
รอยจีบ (Pleats) เป็นลวดลายที่มีเอกลักษณ์และประวัติยาวนาน โดยมีต้นกำเนิดจากอียิปต์ และได้วิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ความสวยงามของจีบที่เกิดขึ้นในกระโปรงหรือชุดเดรสหรูอาจทำให้หลายคนสงสัยว่าจะดูแลรักษาให้คงความคมชัดของจีบได้อย่างไร แม้ว่าจะซัก รีด หรือเก็บรักษาได้หลายรูปแบบ แต่ยังคงต้องการวิธีที่ถูกต้องเพื่อรักษารอยจีบให้อยู่ในสภาพดี
เคล็ดลับการดูแลเสื้อผ้าที่มีรอยจีบให้คงความสวยงามตามประเภทของจีบ
เสื้อผ้าที่มีรอยจีบ (Pleated clothes) นั้นมีความสวยงามและเด่นชัด แต่การดูแลรักษาจะต้องแตกต่างกันไปตามประเภทของรอยจีบ ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. รอยจีบที่เย็บ (Stitched pleats)
รอยจีบเย็บเป็นรูปแบบที่นิยมมาก ใช้การเย็บรอยจีบด้วยจักรเย็บผ้าเพื่อสร้างลวดลาย วิธีดูแลรักษา สามารถซักด้วยมือหรือซักเครื่องได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อผ้า การรีดควรทำขณะผ้ายังชื้น และควรรีดตามแนวจีบเพื่อรักษาความคมชัดของจีบให้เหมือนเดิม
2. รอยจีบรีดร้อน (Heat-pressed pleats)
รอยจีบประเภทนี้ใช้กระบวนการความร้อนและแรงกดในการสร้างลวดลายบนผ้า เหมาะสำหรับผ้าโพลีเอสเตอร์ ข้อควรระวังคือรอยจีบประเภทนี้จะไม่คงทนถาวรเมื่อใช้กับผ้าธรรมชาติ วิธีดูแลรักษาคือการซักแห้งเท่านั้น และไม่ควรรีดทับรอยจีบโดยตรง
3. รอยจีบเคมี (Chemical pleats)
สำหรับผ้าธรรมชาติ การสร้างรอยจีบจะใช้สารเคมีร่วมกับความร้อนและแรงกด เพื่อให้รอยจีบคงอยู่ วิธีดูแลรักษาคือการซักแห้งเท่านั้น และไม่แนะนำให้รีดทับรอยจีบโดยตรง
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการดูแลเสื้อผ้าจีบ
- ตรวจสอบป้ายดูแลรักษา ซึ่งมักจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับการซักและการรีดที่เหมาะสม
- กรณีผ้าที่มีจีบราคาแพง ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการซักรีด
- ใช้น้ำส้มสายชู การผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าแล้วแช่ผ้าที่มีจีบก่อนซัก สามารถช่วยให้จีบคมชัดขึ้นได้
การซักกระโปรงอัดจีบ
แม้จะมีรอยจีบหลายประเภท แต่คุณก็ยังสามารถซักเสื้อผ้าเหล่านั้นได้เองทั้งการซักด้วยมือหรือเครื่องซักผ้า อย่าลืมตรวจสอบป้ายดูแลรักษาเพื่อดูคำแนะนำพิเศษสำหรับการดูแลผ้าชิ้นนั้นๆ
เสื้อผ้าที่มีรอยจีบมักจะมีข้อความเตือนบนป้ายเช่น "ซักแห้งเท่านั้น" ซึ่งการตัดสินใจจะเป็นของคุณ แม้จะสามารถซักได้เองที่บ้าน แต่ผลลัพธ์อาจจะไม่เหมือนกับการซักแห้ง ข้อดีของการซักเองที่บ้านคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย สะดวก รวดเร็ว และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 1: การซักในเครื่องซักผ้า
- ใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องซักผ้า
- เลือกโปรแกรมซักน้ำเย็นที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส พร้อมตั้งรอบปั่นที่เบาที่สุด
- หลีกเลี่ยงการตั้งรอบปั่นที่แรงเกินไป เพราะอาจทำให้รอยจีบเสียหาย ควรเลือกโปรแกรมที่อ่อนโยนที่สุด
ขั้นตอนที่ 2: การเลือกน้ำยาซักผ้า
- เลือกใช้น้ำยาซักผ้าที่มีสูตรอ่อนโยน โดยเฉพาะสำหรับเสื้อผ้าที่มีรอยจีบประเภทเคมี
- น้ำยาซักผ้าที่ใช้กับผ้าไหมหรือผ้าละเอียดจะช่วยถนอมเนื้อผ้าได้ดี เนื่องจากมีค่า pH เป็นกลาง ทำความสะอาดและรักษาผ้าแม้ในน้ำเย็น
ขั้นตอนที่ 3: การซักมือ (เหมาะสำหรับเสื้อผ้าที่มีรอยจีบละเอียด)
- เติมน้ำเย็นลงในกะละมัง
- ผสมน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนในปริมาณเล็กน้อย
- ใส่เสื้อผ้าลงไปและคลึงเบาๆ เพื่อให้น้ำยาซักผ้ากระจายทั่วถึง
- ล้างด้วยน้ำเปล่าหลายครั้งจนกว่าน้ำจะใสสะอาด
ขั้นตอนที่ 4: การตากเสื้อผ้า
ตากให้แห้งสนิทเท่านั้น! แม้จะสามารถซักในเครื่องได้ แต่ห้ามใช้เครื่องอบแห้งสำหรับเสื้อผ้าที่มีรอยจีบโดยเด็ดขาด
- แขวนเสื้อผ้าที่มีรอยจีบไว้บนไม้แขวนและตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- แขวนเสื้อผ้าในลักษณะเดียวกับที่สวมใส่เพื่อให้รอยจีบกลับเข้ารูปทรงเดิมตามธรรมชาติ
เคล็ดลับการดูแลเสื้อผ้าจีบและการคืนรูปรอยจีบ
เสน่ห์ของเสื้อผ้าที่มีรอยจีบอยู่ที่รอยพับที่คมชัด แต่เมื่อใช้ไปนานๆ รอยจีบอาจคลายตัวได้ นี่คือวิธีคืนรูปรอยจีบให้กลับมาดูดีเหมือนเดิม
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมตัว
- วางเสื้อผ้าลงบนโต๊ะรีดผ้า
- จัดระเบียบรอยจีบให้เรียบร้อย
- ใช้คลิปหนีบกระดาษหนีบตามแนวรอยจีบ ข้อควรระวัง ห้ามรีดทับคลิปหนีบกระดาษขณะรีดผ้า
ขั้นตอนที่ 2: การรีดผ้า
- ตั้งเครื่องรีดผ้าให้พร้อม ใช้ไอน้ำ และตั้งอุณหภูมิให้สูงสุด
- เริ่มรีดจากขอบเอว โดยกดเตารีดลงบนรอยจีบและพ่นไอน้ำ ค้างไว้ 5 วินาที ก่อนยกขึ้น
- เลื่อนลงไปทีละรอยจีบ กดรีด พ่นไอน้ำ ค้างไว้ 5 วินาที แล้วยกขึ้น ทำซ้ำจนทั่วทั้งชุด
- เคล็ดลับคือเมื่อรีดใกล้คลิปหนีบกระดาษให้เลื่อนคลิปขึ้นหรือลง ห้ามรีดทับคลิปหนีบกระดาษ
- ทำเช่นนี้ไปจนทั่วทั้งชุด
ขั้นตอนที่ 3: การแขวนเสื้อผ้า
- เมื่อรีดเสร็จแล้ว ให้แขวนเสื้อผ้าบนไม้แขวนทันที
- เมื่อผ้าเย็นลง ให้แขวนเก็บในตู้เสื้อผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยยับ
เทคนิคเพิ่มเติม
- ใช้ผงน้ำยาปรับผ้าสูตรอยู่ทรงผสมในน้ำสุดท้ายขณะซักผ้า จะช่วยให้รอยจีบคงรูปได้ดีขึ้น
- ฉีดสเปรย์รีดผ้าบริเวณรอยจีบก่อนรีด จะทำให้รีดง่ายและรอยจีบคมชัดขึ้น