ้มครองยามคับขันได้อีกด้วย แต่เสี่ยฮ้อกลับส่ายหน้าและบอกว่างมงาย
วันหนึ่ง เสี่ยฮ้อไปตรวจสุขภาพประจำปี และแพทย์พบก้อนเนื้อที่น่าสงสัยว่าเป็นเนื้อร้าย จึงแนะนำให้รีบผ่าตัดทันที แต่เสี่ยฮ้อกลัวและไม่ยอมผ่าตัด ลูกเมียจึงให้กำลังใจและยืนยันว่ามีโอกาสหายได้ตามที่หมอบอก เสี่ยฮ้อจึงตัดสินใจยอมผ่าตัด
เมื่อถึงวันนัดผ่าตัด เสี่ยฮ้อกลับกลัวอีกครั้งและไม่ยอมออกจากบ้าน ลูกเมียจึงช่วยกันปลอบและให้กำลังใจจนเสี่ยฮ้อฮึดสู้ และบอกให้ลูกชายหาพระศักดิ์สิทธิ์มาคล้องคอเพื่อเป็นกำลังใจให้รอดตาย
และขอหลายๆ องค์ด้วย เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง