
หากเราคุ้นตากับภาพสมเด็จวัดระฆังทรงเจดีย์ องค์เจ๊แจ๋ว จากเส้นสังฆาฏิที่คมกริบ ซึ่งมีการเอียงไปขวาเพื่อหาจุดขอบจีวรซอกพระกัจฉะ (รักแร้) ขวา เมื่อดูภาพสมเด็จวัดระฆังทรงเจดีย์ในคอลัมน์วันนี้ จะเห็นว่าเส้นสังฆาฏิทิ้งลงมาเป็นเส้นตรง การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้แฟนพระรุ่นใหม่รู้สึกแปลกตาบ้าง
ทว่าในวงการพระสมเด็จ ย่อมไม่แปลกใจเลย ทรงเจดีย์นี้เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่ได้รับการสร้างขึ้น
ย้อนนึกถึงทรงเจดีย์องค์ “พุฒาจารย์” ของตรียัมปวายเดิม ที่ตอนนี้ได้มาอยู่ในคอของคุณวิชัย คิง เพาเวอร์ เพียงแต่ว่าเส้นสังฆาฏิในองค์พุฒาจารย์จะมีการติดให้เห็นเป็นขนานสองเส้นในช่วงปลายพระอุทร
สำหรับแฟนพันธุ์แท้พระสมเด็จวัดระฆังที่ไม่ตกข่าวเกี่ยวกับวงการพระ ถ้ามีหนังสือสุดยอดพระเซียนดัง ก็คงพอจะจำกันได้ดี
องค์นี้มีลายเส้นที่ไปด้วยกันได้กับองค์ของ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ที่พระเกศตั้งกลางเล็กน้อย พร้อมกับเส้นพระกรรณด้านขวาที่มองเห็นได้ชัดเจนในทำนองเดียวกัน
ข้อเด่นขององค์ในวันนี้คือ เส้นขอบจีวรที่คมชัดมากขึ้น แต่องค์ของคุณจิตติ เส้นแบ่งพระเพลาค่อนข้างชัดเจนกว่า
ตามไปดูที่ฐานสามชั้น ไล่สายตาจากเส้นซุ้มไปจนถึงเส้นกรอบสี่ด้าน ซึ่งตัดพอดีในกรอบกระจก โดยไม่มีเนื้อเหลือเกิน
พระสมเด็จที่ตัดขอบได้แบบนี้ ครูตรียัมปวายได้ใช้คำว่า “สมภาคได้สัดส่วน”
มาอธิบายเกี่ยวกับเรื่องแม่พิมพ์ ทรงเจดีย์ กันอีกครั้ง ทฤษฎีของตรียัมปวายได้แบ่งพิมพ์ออกเป็นสี่ประเภท ได้แก่ พิมพ์เขื่อง พิมพ์ชะลูด พิมพ์สันทัด (องค์ในคอลัมน์นี้ถือเป็นพิมพ์สันทัด) และพิมพ์ย่อม
ทฤษฎี “พรีเชียส” ในหนังสือของอาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ได้ถูกนำเสนอโดย “นิรนาม” สำนักท่าพระจันทร์ ตั้งแต่พิมพ์ที่ 1 จนถึงพิมพ์ที่ 5
ในกรณีนี้ หากบอกหมายเลขพิมพ์แล้วคงไม่ค่อยเข้าใจ ภาพพิมพ์ที่ 1 จะดูเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนพิมพ์ที่ 2 ก็จะมีลักษณะองค์เจ๊แจ๋ว พิมพ์ที่ 3 เป็นภาพจำจากหนังสือที่มีชื่อเสียงจากอู่อรุณ และเป็นพิมพ์เกศบัวตูม (ทำให้เซียนหลายคนยังถกเถียงกันถึงพิมพ์ที่ถูกต้อง) พิมพ์ที่ 4 จะมีลักษณะเป็นชะลูด และพิมพ์ที่ 5 เป็นพิมพ์เล็ก ซึ่งองค์ที่นำมาเขียนในคอลัมน์วันนี้ คงจะเป็นพิมพ์ที่ 3
หากจะพูดถึงความจริง แม่พิมพ์ที่พบเห็นในวงการมีจำนวนมากกว่าที่กล่าวถึงกันมากมาย
จากที่ได้เห็นผ่านตาจากภาพของพระในวงการ น่าจะมีพิมพ์ที่มากกว่า 10 แบบก็เป็นได้ แต่หากคุณพบพิมพ์ที่ไม่ค่อยมีในวงการและลายพิมพ์ดูมีความเก่าไป ก็ไม่ต้องกังวล หากราคาไม่สูงเกินไป ขอแนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ใจแล้วค่อยซื้อเก็บไว้ใช้งาน
อย่าคาดหวังว่าจะสามารถขายได้ เพราะเซียนหลายท่านมักจะมองข้ามไป
กลับมาที่องค์ในคอลัมน์วันนี้ หลังจากพูดถึงเรื่องแม่พิมพ์ไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาไปที่เนื้อหา โดยที่ผิวแป้งจะถูกโรยด้วยพิมพ์และเนื้อละเอียดขาวซึ่งเข้ากันได้ดีจนแทบจะแยกไม่ออก ระดับความนุ่มและความแข็งอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งครูจะเรียกว่า “หนึกแกร่ง”
มองไปที่ฝ้ารักจางๆ ที่ปรากฏเป็นระยะๆ เม็ดมวลสารไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเพราะมันซ่อนอยู่ใต้ผิว
ด้านหลังมีรอยยุบและรอยแยกที่ขอบข้างปรากฏอยู่ทั้งสี่ด้าน ซึ่งเป็นลักษณะของหลังสมเด็จวัดระฆัง
ชิ้นรักจะปรากฏในหลุมร่องทั้งเล็กและใหญ่ และบางครั้งยังเห็นชัดเจนบนผิวเป็นปื้นหนาและบาง
นี่คือเสน่ห์ของด้านหลังสมเด็จวัดระฆังที่ถือเป็นมาตรฐานทั่วไปสำหรับของแท้
โดยสรุปแล้ว สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์องค์นี้ ถือว่าเป็นพระที่มีความยากสำหรับคนรักพระน้องใหม่
แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากเกินไป เส้นสายลายพิมพ์ถูกต้อง เนื้อหาคราบไคล และลักษณะธรรมชาติครบถ้วน ถือว่าเป็นพระที่สวยงามและสามารถถือเป็นองค์ครูได้อีกองค์หนึ่ง
พลายชุมพล