
ปวดท้องกลางบ่อย ๆ อย่ามองข้าม! อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด หรือท้องเสีย มาดูกันว่าอาการปวดท้องตรงกลางนี้อาจเกี่ยวข้องกับโรคอะไรบ้าง
อาการปวดท้องตรงกลางอาจสัมพันธ์กับโรคต่อไปนี้
1.โรคกระเพาะอาหาร
หากคุณมีอาการปวดท้องแบบจุก แน่น หรือแสบบริเวณเหนือสะดือ หรืออาการปวดท้องตรงกลางแบบเฉียบพลัน รวมถึงอาการปวดท้องที่เป็น ๆ หาย ๆ โดยเฉพาะในช่วงท้องว่างหรือหลังจากรับประทานอาหาร อาจเป็นสัญญาณของโรคกระเพาะอาหาร การมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาที่ถูกต้อง
2.โรคกรดไหลย้อน
นอกจากอาการโรคกระเพาะแล้ว อาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่อาจบ่งบอกถึงโรคกรดไหลย้อนด้วย หลายคนอาจจะสับสนระหว่างทั้งสองโรค เนื่องจากอาการปวดท้องที่ค่อนข้างคล้ายกัน แต่หากเป็นกรดไหลย้อนมักจะมีอาการแสบร้อนกลางอกตามมา และมักเกิดขึ้นไม่นานหลังจากรับประทานอาหาร
3.นิ่วในถุงน้ำดี
นอกจากโรคกระเพาะและกรดไหลย้อนแล้ว ปัญหาที่เกิดกับถุงน้ำดีเองก็อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องบริเวณเหนือสะดือหรือใต้ลิ้นปี่ได้ โดยเฉพาะโรคนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งมักทำให้เกิดอาการปวดท้องแบบจุกเสียด แน่นท้อง และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
4.ลำไส้อักเสบ
อาการปวดท้องรอบสะดือที่เป็น ๆ หาย ๆ อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติที่ลำไส้เล็ก และหากมีอาการท้องเดินร่วมกับปวดบิด อาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่ลำไส้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา
5.ไส้ติ่ง
หลายคนเข้าใจผิดว่าอาการปวดท้องจากไส้ติ่งจะต้องปวดที่ข้างขวาท้องน้อยเสมอ แต่จริง ๆ แล้วอาการเริ่มต้นของโรคไส้ติ่งอักเสบมักจะเริ่มจากการปวดท้องรอบสะดือ คล้าย ๆ กับอาการปวดท้องเสียทั่วไป และอาจมีอาการปวดบิด ๆ อยู่บ้าง หลังจากนั้นอาการปวดจะค่อย ๆ เลื่อนลงไปที่ขวาล่างและทวีความรุนแรงขึ้นจนทนไม่ไหว หากมีอาการเช่นนี้ควรไปพบแพทย์ทันที
6.โรคตับอ่อนอักเสบ
อาการปวดท้องที่กลางท้องทางด้านซ้ายอาจบ่งบอกถึงปัญหาของอวัยวะในช่องท้องหลายอย่าง เช่น ตับอ่อน ม้าม หรือแม้แต่ลำไส้ โดยเฉพาะโรคตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมักทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการปวดร้าวไปยังหลังได้ ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรเฝ้าระวังอาการเหล่านี้ หากพบอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที
7.กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หากรู้สึกปวดท้องเหนือหัวหน่าวแบบหน่วง ๆ อาจเป็นสัญญาณของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นอกจากความรู้สึกปวดแล้ว อาการอื่น ๆ ที่อาจบ่งบอกว่าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่ ปัสสาวะไม่สุด ปวดขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะไม่ออกเลย
ปวดท้องตรงกลาง ดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างไร
อาการปวดท้องตรงกลางที่รู้สึกจุกเสียด เป็นปัญหาที่หลายคนคุ้นเคย การแก้ไขอาการปวดท้องชนิดนี้จะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม มีวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ดังนี้
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
- ทานอาหารทีละน้อยแต่บ่อยขึ้น: การทานอาหารมื้อใหญ่ ๆ ที่หนักอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักเกินไป ลองแบ่งมื้ออาหารให้เป็นมื้อเล็ก ๆ และทานหลาย ๆ มื้อแทน
- เพิ่มผักและผลไม้: อาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และลดอาการท้องผูก
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและมันเยิ้ม: อาหารเหล่านี้จะกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ทำให้อาการปวดท้องอาจแย่ลง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก และช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ และยังช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องได้
3. ใช้ยา หากอาการปวดท้องยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาที่เหมาะสม เช่น ยาลดกรด ยาแก้ปวด หรือยาอื่น ๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ต้องใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด