- เริ่มต้นด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ ซึ่งถูกขโมยตกกรุจากองค์พระเจดีย์ในช่วงที่มีการขุดกรุครั้งใหญ่หลายครั้ง ได้แก่ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕, พ.ศ. ๒๔๓๖ และ พ.ศ. ๒๔๕๙ รวมถึงการขุดกรุในยุคสงคราม...พระตกกรุส่วนใหญ่จะมีสภาพงามสมบูรณ์ เนื้อจัด ผิวเนื้อมีคราบกรุจับบางเบาเนื่องจากถูกเก็บในที่ที่แห้งและสูงจากระดับน้ำ วงการนิยมเรียกพระประเภทนี้ว่า “พระกรุเก่า” เช่นเดียวกับพระของคุณพี่เบญจวรรณ ไกรสวัสดิ์ ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ พร้อมฟอร์มทรงที่งดงาม พิมพ์พระชัดเจน เส้นศิลป์ลายละเอียดเนียนสวย เนื้อมวลสารและวรรณะผิวเนื้อที่ดูสะท้อนความเป็นของเก่าได้อย่างลงตัว พระองค์นี้ถือว่าเป็นพระแท้ ดูง่าย งามเลิศ สมตำแหน่งแชมป์จากงานประกวดของโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานที่จัดขึ้นล่าสุด

- อีกองค์หนึ่งคือ พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ. ๒๕๑๐ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ สวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ ซึ่งได้รับการบันทึกจากเสี่ยอ้วน นครปฐม ว่า “สวยมากๆ” เพราะฟอร์มทรงและพิมพ์พระนั้นมีความงามที่โดดเด่น ผิวเนื้อที่มีความงดงามอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีลักษณะเฉพาะคือการมีเม็ดฟองอากาศหรือ “เม็ดผด” ที่ขึ้นเบียดในผิวเนื้อด้านหน้า ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญในการพิจารณาพระจากปี ๒๕๑๐...การตัดแต่งและการตกแต่งริ้วตะไบทำได้ตามมาตรฐาน สีเนื้อนิยมในช่วงนั้นจะเป็นสีดำเทาหรือ “ขี้ม้า” พระองค์นี้จึงถือเป็นพระ 5 ดาวอีกองค์หนึ่ง

- อีกหนึ่งองค์ที่หายไปนาน พระหลวงปู่ทวด เนื้อผงว่านกากยายักษ์ กรรมการ รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗ ที่อาจารย์ทิม วัดช้างให้ จาก อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี พระที่สร้างขึ้นจากเนื้อพิเศษ ด้วยว่านกากยายักษ์ ที่มีสีดำเข้ม เพื่อมอบให้กับคณะกรรมการจัดสร้าง โดยมีพิมพ์พระ ๒ แบบ A และ B ซึ่งได้รับความนิยมสูง...พระองค์นี้ของ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เป็นพิมพ์ A ที่ดูง่าย สวยสมบูรณ์ระดับแชมป์ หาองค์เทียบยาก ราคาปัจจุบันอยู่ที่หลักล้าน

- ไปยังภาคเหนือมาชม พระบาง เนื้อเขียว คราบเหลือง กรุวัดดอนแก้ว อ.เมือง จ.ลำพูน ที่มีชื่อเสียงจากการเป็นพระกรุยอดนิยม พระบางนี้ได้รับชื่อมาจากลักษณะเนื้อหลังที่บอบบางและเส้นศิลป์ที่พลิ้วไหว โดยมีพระคงเป็นพระคู่แฝด ที่มีอายุและพุทธศิลป์คล้ายกัน...การค้นพบพระบางครั้งแรกเกิดขึ้นที่กรุวัดดอนแก้วในปี พ.ศ.๒๔๘๔ และตามมาด้วยการค้นพบอีก ๒ ครั้ง ที่กรุบ้านครูขาวและกรุวัดพระคง ปัจจุบันเป็นพระที่มีผู้แสวงหามาก ราคาจึงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นพระที่มีราคาหลักแสน พระส่วนใหญ่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ รายละเอียดพุทธศิลป์งดงาม เช่นเดียวกับพระของ เสี่ยตะวัน พระลำพูน

- มาชมพระจากภาคกลางตอนเหนือ รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตาห้าชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่มีชื่อเสียงในอดีตจากการเป็นแชมป์ในงานประกวด 'จอมสุรางค์' ซึ่งจัดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๒๙ การประกวดครั้งนี้สร้างมาตรฐานให้วงการพระจนกลายเป็นตำนาน พระทุกองค์จากงานนี้ได้รับการยอมรับในวงการโดยไม่มีข้อสงสัย พระองค์นี้เป็นของ ท่านเสถียร เสถียรสุต นักสะสมพระที่สะสมแต่พระงามๆ แม้ราคาจะสูงก็ไม่เป็นปัญหา...องค์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระชนะเลิศจากงานจอมสุรางค์ ด้วยความสมบูรณ์ขององค์พระและความชัดเจนของพิมพ์ รวมถึงเนื้อโลหะที่มีพลังเข้มขลังจนเหมือนเห็นองค์หลวงพ่อเงินในองค์พระจริงๆ เสี่ยเมธา กริชจนรัช เจ้าของพระองค์นี้จึงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

- ตามมาติดๆ กับ พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก พิมพ์เข่าบ่วง หลวงพ่อกล่อม วัดป่ากะพี้ จ.อุตรดิตถ์ หนึ่งในพระปิดตายอดนิยมจากยุคเก่าในเมืองลับแล หลวงพ่อกล่อมเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากในยุคเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านเกิดที่ป่ากะพี้ และมีโอกาสไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก ไปบวชเณรที่วัดอนงคาราม เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อทับ ก่อนกลับไปที่วัดบ้านเกิด ซึ่งพื้นที่ยังค่อนข้างกันดาร ต้องเดินบิณฑบาตไกลทุกวัน ชาวบ้านจึงเกิดความศรัทธาและสร้างที่พักให้ท่านได้พักทานอาหาร จนพัฒนามาเป็น วัดป่ากะพี้ ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด และได้สร้างพระปิดตาเนื้อผงพุทธคุณผสมครั่งพุทราแจกให้ชาวบ้านบูชาคุ้มครอง พระที่ท่านสร้างมีความศักดิ์สิทธิ์และสามารถป้องกันภัยได้ จนเป็นที่เลื่องลือและมีชื่อเสียงไม่แพ้พระปิดตาหลวงปู่ศุข ซึ่งราคาของพระองค์นี้ในปัจจุบันก็สูงมาก เนื่องจากหายากและมีน้อย ท่านเสี่ยเฉลียว ตาดชูวงษ์เป็นเจ้าขององค์นี้

- ต่อมามาเห็นกันที่ เหรียญหลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ รุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๖๑ วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย จ.อ่างทอง วัดเก่าแก่ใน จ.อ่างทอง ที่ชาวบ้านเคยเรียกว่า วัดไชโย ก่อนที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) จะสร้างองค์พระหลวงพ่อโต เพื่อเป็นอนุสรณ์พุทธสถาน และระลึกถึงถิ่นกำเนิด รวมถึงอุทิศให้กับโยมตาโยมแม่ที่บริจาคที่ดินสร้างวัด ต่อมาวัดจึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดเกศไชโย หลังจากนั้นองค์พระเสื่อมสภาพและพังทลาย จึงมีการสร้างพระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณที่แตกกระจายออกมา เรียกว่า “พระสมเด็จเกศไชโย” ทำให้วัดมีชื่อเสียง จากนั้นพระมหาพุทธพิมพ์และเหรียญรูปจำลองพระหลวงพ่อโตก็ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกที่ทำขึ้นจากวัดนี้

เหรียญของสำนักนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสิบเหรียญพระพุทธยอดนิยม เช่น เหรียญหลวงพ่อวัดไร่ขิง ปี พ.ศ. ๒๔๖๗, เหรียญหลวงพ่อมงคลบพิตร ปี พ.ศ. ๒๔๖๐, และเหรียญหลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ ปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ของเสี่ยต่าย เชียงแสน ซึ่งสองเหรียญแรก เสี่ยต่าย เคยนำมาให้ชมแล้วและได้รับคำชมว่าสวยงามเป๊ะ เหรียญจากวัดเกศนี้ก็เช่นกัน มีความสวยงามอย่างสมบูรณ์ระดับเหรียญแชมป์ที่ยังไม่มีคู่แข่ง สร้างเป็นเหรียญปั๊มเนื้อโลหะรูปอาร์ม ยกขอบสูงทั้งด้านหน้าและหลัง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ ประทับนั่งปางสมาธิราบบนฐานบัวคว่ำ-หงาย ข้างเหรียญมีอักษรบอกชื่อ 'พระพุทธรูป วัดไชโย' และอักขระ 'อุ' ใต้ฐานสุดท้าย มีชื่อร้าน 'นาถาจารุปกรณ์' ผู้สร้างเหรียญ ด้านหลังมีอักขระขอมสองแถวว่า 'สุขิโต โหตุ' และอักขระขอม 'จิ เจ รุ นิ' ที่มุมเหรียญ พร้อมปี พ.ศ. ๒๔๖๑ เนื้อเหรียญประกอบด้วยเงิน สัมฤทธิ์ และทองแดง ซึ่งมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดปลอดภัยและการประสบความสำเร็จ
- องค์สุดท้ายไม่เก่าไม่ใหม่ คือ พระนาคปรก ภปร. เนื้อเงิน ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงปู่ดู่เกิดปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ในครอบครัวชาวนา มีเรื่องเล่าว่า เมื่อท่านยังเป็นทารกตกน้ำไป แต่ไม่จมและลอยไปติดข้างรั้ว สุนัขที่มีสัญชาตญาณช่วยเห่าจนมารดาท่านมาเห็น ทำให้มารดาเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ที่มีบุญวาสนา ต่อมาหลวงปู่ได้บวชและศึกษาอาคมจากหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และหลายอาจารย์ สร้างวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะสอนเสมอว่า การปฏิบัติธรรมคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยกล่าวว่า 'พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ' และเชื่อว่า 'สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงสุดคือกรรม'

ท่านบวชเรียนมานานถึง ๖๕ พรรษา ช่วงหลังท่านมีอาการอาพาธเป็นเวลานานถึงสิบปี พระนาคปรกรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายที่ท่านสร้างก่อนมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยคณะศิษย์นำโดย อ.สุธันย์ สุรทรเสวี ได้ขอให้ท่านจารอักขระลงบนแผ่นทองคำ-เงิน ซึ่งนำมาสร้างเป็นพระนาคปรก เนื้อทองคำ ๕ องค์ และเนื้อเงินประมาณ ๓๐ องค์ นอกนั้นมีเนื้อนวโลหะ และมีชนวนจากพระบูชา พระกริ่ง และพระชัยวัฒน์ ราวๆ ๒๐๐ องค์ องค์นี้เป็นสภาพสวยงามและสมบูรณ์มากๆ ซึ่งอยู่ในกล่องที่มาจาก เฮียทักษิณ แสงประไพ
ในขณะที่กำลังสนุกสนานก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กชายอั๋น ลูกชายของเสี่ยสันติ ที่กำลังไต่ต้นมะม่วงลงมาอย่างรวดเร็วกว่าลิง เพราะมีมดแดงรุมกัดเต็มตัวจนร้องเจ็บ ระหว่างที่พ่อแม่ช่วยกันปัดมดออก เด็กชายอั๋นก็ร้องโอดโอยจากพิษมด พอแม่หันไปมอง เสี่ยสันติจึงบ่นกระปอดกระแปดว่า พระที่เขาให้ลูกคล้องคอไม่ได้ป้องกันมดกัด ซึ่งซื้อมาแพงก็เสียดายเงิน เสี่ยสันติตอบอ้อมๆ ว่า พระท่านก็ต้องมีเมตตา บอกว่า 'อั๋นคงไปทำให้มดตกใจ แทนที่จะช่วยกันปกป้องครอบครัว' ซึ่งก็ยังทำให้เข้าใจว่าหลวงพ่อท่านยุติธรรมเสมอ ไม่เข้าข้างคนที่ทำร้ายสัตว์
สีกาอ่าง