สวัสดีทุกท่าน วันนี้เรามาเริ่มต้นด้วยคำสอนของหลวงปู่ชา พระนักปฏิบัติผู้โดดเด่นด้วยการเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายและคมคาย ดังคำกล่าวหนึ่งที่ว่า “เรากลัวอะไร ถ้ากลัวตาย ความตายอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่ตัวเราเอง จะหนีมันไปได้ไหม ก็หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะอยู่ในที่มืดหรือที่สว่าง ก็ตายได้ทั้งนั้น จะกลัวหรือไม่กลัว ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยง เมื่อรู้เช่นนี้ ความกลัวก็หายไปเอง เหมือนการก้าวออกจากที่มืดสู่แสงสว่าง”
เมื่อเข้าสู่สนามพระ องค์แรกที่เราพบตามคำขอคือ พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ องค์ดังอย่าง “เสี่ยดม” ซึ่งถือเป็นแชมป์ตลอดกาล
ชื่อ “องค์เสี่ยดม” นี้ได้มาจากชื่อของเจ้าของผู้มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าในวงการพระ ซึ่งได้ล่วงลับไปแล้ว คือ เสี่ยอุดม กวัสสราภรณ์ ผู้ที่นำพระองค์นี้มาแสดงจนสร้างความตื่นเต้นและฮือฮา
เนื่องจากสภาพของพระองค์นี้มีความสมบูรณ์และงดงาม ทั้งรูปทรง พิมพ์พระ และเนื้อมวลสาร ซึ่งเทียบได้กับพระสมเด็จ วัดระฆัง ทุกองค์ที่เคยเป็นแชมป์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น องค์ครูเอื้อ องค์ลุงพุฒ องค์กวนอู องค์ขุนศรี องค์ลายงา และอื่นๆ

เมื่อพิจารณาความสมบูรณ์และความงดงามโดยรวม ผู้เชี่ยวชาญต่างยกให้พระสมเด็จองค์นี้เป็นหนึ่งในห้าของพระสมเด็จ วัดระฆัง ที่มีความสมบูรณ์และงดงามที่สุด ซึ่งยังไม่มีพระสมเด็จ วัดระฆัง องค์ใดที่สามารถแซงหน้าความงามนี้ได้
ไม่นานมานี้ นักสะสมพระเครื่องระดับเซียนได้พูดคุยกันถึงราคาของพระสมเด็จองค์ดังๆ ว่าในปัจจุบันมีการตั้งราคาไว้ที่หลัก ๑๐๐ ล้านบาท จริงหรือไม่ ก็ต้องยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะได้ฟังจากเจ้าของพระสมเด็จฯ หลายท่านที่อยู่ในท็อปเทน ทุกคนต่างบอกเป็นนัยว่ามีคนเสนอราคามา แต่ยังไม่ต้องการขาย

ตามมาด้วย พระนางพญา พิมพ์เทวดา เนื้อแดง กรุวัดนางพญา อ.เมือง จ.พิษณุโลก พระแท้ที่ดูง่ายและสภาพสมบูรณ์ จากคอลเลกชันของ เสี่ยเกื้อกูล มานะสัมพันธ์กุล
พิมพ์ทรงขององค์พระดูใหญ่โต สมส่วน และลึกล้ำ จากการกดพิมพ์ที่พิถีพิถัน ขอบข้างถูกตัดอย่างประณีต สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือสีเนื้อแดงเข้ม ซึ่งให้ความรู้สึกเข้มขลังและเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ สะท้อนถึงพลานุภาพของ “พระนางพญา” ทั้งในด้านการคุ้มครองป้องกัน คงกระพัน เมตตา มหานิยม และเสริมบารมีให้ผู้ที่บูชา
ในอดีตมีความเชื่อกันว่า พระนางพญาเป็นพระเครื่องสำหรับผู้หญิง เนื่องจากผู้สร้างคือ พระวิสุทธิกษัตรี พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา (ลิไท) แต่ในปัจจุบันผู้ชายก็หันมาใช้กันมากขึ้น ด้วยความเชื่อใหม่ที่ว่า ผู้หญิงใช้ได้ดี แต่ผู้ชายใช้ยิ่งดี ช่วยให้เป็นเจ้าคนนายคน
ตามมาด้วย พระพุทธชินราช ใบเสมา เนื้อชินเงิน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง พิษณุโลก ที่เห็นปุ๊บจำได้ทันทีว่าเป็นองค์แชมป์ ที่มักเปลี่ยนมือกันในหมู่เซียนพระระดับเทพ
ปัจจุบัน องค์นี้อยู่ในความครอบครองของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ เซียนพระที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีความจริงใจและมีจุดยืนชัดเจนในการสะสมพระเครื่อง

ต่อด้วย พระปิลันทน์ พิมพ์โมคคัลลาน์ สารีบุตร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ
จำได้ว่าเป็นองค์ที่สองหรือสามของพระสกุลนี้ ที่ถูกส่งมาให้ชม ทุกองค์เป็นพระแท้ที่ดูง่ายและมีสภาพงดงาม สะท้อนถึงความเป็นนักสะสมพระที่มีวิสัยทัศน์ ศึกษาอย่างลึกซึ้งก่อนสะสม มองการณ์ไกล และให้ความสำคัญกับพิมพ์พระที่มีเอกลักษณ์ หายาก และมีอนาคตไกล
พระแบบนี้ ยิ่งสะสมมากเท่าไร ยิ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับนักสะสม และหากมองในมุมนักลงทุน ก็มีโอกาสทำกำไรได้เกินคุ้มอย่างแน่นอน

อีกหนึ่งรายการที่น่าสนใจคือ พระชัยวัฒน์ ก้นอุดชันนะโรง หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังฯ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
รุ่นนี้มีการบันทึกการสร้างไว้ ๓ วาระ ได้แก่ ครั้งแรกตอนที่ท่านอยู่ที่วัดโคนอน ครั้งที่สองเมื่อท่านกลับมาอยู่วัดหนังฯใหม่ๆ และได้ประกอบพิธีที่โคนต้นจัน ทั้งสองครั้งเป็นการสร้างพระแบบภายใน
ครั้งที่สามเป็นการสร้างพระอย่างเป็นทางการ เพื่อหารายได้สร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ โดยมีองค์ใหญ่สำหรับผู้ชาย และองค์เล็กสำหรับผู้หญิงและเด็ก จำนวนประมาณ ๑,๐๐๐ องค์ต่อแบบ
ลักษณะขององค์พระเป็นพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิเพชร ลอยองค์เหนือฐานบัว มีสายประคำรอบพระศอ คล้ายกับพระกริ่งตั๊กแตนเขมร ที่หลวงปู่เอี่ยมใช้บูชาติดย่าม
ใต้ฐานพระบรรจุกระดาษสาที่ลงอักขระเลขยันต์ และอุดปิดด้วยชันนะโรง เนื้อพระเป็นนวโลหะกลับดำ นิยมเรียกกันว่า พระชัยเขื่อนใหญ่-เขื่อนเล็ก องค์นี้เป็นของ เสี่ยเพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง เป็นพระชัยสร้างเขื่อนใหญ่ สภาพสมบูรณ์และสวยงามเดิม ราคาอยู่ในหลักแสนปลาย

อีกหนึ่งรายการที่น่าสนใจคือ เหรียญรุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๖๑ พระครูวิริยกิจจารี หรือหลวงพ่อโม ธัมมสโร วัดไตรมิตรฯ (สามจีน) เขตสัมพันธวงศ์ กทม.
ท่านเป็นพระเกจิที่มีเชื้อสายจีน นามเดิมว่า โม แซ่ฉั่ว อาศัยอยู่ใกล้ตลาดน้อย ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการนักบู๊เลือดมังกรแถบเยาวราชและหัวลำโพง ในยุคที่นักเลงครองเมือง ท่านได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูง
ท่านได้ศึกษาภาษาไทยและจีนที่วัดไตรมิตรฯ และสนใจในวิชาอาคม เมื่อบวชที่วัดไตรมิตรฯ โดยมีพระปรากรมุนี (เปลี่ยน) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ ท่านจึงได้ติดตามไปปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์
ท่านได้รับถ่ายทอดทั้งวิชาปริยัติธรรมและพุทธาคม เมื่อพระปรากรมุนีได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะปกครองคณะสงฆ์มณฑลภาคเหนือ และเป็นเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ท่านก็ตามไปปรนนิบัติ ทำให้ได้รู้ถึงอานุภาพของหลวงพ่อพระพุทธชินราช และเกิดศรัทธาตลอดมา
เมื่อท่านกลับมาจำพรรษาที่วัดไตรมิตรฯ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ท่านจึงสร้างพระหลวงพ่อพุทธชินราช เนื้อตะกั่ว หลังจารอักขระลายมือ ออกเผยแพร่ ซึ่งมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ด้านการคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี จนเป็นที่เลื่องลือในยุคสงครามอินโดจีน
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ เมื่อท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ ท่านได้สร้างเหรียญปั๊มเนื้อเงินรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปจำลองครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ครู ออกเป็นเหรียญที่ระลึกจำนวนหลักร้อย
เหรียญนี้ได้รับความนิยมตั้งแต่ยุคอันธพาลครองเมืองจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมที่มีราคาหลักแสนถึงหลักล้าน หายากมาก โดยเฉพาะสภาพสวยแชมป์แบบเดิมๆ ของ เสี่ยเชาว์ เพชรเกษม ที่มีเงินก็ไม่ง่ายจะหาซื้อได้

ต่อด้วย เหรียญรุ่น ๒ พ.ศ. ๒๔๙๘ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง อ.ชะอำ เพชรบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองเพชรบุรี ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาอาคม
โดยเฉพาะวิชาลงกระหม่อม ที่มีผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมาให้ท่านลงกระหม่อม จนคิวยาวถึงขั้นต้องพักค้างแรมรอด้วยความศรัทธา
มีคำเล่าขานกันว่า การลงกระหม่อมของท่านนั้นทรงพลังมาก ถึงขั้นเป่าทะลุกระดาน เพราะมีผู้ทดลองโดยให้นั่งบนใบตองให้ท่านลงกระหม่อม บอกว่าเมื่อท่านใช้เทียนเขียนอักขระลายมือและเลขยันต์กลางกระหม่อมเสร็จ ท่านตั้งจิตภาวนาเป็นสมาธิแล้วเป่าพรวด ผู้ที่ได้รับรู้สึกเหมือนมีพลังวิ่งผ่านร่างกายจากบนลงล่าง เมื่อลุกขึ้นดูจะเห็นอักขระเลขยันต์ติดอยู่บนใบตองอย่างชัดเจน ผู้ที่ได้รับการลงกระหม่อมจากท่านเชื่อกันว่าจะส่งผลถึงลูกคนหัวปี และไม่มีวันตายโหง
นอกจากวิชาลงกระหม่อม ท่านยังสร้างพระเครื่องของขลัง ตะกรุดโทน พอกครั่งพุทรา ภาพถ่าย สายสิญจน์ และเหรียญรุ่นแรกกับเหรียญรุ่น ๒ พ.ศ. ๒๔๙๘ ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าเหรียญรุ่นแรก เหรียญในภาพนี้เป็นของ เสี่ยพายุ บ้านวัชรสาร
เหรียญนี้มีสภาพสมบูรณ์เดิมๆ เห็นได้จากพรายโลหะสีรุ้งรอบองค์ท่านด้านหน้า ซึ่งเกิดจากแรงอัดของเครื่องจักรและอายุความเก่า ถือเป็นเหรียญที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

ตามมาด้วย เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง เขตตลิ่งชัน กทม. ของ เพชร อิทธิ ซึ่งเล่าว่าก่อนจะได้มา เจ้าของเดิมบอกว่าเป็นเบี้ยแก้ หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ ก็ถือว่าโอเคแล้ว เพราะเป็นเบี้ยแก้ที่มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในเบี้ยแก้ยอดนิยม
เมื่ออยากได้จึงขอดูของ พอเห็นรูปทรงของเบี้ย รูปแบบการถักเชือกที่เปิดเห็นหลัง รักเคลือบเก่าเข้าเนื้อ มีอายุถึงยุค ก็รู้สึกดีใจ จ่ายเงินแล้วได้เบี้ยกลับมา นั่งส่องนอนส่อง พอเห็นตะเข็บลายถักที่เป็นสไตล์หลวงปู่รอด ก็รู้สึกตื่นเต้น ยิ่งส่องเจอตะเข็บรอยต่อ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการพิจารณาลายถักเบี้ยหลวงปู่รอด
สรุปโดยรวม ทั้งรูปทรงของเบี้ย เอกลักษณ์ลายถัก อายุรักเก่าเข้าเชือกถึงยุค เจ้าตัวมั่นใจว่าน่าจะเป็นเบี้ยหลวงปู่รอด แม้จะมีบางคนค้านว่าเป็นเบี้ยหลวงพ่อพักตร์ แต่ก็เอาที่สบายใจ—แต่ถ้าใครอยากซื้อ ขอตั้งราคาไว้ในเรตเบี้ยหลวงปู่รอดเลย
ปิดท้ายเรื่องราวสนุกๆ ของ เสี่ยปิติ เจ้าของอู่ต่อเรือใน จ.สุพรรณฯ ที่มีลูกชายชื่อ ชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นนักเรียน ม.ปลายในโรงเรียนชื่อดัง
ลูกชายของเขาเป็นเด็กนิสัยดี ว่านอนสอนง่าย สุภาพเรียบร้อย และมีความสามารถพิเศษด้านการโต้วาที โรงเรียนจึงส่งเขาไปแข่งขันระดับจังหวัด และผ่านมาถึงรอบสุดท้ายเพื่อชิงชนะเลิศ
ก่อนวันแข่งขัน นายชัยวัฒน์รู้สึกกระวนกระวาย กลัวจะแพ้คู่แข่งที่เคยเป็นอดีตแชมป์ พ่อแม่เห็นเขานั่งเงียบเครียดผิดปกติ จึงสอบถามถึงสาเหตุ
เมื่อรู้ว่าลูกชายขาดความมั่นใจ เสี่ยปิติจึงถอดสร้อยคล้องพระเครื่ององค์เดียวในคอออกมาคล้องให้ลูกชาย พร้อมบอกว่า นี่คือพระมเหศวร พิมพ์ใหญ่ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณฯ บ้านเกิดของเรา ที่พ่อใช้คล้องคอและอาราธนาบูชาติดตัวมาตลอด ช่วยให้พ่อผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ และเอาชนะคู่แข่งต่างๆ จนตั้งตัวได้ เชื่อว่าพระองค์นี้มีส่วนช่วยมาก ให้ลูกคล้องคอไปเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการแข่งขัน—นายชัยวัฒน์จับพระในคอ ยกมือพนมเหนือหัว สายตาของเขาดูมั่นใจขึ้นมาทันที
เมื่อถึงวันแข่งขัน พ่อแม่ตามไปเชียร์ แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อลูกชายที่กำลังแข่งขันเกิดบันดาลโทสะ เดินเข้าหาคู่แข่งด้วยอารมณ์โกรธ ครูอาจารย์ต้องเข้ามาห้ามปรามเป็นพัลวัน พ่อแม่ต้องนั่งฟังครูอบรมลูกชาย ซึ่งถูกคาดโทษและฝากให้พ่อแม่ช่วยอบรมต่อ
เมื่อกลับถึงบ้าน ทุกคนอารมณ์เย็นลง เสี่ยปิติถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงอารมณ์ร้อนผิดปกติ ลูกชายตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกโมโหเมื่อพูดตอบโต้เขาไม่ได้ เหมือนมีอะไรมาครอบงำ
เสี่ยปิติกำลังจะพูดต่อ แต่เจ๊พา ผู้เป็นแม่รีบพูดแทนลูกว่า อาจเป็นเพราะพระมเหศวรที่ให้ลูกคล้องคอไปหรือเปล่า พ่อว่าท่านแรงมากใช่ไหม
เสี่ยปิติซึ่งศรัทธาพระมากรีบส่ายหน้าปฏิเสธ บอกว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะพระมเหศวรแปลว่าผู้มีพลังมหาศาล ดั่งพระอิศวร ที่ใช้พลังเพื่อความสงบสุข แต่พฤติกรรมของลูกเราเป็นแบบ “โมโหสวน” ชัดเจน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง