ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ คือนักสร้างตำนานแห่งยุค ที่ไม่ว่าจะจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด ทั้งในฐานะศิลปินผิวสีจากอเมริกา ผู้มีพรสวรรค์หลากหลาย ด้านโปรดิวเซอร์, นักร้อง, แร็ปเปอร์, นักแต่งเพลง, นักธุรกิจ และนักสเกตบอร์ด นอกจากนี้เขายังเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีอิทธิพลสูงในวงการแฟชั่น ด้วยการร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย และล่าสุดยังรับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์เสื้อผ้าผู้ชายของ “หลุยส์ วิตตอง” เพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ของ “เวอร์จิล อาโบลห์” ที่จากไป
เหตุใด “ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์” จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเท่สำหรับคนรุ่นใหม่? เพราะเขาคือแหล่งพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่ผสมผสานดนตรี, แฟชั่น และการออกแบบเพื่อสร้างสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร การที่เขาก้าวขึ้นเป็นไอคอนแห่งยุคและได้รับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์เสื้อผ้าผู้ชายของ “หลุยส์ วิตตอง” ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขามาพร้อมรสนิยมด้านการออกแบบที่สดใหม่, สไตล์ที่เท่ไม่ต้องพยายาม และความเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อนำมาผสมผสานเป็นหนึ่งเดียว
ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ เคยกล่าวว่า การแต่งตัวที่ดีคือการที่เรารู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองเมื่อสวมใส่ ถ้าเรารู้สึกว่าใช่ สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นสไตล์แฟชั่นของเราเอง

ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ เกิดที่เวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนียในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง พ่อเป็นช่างซ่อมบำรุง และแม่เป็นครู เขาเป็นพี่คนโตในบรรดาพี่น้องชาย 3 คน เขาได้พบกับแชด ฮิวโก้ เพื่อนร่วมวงการดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนเกรด 7 และเริ่มเล่นกลองเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก ทั้งคู่เข้าเรียนที่โรงเรียนพรินเซสแอนน์ไฮสกูล และร่วมกันอยู่ในวงดนตรีของโรงเรียน ต่อมาเขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นหลังเรียนได้ 2 ปี เพื่อมุ่งตามความฝันในสายดนตรี
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ได้ตั้งวงฮิปฮอปร่วมกับแชด ฮิวโก้ และเพื่อนๆ ก่อนจะปรับแนวมาเป็นวง R&B 4 ชิ้นในชื่อ “Neptunes” ซึ่งช่วยให้พวกเขาเซ็นสัญญากับโปรดิวเซอร์ชื่อดัง “เท็ดดี้ ไรลีย์” และได้อยู่เบื้องหลังการผลิตเพลงฮิตให้กับศิลปินมากมาย เช่น บริทนีย์ สเปียร์ส, จัสติน ทิมเบอร์เลก, Jay-Z, Snoop Dogg, เกวน สเตฟานี และแม้แต่สองเจ้าหญิงแห่งวงการอย่าง “มาดอนนา” และ “ชากีร่า” ก็เคยร่วมงานกับวง “Neptunes” และโปรดิวเซอร์สุดเทพนี้

หลังจากปลุกปั้นศิลปินแห่งยุคมากมาย วิลเลียมส์ยังไม่หยุดสร้างสรรค์ผลงาน เขาแบ่งเวลาไปทำอัลบั้มกับเพื่อนๆในวง “N.E.R.D.” และปล่อยอัลบั้มโซโลของตัวเอง 2 ชุด ได้แก่ “In My Mind” ในปี 2006 และ “Girl” ในปี 2014 นอกจากนี้ยังแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์หลายเรื่อง และสร้างชื่อเสียงในฐานะโปรดิวเซอร์มือทองที่ได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงการสร้างเพลงฮิตอย่าง “Happy” ซึ่งยังคงเป็นเพลงที่แฟนๆรักมาตลอดจนถึงวันนี้

ในระยะเวลาหลายทศวรรษที่เขาผ่านมาทั้งในวงการดนตรีและสังคม “ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์” ถือเป็นศิลปินผู้มีจิตใจดีและมุ่งมั่นสร้างความสุขให้กับโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง, สิทธิเสรีภาพ, สิ่งแวดล้อม, การศึกษา หรือการช่วยเหลือเด็กๆ เขาก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชื่อ “From One Hand To AnOTHER Inc.” (FOHTA) ในปี 2009 เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส ผ่านโครงการซัมเมอร์แคมป์ STEAMM (Science, Technology, Engineering, Arts, Mathematics และ Motivation) เขายังร่วมมือกับองค์กรการกุศลต่างๆในการหาทุนช่วยเหลือเด็กๆ รวมถึงการจัดโปรแกรม “A-List” เพื่อช่วยเด็กๆที่จบมัธยมปลายได้ฝึกงานในองค์กรต่างๆ และเปิดโอกาสในสายงานที่พวกเขาสนใจ

ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์กลายเป็นแฟชั่นไอคอนในช่วงต้นทศวรรษ 2000s โดยเขาคือผู้สร้างสไตล์การแต่งตัวที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างฮิปฮอปและความเก๋ของวัยรุ่นสเกตเตอร์ ผ่านการนำแรงบันดาลใจจากฮาราจูกุในญี่ปุ่นมาผสมกับสไตล์ดิบๆของฮิปฮอป ทำให้เขากลายเป็นต้นแบบที่สำคัญสำหรับศิลปินฮิปฮอปยุคใหม่ และสร้างความสดใหม่ในการแต่งตัวให้กับวงการแฟชั่นฮิปฮอป

จุดสูงสุดของการร่วมงานแฟชั่นของเขาคือเมื่อได้ร่วมงานกับคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ จาก CHANEL โดยฟาร์เรลล์กลายเป็นนายแบบชายคนแรกในโฆษณากระเป๋าถือรุ่น “Gabrielle CHANEL” ซึ่งเป็นไอเท็มระดับตำนานของสุภาพสตรี เขายังได้ร่วมเดินแบบบนรันเวย์ของ CHANEL และออกแบบคอลเลกชัน “Unisex” ในปี 2019 ซึ่งได้ทลายกรอบทางเพศและให้ความอิสระในการแต่งตัวอย่างไม่มีขีดจำกัด สร้างแนวทางใหม่ของแฟชั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน

ตั้งแต่ตอนนั้น ชื่อเสียงของวิลเลียมส์ในวงการแฟชั่นก็ได้รับความนิยมอย่างสูง จนมีหลายแบรนด์ดังยื่นมือมาเชิญให้ร่วมงาน ทั้งการออกแบบรองเท้าหลายรุ่นร่วมกับ Adidas, การเปิดตัวน้ำหอมสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชายกับ Comme des Garçons, การสร้างสรรค์แว่นตาร่วมกับ MONCLER, รวมถึงการจับมือกับ “หลุยส์ วิตตอง” ออกแบบคอลเลกชันแว่นตาและเครื่องประดับ อีกทั้งยังได้รับบทบาทใหม่ในการเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของเสื้อผ้าผู้ชายที่หลุยส์ วิตตอง ช่วยพลิกโฉมวงการสตรีทแฟชั่นของศิลปินฮิปฮอป ด้วยการผสมผสานความหรูหราเข้ากับสตรีทแวร์และสปอร์ตแวร์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ต้องยกให้เขาเป็นไอคอนแห่งยุคที่มีพรสวรรค์อย่างครบเครื่อง ที่หาคนไหนมาทดแทนได้ยากเลยจริงๆ!
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์Mytour
