การรับประทานวิตามินซีถือเป็นวิธีหนึ่งในการดูแลสุขภาพเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับคนในยุคปัจจุบัน แต่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรเรียนรู้วิธีการรับประทานที่ถูกต้อง ว่าควรรับประทานในปริมาณเท่าใดและช่วงเวลาใด เพื่อให้อาหารเสริมอย่างวิตามินซีทำงานในร่างกายได้อย่างเต็มที่
คำถามที่หลายคนสงสัย...วิตามินซีควรรับประทานเวลาไหนดี?
วิตามินซี ควรรับประทานเวลาไหน? ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ "รับประทานพร้อมมื้ออาหาร" อาจเป็นมื้อเช้าหรือมื้อเย็น หรือเลือกมื้อใดมื้อหนึ่งก็ได้ (ปริมาณ 500-1,000 มิลลิกรัม/มื้อ) และควรดื่มน้ำตามมากๆ ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินซีขณะท้องว่างหรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
โดยปกติแล้ว วิตามินซีที่รับประทานเข้าไปจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมง แต่ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะหากร่างกายได้รับวิตามินซีมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลวได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้หรือโรคหวัดที่มีอาการเรื้อรัง แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานวิตามินซีมากกว่า 2,000 มิลลิกรัมได้เช่นกัน แต่ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากอาการและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

วิตามินซี ไม่ควรรับประทานร่วมกับอะไร?
แม้ว่าวิตามินซีจะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทาน เช่น จำกัดปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน และไม่ควรรับประทานร่วมกับยาบางชนิด เพราะวิตามินซีอาจไปรบกวนการทำงานของยา หรือส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ตัวอย่างยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับวิตามินซีมีดังนี้
- ยาสำหรับผู้ป่วยโรคไต
- ยาที่ใช้ในเคมีบำบัด
- ยาคุมกำเนิด
- ยาที่ใช้เคลือบกระเพาะอาหาร
- ยาลดกรดในกระเพาะ
- ยารักษาโรคเบาหวาน
- ยาละลายลิ่มเลือด (Aspirin)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin)
- ยาลดไขมันกลุ่มสแตติน (Statin) และไนอะซิน (Niacin)
หมายเหตุ : ผู้ที่ใช้ยาประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินซี
เคล็ดลับการรับประทานวิตามินซีให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
- การรับประทานวิตามินซีพร้อมมื้ออาหารหรือทันทีหลังมื้ออาหารจะช่วยลดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
- แนะนำให้รับประทานวิตามินซีในปริมาณครั้งละ 500 มิลลิกรัม เนื่องจากร่างกายจะขับส่วนที่เกินออกไป หากรับประทานในปริมาณมาก ร่างกายจะดูดซึมไปใช้ได้เพียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
- หากต้องการรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ควรรับประทานเพียงวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปจนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
- สำหรับวิตามินซีแบบเม็ดฟู่ ควรรอจนกว่าเม็ดจะละลายในน้ำจนฟองหมดก่อนรับประทาน แต่บางคนอาจมีอาการแน่นท้องจากแก๊สหลังรับประทาน จึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ดขนาดใหญ่
- การเลือกรับประทานวิตามินซีแบบเคี้ยว ควรเลือกชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ มิฉะนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุได้ โดยเฉพาะในเด็ก ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญและดูแลอย่างใกล้ชิด
- วิตามินซีประเภท Buffered, Sustained Release, Slow Release จะค่อยๆ ปล่อยวิตามินซีออกจากแคปซูลอย่างช้าๆ ทำให้ออกฤทธิ์ได้ยาวนาน และลดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
- ในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอหรือต้องเผชิญกับมลภาวะเป็นประจำ การรับประทานวิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
- การรับประทานผักและผลไม้ประมาณ 400 กรัมต่อมื้อ จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีจากธรรมชาติในปริมาณ 210-280 มิลลิกรัม ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและเทียบเท่ากับการรับประทานวิตามินซีเสริม

วิตามินซีมีประโยชน์อย่างไร?
- บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการรับประทานวิตามินซีช่วยให้ผิวขาว แต่จริงๆ แล้วประโยชน์หลักของวิตามินซีคือการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งมากกว่าการทำให้ผิวขาวอย่างที่เข้าใจกัน นอกจากนี้ วิตามินซียังเป็นอาหารเสริมที่นิยมใช้เพื่อลดริ้วรอยและบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยง่าย เป็นหวัดบ่อย หรือมีอาการภูมิแพ้ หากรับประทานวิตามินซีควบคู่กับการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ
- วิตามินซีช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ และลดการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ยากขึ้น

ควรเลือกซื้อวิตามินซียี่ห้อไหนดีในปี 2022-2023?
ปัจจุบัน วิตามินซี มีจำหน่ายในรูปแบบอาหารเสริมหลายประเภท เช่น วิตามินซีแบบเม็ดแคปซูล ที่หลายคนคุ้นเคย, วิตามินซีแบบอัดเม็ด, วิตามินซีแบบเม็ดฟู่ละลายน้ำ, วิตามินซีสด หรือแม้แต่วิตามินซีแบบฉีดที่ช่วยบำรุงและซ่อมแซมร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น (ห้ามซื้อมาฉีดเอง)
สำหรับการเลือกซื้อวิตามินซียี่ห้อใดดีนั้น ควรเลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและวางจำหน่ายในร้านค้าที่ได้รับการรับรอง พร้อมมีสลากแสดงความปลอดภัย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกซื้อ ควรปรึกษาเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้วิตามินซีที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
อ้างอิงข้อมูล : ศูนย์สื่อสารสาธารณะ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลกรุงเทพ