ยาลดน้ำมูก จัดอยู่ในกลุ่มยาแก้แพ้ ซึ่งใช้เพื่อบรรเทาอาการน้ำมูกไหล โดยไม่ได้มีผลในการกำจัดน้ำมูกหรือเสมหะโดยตรง แต่จะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งผลกระทบของสารก่อภูมิแพ้ที่มีต่อร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดอาการคันจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง และอาการที่กลับมาเป็นซ้ำได้ บางคนเมื่อรับประทานยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูกแล้วอาจมีอาการง่วงนอนร่วมด้วย ดังนั้น ผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรเป็นเวลานานควรระมัดระวังเมื่อใช้ยาลดน้ำมูก
เหตุใดยาลดน้ำมูกจึงทำให้ง่วง
จะทราบได้อย่างไรว่ายาลดน้ำมูกชนิดใดทำให้ง่วงหรือไม่ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการซื้อยาจากร้านขายยาที่มีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำ เพราะเภสัชกรจะช่วยวินิจฉัยและเลือกยาให้เหมาะสมกับอาการ หากซื้อยาจากร้านทั่วไปที่ไม่มีเภสัชกร นอกจากอาจได้รับยาที่ไม่ตรงกับอาการแล้ว ยังอาจทำให้อาการไม่ดีขึ้นและต้องเสียเวลาในการหายาชนิดใหม่ ซึ่งอาจทำให้การรักษาล่าช้า
ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้ ทำไมจึงทำให้ง่วง เนื่องจากยาแก้แพ้ในกลุ่มดั้งเดิม หรือที่เรียกว่า Conventional Antihistamines นั้น สารที่ร่างกายดูดซึมจะส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดผลข้างเคียงคืออาการง่วงนอน
ยาแก้แพ้ทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่กระตุ้นต่อมในโพรงจมูก ช่วยลดอาการน้ำมูกไหลที่เกิดจากอาการแพ้และไข้หวัด
ยาแก้แพ้กลุ่มดั้งเดิม (Conventional Antihistamines) มักมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอน ยาในกลุ่มนี้ได้แก่
- คลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine)
- บรอมเฟนิรามีน (Brompheniramine)
- ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine)
- ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate)
- ไฮดรอไซซีน (Hydroxyzine)
- ทริโปรลิดีน (Triprolidine)

นอกจากอาการง่วงนอนแล้ว ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้แก่
1. ปากแห้ง
2. คอแห้ง
3. ตาพร่า
4. ท้องผูก
5. ปัสสาวะคั่ง
ยาลดน้ำมูกที่ไม่ทำให้ง่วง
- เซทิริซีน (Cetirizine)
- เลโวเซทิริซีน (Levocetirizine)
- เฟโซเฟนาดีน (Fexofenadine)
- ลอราทาดีน (Loratadine)
ผลข้างเคียงของยาชนิดนี้มีน้อยกว่ากลุ่มที่ทำให้ง่วงนอน และมีการดูดซึมเข้าสู่สมองในปริมาณที่น้อยกว่า
แม้ว่ายาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูกที่ไม่ทำให้ง่วงนอนจะถูกออกแบบมาเพื่อลดอาการง่วง แต่บางคนอาจยังมีอาการง่วงนอนได้หลังจากรับประทาน ดังนั้น ควรสังเกตอาการของตนเองหลังใช้ยา หากยังมีอาการง่วง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิสูง เช่น การขับรถ การทำงานกับเครื่องจักร หรืองานที่ต้องการความระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากความง่วง
ยาลดน้ำมูกสำหรับเด็กและผู้ใหญ่มียี่ห้อใดบ้าง
ยาลดน้ำมูกและบรรเทาอาการคัดจมูกสำหรับผู้ใหญ่ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยามีอะไรบ้าง
- ยาซีร์เทค (Zyrtec)
ยาซีร์เทค (Zyrtec) มีส่วนประกอบหลักคือเซทิริซีน (Cetirizine) ซึ่งเป็นสารต้านฮีสตามีน ใช้เพื่อบรรเทาอาการแพ้อากาศ เช่น อาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา ตาแดง น้ำตาไหล และลมพิษ ยานี้มีทั้งรูปแบบเม็ดสำหรับผู้ใหญ่และรูปแบบน้ำสำหรับเด็ก


- แอเรียส (Aerius)
แอเรียส (Aerius) เป็นชื่อทางการค้าของเดส-ลอราทาดีน (Desloratadine) และเซทิริซีน (Cetirizine) ซึ่งเป็นสารต้านฮีสตามีน ช่วยลดอาการแพ้จากโรคภูมิแพ้ แอเรียสมีทั้งรูปแบบเม็ดสีฟ้าและรูปแบบน้ำสำหรับเด็ก โดยรูปแบบน้ำจะมาพร้อมหลอดดูดยาเพื่อให้เด็กรับประทานได้ง่าย


- คลาริทิน (Clarityne)
คลาริทิน (Clarityne) เป็นยาแก้แพ้ที่มีส่วนประกอบหลักคือลอราทาดีน (Loratadine) ซึ่งมีทั้งรูปแบบเม็ดและน้ำ คลาริทินจัดเป็นยาต้านฮิสตามีนที่ออกฤทธิ์ยาวนานและอยู่ในกลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วง อย่างไรก็ตาม บางรายอาจมีอาการง่วงได้ ยาชนิดนี้มีฤทธิ์แรงและออกฤทธิ์นานในการต้านสารฮีสตามีน โดยเป็น selective peripheral H1-receptor antagonist ใช้บรรเทาอาการแพ้ระบบทางเดินหายใจ เช่น จาม น้ำมูกไหล คันจมูก คันตา แสบตา จากโรคภูมิแพ้ รวมถึงช่วยลดอาการลมพิษเรื้อรังและอาการแพ้ทางผิวหนังอื่นๆ


- ฟีนาเฟค (FENAFEX)
ฟีนาเฟค (FENAFEX) เป็นยาแก้แพ้ที่มีส่วนประกอบหลักคือเฟคโซเฟนีดีน ไฮโดรคลอไรด์ (Fexofenadine Hydrochloride) ในขนาด 60 มิลลิกรัม และ 180 มิลลิกรัม ใช้เพื่อบรรเทาอาการเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และอาการลมพิษหรือผื่นคันเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป

- ไดมีแท็ป (Dimetapp)
ไดมีแท็ป (Dimetapp) ประกอบด้วยตัวยา Brompheniramine และ Phenylephrine HCL เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการภูมิแพ้ นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ โดยเฉพาะสำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป

ยาลดน้ำมูกและยาแก้แพ้บางยี่ห้อไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หากมีอาการภูมิแพ้หรือน้ำมูกไหลที่ไม่หายควรปรึกษาแพทย์ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมหรือสารก่อภูมิแพ้ เนื่องจากการใช้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อร่างกาย ดังนั้น ก่อนเลือกใช้ยาควรมั่นใจว่าเป็นยาที่เหมาะสมกับอาการและเข้าใจวิธีใช้อย่างถูกต้อง
ที่มา :
1. “น้ำมูกไหล ทำไมเภสัชจ่ายยาแก้แพ้”., นศภ. อนุชิต ตุงธนบดี., คลังข้อมูลยา มหาวิทยาลัยมหิดล.,https://pharmacy.mahidol.ac.th/DIC/knowledge_full.php?id=35 [สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2566]
2. ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง กินแล้วไม่ง่วงจริงหรือ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา., https://ocpbconnect.ocpb.go.th/Content/FDA?SUB_CATEGORY_ID=27&MEDIA_ID=881.,[สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2566]