ยินดีต้อนรับสู่เดือนสุดท้ายของปี พร้อมรับคำสอนจากหลวงพ่อพุทธทาส ที่เน้นย้ำให้แฟนคลับตระหนักเสมอว่า โควิด-19 ยังไม่มีวัคซีนรักษา จึงไม่ควรประมาทหรือลดการ์ดลง เพราะท่านกล่าวว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือ “สุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์”
เข้าสู่สนามพระวิภาวดี มาชมพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ องค์ “องค์ลุงพุฒ” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ตามคำขอของแฟนคลับมือใหม่ที่สนใจเรื่องราวของพระเครื่องอันเลื่องชื่อในวงการ
พระสมเด็จวัดระฆังฯ “องค์ลุงพุฒ” มีจุดเด่นอยู่ที่ความคมชัดของพิมพ์พระและความสมบูรณ์ของเส้นศิลป์ พบร่องรอยเนื้อปริหายเล็กน้อยบริเวณกลางเส้นซุ้มด้านขวา ซึ่งผู้ครอบครองต้องการรักษาสภาพเดิมไว้โดยไม่มีการแต่งเติมหรือปิดบัง เพื่อคงคุณค่าของพระองค์นี้
ประวัติของพระองค์นี้เริ่มต้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อลุงพุฒ เจ้าของเดิม นำพระองค์นี้ไปแสดงให้นักสะสมพระในชมรมเสี่ยกัง ฝั่งธนบุรี ซึ่งต่างยกย่องว่าพระองค์นี้มีรูปทรงพิมพ์พระและมวลสารที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นในวงการพระเครื่อง
เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงคุณประโพธิ เปาโรหิต นักสะสมพระเครื่องชื่อดังในยุคนั้น ซึ่งเป็นเจ้าของพระสมเด็จองค์ดังนาม “คุณบุญส่ง” ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสมบูรณ์และสวยงามที่สุดในเวลานั้น
เหตุการณ์นี้จึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้ เกิดการท้าทายเพื่อพิสูจน์ความจริง โดยการนำพระมาวางเปรียบเทียบกันแบบตัวต่อตัว ผลปรากฏว่าพระของคุณบุญส่งไม่สามารถเทียบได้ จึงมีการเจรจาซื้อขายเกิดขึ้น โดยคุณประโพธิเสนอซื้อพระลุงพุฒด้วยโฉนดที่ดินหลายไร่ในย่านบางขุนเทียน แต่ลุงพุฒต้องการแลกเปลี่ยนพระสมเด็จฯ กับพระของคุณบุญส่ง พร้อมโฉนดที่ดินดังกล่าว ทำให้การตกลงไม่บรรลุผล และต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันไป
ต่อมาลุงพุฒได้นำพระไปขายให้กับนักสะสมพระชื่อดังอีกคนหนึ่งคือเสี่ยฉลี ยงสุนทร ในราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งพระองค์นี้ถูกเก็บรักษามาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เมื่อโป๊ยเสี่ย-ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ สามารถเจรจาซื้อพระสมเด็จองค์ลุงพุฒมาได้สำเร็จในราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นการสร้างตำนานพระสมเด็จที่แลกเปลี่ยนกับรถเบนซ์ (เนื่องจากในยุคนั้นไม่นิยมเปิดเผยราคาซื้อขายพระเป็นตัวเลข)
ปัจจุบันพระสมเด็จ “องค์ลุงพุฒ” ยังคงอยู่ในครอบครองของโป๊ยเสี่ยโดยสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีว่าจะถูกย้ายไปที่อื่น แต่มีการประเมินราคาว่าปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ระดับ ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นลง

ตามมาด้วยพระปิดตา พิมพ์ชะลูดใหญ่ เนื้อชินตะกั่ว ของหลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว อ.หนองบัว จ.กาญจนบุรี อมตะพระเกจิอาจารย์ด้านวิชาพุทธาคมแห่งภาคตะวันตก ผู้สร้างชื่อให้พระปิดตาเนื้อผง พิมพ์ชะลูด จนกลายเป็นพระปิดตายอดนิยมที่มีราคาหลักแสนถึงล้านบาท
และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นพระปิดตาอันดับ ๑ ของเมืองกาญจน์ ซึ่งมีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับพระปิดตาชุดเบญจภาคี เนื้อผง ที่หาได้ยากมากในปัจจุบัน
พระปิดตาพิมพ์ชะลูด เนื้อตะกั่ว แบบนี้ เชื่อกันว่าเป็นพระที่สร้างขึ้นเพื่อทดลองพิมพ์ เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์และความงดงามของพิมพ์ก่อนเริ่มผลิตจริง ซึ่งน่าจะมีจำนวนไม่มากนัก ประมาณหลักหน่วยถึงหลักสิบต้นๆ เท่านั้น หลังจากผ่านพิธีปลุกเสกแล้ว พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างมักเก็บรักษาพระลองพิมพ์เหล่านี้ไว้หรือมอบให้ศิษย์ใกล้ชิด จึงยากที่จะพบพระแท้ในปัจจุบัน
สามารถสังเกตได้จากความคมชัดของพิมพ์พระและร่องรอยของตะกั่วที่มีสนิมและคราบเก่าเกาะแน่นเป็นธรรมชาติ ซึ่งแสดงถึงอายุความเก่าแก่ของพระอย่างชัดเจน ดังที่เห็นในองค์นี้ของเสี่ยหมู เมืองกาญจน์
อันดับสามคือพระพิมพ์ครุฑใหญ่ ของหลวงพ่อปาน โสนันโท อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นหนึ่งในพิมพ์พระมาตรฐานของสกุลพระพิมพ์ทรงสัตว์ที่สร้างโดยหลวงพ่อปาน
พระพิมพ์ครุฑมีพิมพ์ย่อยทั้งหมด ๕ แบบ ได้แก่ ครุฑใหญ่ ครุฑกลาง ครุฑเล็ก ครุฑผีเสื้อ และครุฑยันต์แถวเดียว องค์นี้ของเสี่ยจตุโชค สัยยะนิฐี เป็นพิมพ์ใหญ่ ซึ่งเป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีสภาพองค์พระที่งดงามสมบูรณ์ ผงอุดเต็ม สภาพเดิมๆ ระดับแชมป์แบบนี้ ปัจจุบันมีราคาสูงถึงหลักล้านบาท เนื่องจากเป็นพิมพ์ที่เชื่อกันว่ามีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ในด้านเสริมบารมีและอำนาจวาสนาอย่างสูง จึงเป็นที่นิยมในหมู่ข้าราชการและนักปกครอง

ตามมาด้วยเหรียญหล่อหน้าเสือ ของหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นเหรียญหล่อพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมอันดับ ๑ ของเมืองนครปฐม และเป็นเบอร์ต้นๆ ที่นักสะสมต้องการ
ลักษณะของเหรียญเป็นโลหะหล่อแบบโบราณ รูปทรงเสมา สร้างขึ้นพร้อมกับเหรียญหล่อทรงน้ำเต้า ด้านหน้าเป็นรูปจำลององค์หลวงพ่อครึ่งองค์ ส่วนด้านหลังเป็นอักขระยันต์นะ ที่มีเส้นนูนชัดเจน
เมื่อสร้างเสร็จและนำให้หลวงพ่อน้อยดู ท่านได้กล่าวว่า หน้าของท่านดุเหมือนเสือ ไม่มีใครกล้าเอาไป ซึ่งเป็นจริงตามที่ท่านว่า เมื่อนำเหรียญออกแจกจ่ายให้ทำบุญ เหรียญทรงน้ำเต้าถูกบูชาหมดก่อน เหลือเพียงเหรียญหน้าเสือที่ยังคงอยู่ที่วัดเป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อมีผู้ที่นำเหรียญนี้ไปใช้และพบประสบการณ์ด้านมหาอุดที่ยอดเยี่ยมมากมาย จึงทำให้เหรียญนี้ถูกบูชาจนเกลี้ยงวัด เรื่องที่ทำให้เหรียญนี้โด่งดังที่สุดคือกรณีของ พล.ต.ท. สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ บิ๊กตำรวจภาค 7 ที่จับมือปืนซึ่งยิง ทวีพงษ์ มณีนิล ได้ โดยมือปืนให้สัมภาษณ์ว่า เคยรับงานฆ่ามา ๑๕ ราย แต่มีเพียงรายเดียวที่รอดจากการลงมือถึงสามครั้ง เพราะกระสุนไม่ทำงาน
จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมตนเองจึงพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งสืบรู้ว่าเป้าหมายนั้นมีเหรียญหลวงพ่อน้อยหน้าเสือห้อยอยู่ที่คอ ซึ่งองค์นี้ของเสี่ยแจ๊ค สามพราน เป็นเหรียญที่สวยงามและอยู่ในสภาพเดิมๆ และยังครองตำแหน่งแชมป์มานานแล้ว

ถัดมาคือพระกริ่งชินบัญชร ก้นทองแดง ของพระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่ทิม อิสริโก) วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งเป็นพระกริ่งที่สร้างโดยพระเกจิอาจารย์ยุคหลังปีกึ่งพุทธกาล และถือเป็นพระกริ่งเพียงหนึ่งเดียวในยุคปัจจุบันที่ได้รับความนิยมสูงสุด ราคาสามารถเทียบได้กับพระกริ่งยอดนิยมในยุคก่อนอย่างวัดสุทัศน์และวัดบวรนิเวศ
โดยหลวงปู่ทิมเป็นประธานในพิธีเททองที่ลานหน้าวัดละหารไร่ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยใช้วิธีการขึ้นหุ่นแบบโบราณ
การเทหล่อแบบโบราณนี้ใช้เนื้อโลหะผสมที่มีชนวนหลักเป็นแผ่นยันต์จารพระคาถาชินบัญชรและแผ่นยันต์นะ ๑๐๘ โดยมีพิมพ์พระทั้งหมด ๔ ชนิด ได้แก่ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระสังกัจจายน์ และพระปิดตา
เฉพาะพระกริ่งมีการบันทึกการสร้างไว้หลายเนื้อหา ได้แก่ ๑. เนื้อทองคำ ๑๓ องค์ ๒. เนื้อบรมพุทโธ ๙ องค์ ๓. เนื้อนวะก้นทองคำ ๑๖ องค์ ๔. เนื้อนวะก้นอุดผงพรายกุมาร ๑๐๔ องค์ ๕. เนื้อนวะก้นเงิน ๓๙๐ องค์ (ไม่ตอกเลข ๑๙๕ องค์ ตอกเลข ๑๙๕ องค์) ซึ่งแจกจ่ายให้ทำบุญที่วัดเจ้าเจ็ด จ.อยุธยา และ ๖. เนื้อนวะก้นทองแดง จำนวน ๒,๕๙๕ องค์
องค์นี้ของเสี่ยวรวีร์ พลพรเข็มเพชร ยังคงสภาพความงดงามสมบูรณ์แบบเต็มร้อย ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึงหลักแสนบาท

รายการสุดท้ายเป็นเครื่องรางหายาก ตะกรุดมหามงคลโสฬส ขนาด ๓.๕ นิ้ว เนื้อทองแดง ของหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นตะกรุดพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมอันดับ ๑ ของวงการ มีราคาสูงถึงหลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพของตะกรุด
ตะกรุดดอกนี้มีสภาพสมบูรณ์และงดงามที่สุดเท่าที่เคยพบมา มีจุดสังเกตที่ถูกต้องครบถ้วน ทั้งขนาดความยาว ๓.๕ นิ้ว เนื้อทองแดงที่เก่าแก่ตามอายุ ม้วนแน่น รูเล็ก ถักเชือกพอกผง ลงรักดำ และมีเม็ดแดงที่เกิดจากความเก่า ปลายทั้งสองข้างเปิดแบบก้นแมลงสาบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นตะกรุดสายวัดสะพานสูงของหลวงปู่เอี่ยม
ใช้เวลาถึง 9 เดือนในการสร้างและปลุกเสกตะกรุดนี้ ก่อนนำออกให้ประชาชนร่วมทำบุญบูชา โดยรายได้ทั้งหมดนำไปสร้างวัด ในสมัยนั้น ตั้งราคาไว้ที่ดอกละ 1 ตำลึง ถือเป็นตะกรุดที่มีราคาแพงที่สุดในยุคสมัยนั้น
หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้เหมือนในละคร คงไม่มีใครคิดว่าราคาแพง แต่ทุกคนจะแย่งกันทำบุญเพื่อให้ได้ตะกรุดนี้มาให้มากที่สุด เพราะในปัจจุบัน ตะกรุดสภาพสมบูรณ์แบบนี้ของ เสี่ยสถิต ราชบุรี มีมูลค่าสูงถึงหลายล้านบาท

สำหรับรายการสุดท้ายที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเสี่ยงโชค คือ วัตถุมงคล ไอ้ไข่ “รุ่นมหาโชคโภคทรัพย์” ซึ่ง เจ้าคุณไมตรี เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้จัดสร้าง และทำพิธีมังคลาภิเษกถึง 5 วาระ ซึ่งถือเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยรายได้จะนำไปสมทบทุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โรงเรียนพระบรมธาตุพิทักษ์ วัดพระมหาธาตุฯ นครศรีฯ สร้างอาคารอเนกประสงค์วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี และสมทบทุนเปิดศูนย์โรงทานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่บางบัวทอง นนทบุรี
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องราวของ เฮียเล้ง เจ้าของร้านขาหมู ซึ่งเป็นนักสะสมพระเครื่องนอกวงการ โดยมีพระเครื่องระดับราคาหลักพันถึงหลักหมื่น ทั้งของแท้และของเก๊ สะสมไว้เป็นจำนวนมาก เพราะส่วนใหญ่แกจะดูและซื้อด้วยตัวเอง ไม่เคยเข้าสนามประมูล
เฮียเล้ง มีลูกชายชื่อติ๊ง ซึ่งเป็นเด็กชอบขับมอเตอร์ไซค์แข่งในเวลากลางคืนจนสร้างความเดือดร้อนให้คนในเมือง เฮียเล้งไม่กล้าดุลูกเพราะรัก แต่ก็เป็นห่วง จึงเลือกพระเครื่องที่เชื่อมั่นว่าดีที่สุดให้ลูกคล้องคอเพื่อเป็นเครื่องคุ้มครอง
ทุกครั้งที่ติ๊งได้รับพระเครื่องไป เขามักกลับมาบอกว่าทำหายหรือมีคนบอกว่าเป็นพระเก๊ จึงถอดทิ้งไป ไม่เคยมีพระเครื่องติดตัวกลับมาสักองค์ สรุปแล้วหายไปกว่า 10 องค์
ด้วยความห่วงใยลูกอย่างมาก เฮียเล้งจึงตัดสินใจให้พระคง ซึ่งเป็นพระเครื่ององค์เดียวที่ซื้อจากเซียนโดยไม่ได้ดูเอง ให้ลูกคล้องคอ
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือน เฮียเล้งสังเกตว่าลูกชายกลับบ้านพร้อมพระคงคล้องคอทุกครั้ง จึงรู้สึกปลื้มใจและมั่นใจว่าพระคงองค์นี้ดีจริง ทำให้หายห่วง
แต่ในสัปดาห์ต่อมา ลูกชายของเขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรงขณะแข่งมอเตอร์ไซค์ เฮียเล้งเฝ้าดูอาการอยู่ 3 วันจนลูกฟื้นและพูดได้ เขาจึงรำพึงในใจว่าทำไมพระเครื่องไม่ช่วยลูกเขาในครั้งนี้
ลูกชายของเฮียเล้งพูดขึ้นว่า พระเก๊จะช่วยอะไรได้ เฮียเล้งซึ่งมั่นใจในพระเครื่องที่ซื้อมาในราคาแพงและได้จากเซียนโดยตรง จึงถามด้วยความโกรธเป็นครั้งแรกว่า ลูกรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นี้เก๊ ลูกชายตอบกลับมาว่า องค์นี้เก๊แน่ๆ ถึงยังอยู่ เพราะถ้าเป็นพระแท้คงขายไปแล้วเหมือนองค์ก่อนๆ ที่หายไปนั่นแหละ พระแท้ทุกองค์ขายได้หมด
เมื่อรู้ความจริง เฮียเล้งรู้สึกโกรธ แต่ไม่ใช่โกรธลูกที่หลอกว่าพระเก๊และทำหาย แต่โกรธที่ถูกเซียนหลอกให้คล้องคอพระเก๊มานานกว่า 20 ปี เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง