“รอยพระพุทธบาท” หมายถึง “รอยเท้าของพระพุทธเจ้า” ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณ ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าก่อนที่การสร้างพระพุทธรูปจะเกิดขึ้น
เมื่อการสร้างพระพุทธรูปเริ่มขึ้น...รอยพระพุทธบาทกลายเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหมายถึงสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จถึง ตามความเชื่อในกฎแห่งกรรม บุญบาปมีจริง จึงต้องหลีกเลี่ยงการกระทำชั่ว การบูชารอยพระพุทธบาทจึงถือเป็นการเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับรอยไว้

เรื่องราวอีกด้านที่น่าสนใจคือ...รอยพระพุทธบาทที่ถูกอ้างว่าเป็นรอยที่พระพุทธองค์ได้ประทับไว้เองใน 5 แห่ง ได้แก่ ที่เขาสุวรรณมาลิก, เขาสุวรรณบรรพต, เขาสุมนกูฏ, เมืองโยนกบุรี และที่หาดทรายในลำน้ำนัมทานที
ในจังหวัดลำพูน...มีตำนานเกี่ยวกับ “วัดพระพุทธบาทตากผ้า” ที่เล่าว่า “พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่วัดแห่งนี้ และได้ให้พระอานนท์นำจีวรไปซักที่แม่น้ำ ต่อมาพื้นที่นั้นได้รับการขนานนามว่า...วังซักครัว (ซักผ้า) จนถึงปัจจุบัน พระอานนท์ได้นำผ้าไปตากที่ลานหิน ซึ่งยังคงเห็นรอยตากผ้าอยู่จนทุกวันนี้”

เมื่อพระองค์ทรงประทับรอยพระบาทไว้แล้ว ทรงตรัสพยากรณ์ว่า “ดูกรอานนท์ สถานที่แห่งนี้จะได้รับชื่อว่า พระพุทธบาทตากผ้า”
O O O
“การวิเคราะห์ความเชื่อและการบูชาเกี่ยวกับ รอยพระพุทธบาทของชาวพุทธล้านนา” โดย โสภณ จาเลิศ (วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์) กล่าวไว้ว่า ความเชื่อเรื่องนี้มีสองกลุ่ม...กลุ่มแรกเชื่อว่า “รอยพระพุทธบาท” นั้นมีทั้งรอยที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาประทับไว้เอง และรอยที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนกลุ่มที่สอง...เชื่อว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
ประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับความเชื่อและการบูชาก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มเช่นกัน กลุ่มแรกเชื่อว่า การสักการะบูชารอยพระพุทธบาทจะช่วยไม่ให้ตกไปสู่อบายภูมิหลังจากตาย ส่วนกลุ่มที่สองเชื่อว่า การไปสู่อบายภูมิหรือสุคติภูมิขึ้นอยู่กับสภาพจิตในช่วงสุดท้ายของชีวิต
“หากจิตยึดมั่นอยู่กับสิ่งที่เป็นกุศล เมื่อจิตดับไปก็มีโอกาสไปสู่สุคติภูมิ”

ดังนั้น ผู้ที่สักการะกราบไหว้บูชารอยพระพุทธบาทอยู่เสมอ เมื่อใกล้เวลาที่จะเสียชีวิต จิตของผู้บูชาจะหวนระลึกถึงสิ่งที่เป็นกุศล ทำให้ไม่ตกไปสู่อบายภูมิ ตรงกันข้าม หากจิตยึดมั่นในสิ่งที่เป็นอกุศล ก็อาจทำให้ตกไปสู่อบายภูมิได้
ในความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาทของชาวพุทธล้านนา ความเชื่อยังคงแยกออกเป็นสองกลุ่มตามศรัทธาเชื่อมโยงกับข้อก่อนหน้า... โดยการบูชารอยพระพุทธบาทนั้นจะต้องมีการคำนึงถึงความสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ กล่าวคือ ต้องชำระร่างกายให้สะอาด รักษาศีล 5 หรือศีล 8 ให้บริสุทธิ์ก่อนการบูชา
นอกจากนี้ ยังต้องถอดหมวก ถอดรองเท้า และสุภาพสตรีห้ามเข้าในพื้นที่ที่มีข้อห้าม... การบูชาปกติจะทำด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ปิดทอง แต่การบูชาประจำปีจะใช้น้ำขมิ้นส้มป่อย และบางแห่งจะใช้น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำสรงพระราชทานในการสรงน้ำพระพุทธบาทในพิธีประจำปีสำหรับผู้เป็นประธานพิธี
ประชาชนทั่วไปจะใช้น้ำขมิ้นส้มป่อยธรรมดา ...ไม่คายชานหมาก ขากเสลด หรือถ่มน้ำลายบริเวณรอยพระพุทธบาท ตามความเชื่อของชาวล้านนา ว่า “ส้มป่อย” เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปจากชีวิต

คำว่า “ป่อย” หมายถึงการปลดปล่อยสิ่งจัญไรและอัปมงคลออกไปจากชีวิต
ยืนยันความเชื่อเกี่ยวกับอานิสงส์ของการบูชารอยพระพุทธบาทในช่วงเวลาที่มีชีวิต ชาวพุทธล้านนาเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสุขสงบในครอบครัว ปราศจากโรคภัย ภัยอันตราย และความก้าวหน้าในชีวิตการงาน รวมถึงฝนตกต้องตามฤดูกาล
นับเป็นความเชื่อที่มีค่า ที่บรรพบุรุษของไทยล้านนาได้ปลูกฝังและส่งต่อไปยังรุ่นหลังอย่างมีความหมาย
O O O
ความศรัทธาเกี่ยวกับ “รอยพระพุทธบาท” ...มีมากมาย จนกล่าวได้ว่า ผู้ที่ได้กราบสักการะรอยพระพุทธบาท ก็เหมือนได้กราบสักการะพระพุทธเจ้าผู้มีพระภาคเอง
“รอยพระพุทธบาทจำลองสี่รอย” วัดขนอนใต้ ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งจุดแห่งศรัทธาสำคัญ บันทึกไว้ว่าพระอาจารย์ผู้คิดค้นและนำทางไปจำลองรอยพระพุทธบาทจากเชียงใหม่ การเดินทางเส้นทางนี้ผ่านจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี...อำเภอโกรกพระ และปากน้ำโพ

จังหวัดนครสวรรค์...กำแพงเพชร อำเภอเถิน จังหวัดตาก ตัดผ่านป่าดงเข้าเชียงใหม่ เมื่อถึงสถานที่ที่เดิมเคยเรียกกันว่าเมืองกะเขตพระบาท...รอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่บนเขา ซึ่งได้มีการจำลองรอยโดยใช้หมึกทาที่ผ้าขาว ทับทมรอยรายละเอียดของพระบาทที่ประทับบนภูเขา เมื่อกิจการเสร็จสิ้นแล้ว จึงเดินทางกลับผ่านจังหวัดลำพูน ลำปาง แพร่ อำเภอลับแล...
จังหวัดอุตรดิตถ์ เดินทางผ่านป่าดงมาถึงอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย...ที่นี่มีผู้มีจิตศรัทธานำเรือห้าลำมาถวาย เดินทางกลับทางลำน้ำ ผ่านปากน้ำโพ ล่องมาตามลำน้ำเจ้าพระยา จนกลับถึงวัดขนอนใต้โดยปลอดภัย
ขณะที่ผ่านเมืองลับแล พระอาจารย์ได้บอกถึงนิมิตว่า...มีผู้มาขอร้องว่าหากจะสร้างรอยพระบาทจำลองให้บอกด้วย จะเดินทางมาร่วมสร้าง จึงรับคำไว้ ครั้งแรกในขณะเททองหล่อ ทองที่เทออกเกิดหกตกลงพื้นแล้วบินขึ้นไป ผู้คนแตกตื่นตกใจ...หลังจากนั้น 5 วัน ดินที่พอกหุ่นออกปรากฏว่า...รอยที่พบขาดเป็นชิ้นๆ ไม่สามารถต่อเนื่องกันได้
พระอาจารย์จึงหวนตรองถึงเหตุการณ์ดังกล่าว นึกถึงว่าอาจไม่ได้บอกกล่าวชาวเมืองลับแลตามที่ได้กล่าวไว้ จึงตัดสินใจดำเนินการหล่อรอยพระพุทธบาทครั้งที่สอง ในครั้งนี้ ขณะเททองหล่อ ได้มีผู้หญิงกลุ่มใหญ่แต่งกายชุดไทยสวยงาม และมีเครื่องประดับจำนวนมาก มาจากไหนไม่มีใครทราบ

เมื่อมาถึงบริเวณพิธี ผู้หญิงกลุ่มนี้ได้ปลดสร้อยทองคำ กำไลข้อมือ เครื่องประดับมีค่าทั้งหมดใส่ลงไปในเบ้าหลอมแล้วเดินออกไปทางหลังวัดโดยไม่พูดอะไรกับใคร เมื่อให้คนไปตามหาก็ไม่พบ ทำให้เกิดความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
จึงมีความเชื่อว่า...มาจากเมืองลับแล เพื่อนำเครื่องทองมาร่วมในพิธีหล่อรอยพระพุทธบาท
“ศรัทธา”...อาจเป็นปาฏิหาริย์ได้หรือไม่? เชื่อหรือไม่เชื่อ โปรดอย่าลบหลู่.
รัก-ยม