“กบกินเดือน: ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับจันทรคราสในประเพณีของชาวไทที่ถูกลืมไป” จากงานวิจัยของสุภาพร คงศิริรัตน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร บันทึกไว้ว่า “กบกินเดือน” หรือ “จันทรุปราคา” เป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวไท ก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นิทานและโครงเรื่องของนิทานนี้ไม่ได้แค่สะท้อนการพัฒนาความเชื่อของชาวไท แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ไทต่างๆ อีกด้วย
“จันทรุปราคา” หรือ “จันทราคราส” คือปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงาของโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ค่อยๆ หายไปทีละน้อยจนมองไม่เห็นเลย และในที่สุดจะปรากฏขึ้นมาใหม่ โดยมักจะเกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ...คนโบราณเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า...“ราหูอมจันทร์” หรือบางครั้งเรียกว่า...“กบกินเดือน”

นิทาน “กบกินเดือน” มาจากเรื่องของนารายณ์ในอวตารปางหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปางย่อยที่แทรกอยู่ในปางที่สองของ “กูรมาวตาร”...อวตารในรูปเต่า ซึ่งในเรื่องนี้เทวดากับอสูรต้องการความเป็นอมตะ จึงหยุดการต่อสู้ชั่วคราวและร่วมกันกวนเกษียรสมุทร โดยใช้ภูเขามันทระเป็นไม้พาย และพญานาคเศษะขนดพันรอบภูเขาแทนเชือก โดยเทวดาจับหาง และอสูรจับส่วนหัวของพญานาค
เมื่อกวนเกษียรสมุทรไปเรื่อยๆ ความร้อนเริ่มพุ่งขึ้น พระนารายณ์จึงเกรงว่าโลกจะทลายลง จึงอวตารเป็นเต่าเพื่อรองรับเขามันทระเอาไว้ เมื่อได้ “น้ำอมฤต” แล้ว เทวดาก็กลัวว่าอสูรจะดื่มและกลายเป็นอมตะ พระนารายณ์จึงอวตารเป็นเทพอัปสรสวยงามเพื่อลวงหลอกให้อสูรเคลิบเคลิ้ม ปล่อยให้เทวดาดื่มน้ำอมฤตแต่เพียงผู้เดียว
แต่...อสูร “สุรินทรราหู” ฉลาดและแปลงกายเป็นเทวดาแฝงตัวเข้าไปร่วมดื่มด้วย เมื่อพระอาทิตย์และพระจันทร์ทราบเรื่องจึงรีบไปบอกพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงขว้างจักราวุธเพื่อฟันราหูให้ขาดเป็นสองท่อน
ราหูไม่ตายเนื่องจากมีฤทธิ์จากน้ำอมฤต ทำให้ร่างส่วนบนกลายเป็น “ราหู” ส่วนร่างล่างกลายเป็น “พระเกตุ”

ความเชื่อเกี่ยวกับจันทรคราสมีสองแง่มุม...แง่บวก คือ เมื่อเกิดจันทรคราสหรือกบกินเดือน จะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจะทำการตีเกราะ เคาะไม้ จุดประทัด ฯลฯ เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่มารบกวน
ในขณะที่...แง่ลบ กล่าวว่า การเกิดคราสจะนำพาภัยพิบัติ โดยมีคำทำนายว่า...ถ้ากบกินเดือนในวันอาทิตย์ จะเกิดอุบาทว์แก่บ้านเมือง สัตว์สี่เท้าจะตาย...ถ้าเป็นวันจันทร์ จะเกิดความสูญเสียแก่ผู้คน...วันอังคาร ข้าวน้ำไร่นาจะเสียหาย...วันพุธ เกิดอุบาทว์ใหญ่ในสถานที่สำคัญ...วันพฤหัสบดี จะมีเคราะห์ภัยมากมายแก่บ้านเมือง...วันศุกร์ น้ำท่วม ไฟไหม้ ลมพายุแรง...วันเสาร์ น้ำท่วมใหญ่จะเกิดการกบฏและความเดือดร้อน
0 0 0 0
คัดลอกตัดตอนมาจาก “ภูมิปัญญาและความเชื่อจากปรากฏการณ์บนท้องฟ้า” โดย บุญพีร์ พันธ์วร Think Earth: Think Sky (www.narit.or.th) ในความเชื่อของชาวกะเหรี่ยงจากอำเภอแม่แจ่มเรียกว่า “ตาชื่อมื่อ” พวกเขาเชื่อว่าแผ่นดินจะกลืนกินพระอาทิตย์ ดังนั้นจึงต้องช่วยพระอาทิตย์ด้วยการตีเกราะ ตีกลอง หรือเป่าเขาควายเขาโคเพื่อขับไล่สิ่งนี้ออกไป นี่คือลักษณะของความเชื่อที่แตกต่างกันในแต่ละเผ่าพันธุ์
บางเผ่าในทวีปอเมริกาใต้ที่เคยต่อสู้กันมายาวนานได้หยุดการรบเมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้ เนื่องจากเชื่อว่าพระเจ้ากำลังโกรธ ในบางเผ่าที่เล็กกว่าก็มีการทำพิธีบูชายัญในช่วงเวลาเช่นนี้
ในประเทศจีน มีความเชื่อเรื่องการเกิดสุริยุปราคาในพงศาวดาร “ไคเภ็ค” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างโลกของจีน พงศาวดารนี้กล่าวถึงพระอาทิตย์ (เพศชาย) เป็นเทวดาชื่อคัย แซ่ซึง และพระจันทร์ (เพศหญิง) เป็นเทพธิดาชื่อบี้ แซ่ถัง พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่มีความรักต่อกันมากจนไม่อยากแยกจากกัน
เนื่องจากไม่ยอมแยกจากกัน พระอาทิตย์และพระจันทร์จึงไม่สามารถทำหน้าที่ให้แสงสว่างแก่มนุษย์ได้ แต่พวกเขาต้องเกรงกลัวบารมีของคุณต่อเป็งชาน้าติอ่องสีฮ่องเต้ จึงต้องแยกไปทำหน้าที่ในเวลาที่ต่างกัน เมื่อพระอาทิตย์โคจรเร็วและพบกับพระจันทร์ก็เกิดการออดอ้อนกันจนเกิดจันทราคราส
แต่...ถ้าพระจันทร์โคจรเร็วเกินไปจนทับพระอาทิตย์ ก็จะทำให้เกิดสุริยาคราส ชาวจีนจึงใช้การจุดประทัดและตีม้าหรือตีฬ่อเพื่อทำให้เกิดเสียงดังเพื่อทำให้ม้าตกใจและแยกจากกันไปทำหน้าที่ตามที่ต้องการ
อีกความเชื่อหนึ่งในจีนเกี่ยวกับการเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา คือเชื่อว่ามังกรกำลังกลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เมื่อเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว จึงต้องทำให้เกิดเสียงดังเพื่อให้มังกรคลายความตึงเครียดออกมา
0 0 0 0
ในตำนานทางโหราศาสตร์ “ราหู” เป็นดาวที่ให้พลังเมื่อเกิดปรากฏการณ์ราหูอมจันทร์ หรือเมื่อเงาของโลกไปบังดวงจันทร์ทำให้มันมืด การเกิดราหูอมจันทร์จะช่วยเสริมสร้างพลังภายในและผลักดันให้เกิดความเพียรพยายาม ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความหลงใหลหรือมัวเมาในบางครั้ง
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีราหูกุมลัคนาจะเป็นคนที่ขยันมาก หมายถึงเป็นคนที่ตั้งใจทำงานและมีความเอาจริงเอาจังในการทำสิ่งต่างๆ

สามารถกล่าวได้ว่าตำนานการสร้าง “พระราหูอมจันทร์” มิได้เกิดจากการคำนวณทางโหราศาสตร์ แต่เกิดจากสิ่งเดียวคือ “ความเป็นอมตะและไม่รู้จักตายของพระราหู” ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใคร
ความเชื่อนี้เป็นมรดกจากบรรพชนโบราณที่ใช้โฉลกนี้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดทางพิธีกรรม เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ช่วยปกป้องและทำให้ชีวิตมีความเป็นอมตะ รอดพ้นจากอันตรายต่างๆ ที่เข้ามา
นอกจากนี้ พระราหูยังมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ตามที่ได้กล่าวในหลายๆ ตำราซึ่งมีความเชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งในศาสนาพุทธ ฮินดู ไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์

มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า...อานุภาพแห่ง “พระราหู” นั้นมีมาอย่างยาวนานและมีความศักดิ์สิทธิ์จริง
ตามที่ อาจารย์บุญส่ง สุขสำราญ ได้สรุปเกี่ยวกับอานุภาพของพระราหูไว้อย่างชัดเจน ได้แก่ หนึ่ง...ใช้ในการป้องกันอาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ หน้าไม้ ปืน รวมถึงภัยพิบัติต่างๆ สอง...ช่วยเพิ่มลาภผลและทรัพย์สิน เช่น แหวนเงินทอง สาม...ป้องกันคุณไสยและการกระทำชั่วร้าย เช่น เสน่ห์ ผีปอบ ผีป่า สี่...ช่วยให้ผู้คนที่พบเห็นมีความเมตตาและรักใคร่
ห้า...เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตในเรื่องการงาน และโอกาสดีๆ ที่จะมาถึง
“ศรัทธา”...อาจนำพาปาฏิหาริย์มาสู่ชีวิต เชื่อหรือไม่เชื่อก็ขอให้ระลึกว่าอย่าทำการลบหลู่
รัก–ยม