
หลายคนมักได้รับคำแนะนำให้ถอดปลั๊กตู้เย็นและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว แต่เมื่อลองคิดให้ถี่ถ้วน การตัดสินใจนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ค่าใช้จ่ายในการถอดปลั๊กตู้เย็นก่อนการเดินทาง
การถอดปลั๊กตู้เย็นก่อนออกเดินทางเป็นคำแนะนำที่หลายคนเชื่อว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า แต่ความยุ่งยากในการนำอาหารออกและปล่อยน้ำแข็งละลายกลับอาจทำให้คุณไม่ประหยัดมากเท่าที่คิด
ตามข้อมูลจากบริษัท City Water, Light, and Power Company ในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ การเปิดตู้เย็นให้ทำงานตลอดทั้งเดือนนั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 7-18 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่น้อยมากเมื่อเทียบกับความยุ่งยากในการถอดปลั๊ก
เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้น กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of Energy) ได้พัฒนาเครื่องมือในการคำนวณการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างละเอียด โดยมี “เครื่องคิดเลขการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” (Appliance and Electronic Energy Use Calculator) ที่สามารถประเมินการใช้พลังงานในแต่ละปีและค่าใช้จ่ายสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท
การเข้าใจการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ว่าควรจะถอดปลั๊กตู้เย็นก่อนออกไปเที่ยวระยะยาวหรือไม่
ระยะเวลาที่คุณไม่อยู่บ้าน
ระยะเวลาที่คุณไม่อยู่บ้านถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจว่าเราควรถอดปลั๊กตู้เย็นหรือไม่
สำหรับการท่องเที่ยวระยะสั้น:
- ค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการเปิดตู้เย็นนั้นมีมูลค่าค่อนข้างต่ำ
- การถอดปลั๊กอาจจะไม่คุ้มค่ากับความยุ่งยากในการนำอาหารออกจากตู้เย็น การปล่อยน้ำแข็งให้ละลาย และการถอดปลั๊กออกจากเต้าเสียบไฟฟ้า
สำหรับการไปเที่ยวระยะยาว:
- การถอดปลั๊กตู้เย็นสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้
- คุณต้องมั่นใจว่ามีวิธีการจัดการกับอาหารในตู้เย็นอย่างเหมาะสมก่อนที่จะถอดปลั๊ก
โดยทั่วไปแล้ว:
- ไม่อยู่บ้าน 1-2 วัน: ไม่จำเป็นต้องถอดปลั๊ก
- ไม่อยู่บ้าน 2-3 วัน: ปรับอุณหภูมิของตู้เย็นให้สูงขึ้นเล็กน้อยและปิดช่องแช่แข็ง
- ไม่อยู่บ้าน 4 วันขึ้นไป: ควรถอดปลั๊กตู้เย็น
ของในตู้เย็น
ประเภทของอาหารในตู้เย็นเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าเราควรจะเปิดตู้เย็นหรือไม่ หากตู้เย็นของคุณมีอาหารสด เช่น เนื้อสัตว์แช่แข็ง หรือผักสด ควรเปิดตู้เย็นเพื่อรักษาความสด แต่ถ้าในตู้เย็นมีของที่ไม่เน่าเสียง่าย เช่น ซอสหรือแยม คุณสามารถถอดปลั๊กตู้เย็นได้ หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับความเสียหายของอาหาร เมื่อคุณกลับมา ควรเปิดตู้เย็นไว้เพื่อความปลอดภัย
พื้นฐานด้านความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก สำนักงานบริหารจัดการอัคคีภัยสหรัฐฯ (U.S. Fire Administration) ได้รายงานว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น เป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ในบ้านมากถึง 9,600 ครั้งต่อปี แม้ว่าโอกาสที่ตู้เย็นจะเกิดเพลิงไหม้จะน้อยกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ แต่การที่เครื่องใช้ไฟฟ้ามีสายไฟชำรุดหรือมีอายุการใช้งานนานก็ยังคงมีความเสี่ยง
ดังนั้น หากตู้เย็นของคุณไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การถอดปลั๊กตู้เย็นก่อนออกเดินทางจะเป็นการปฏิบัติที่ปลอดภัยที่สุด
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะออกเดินทางไปพักร้อนระยะยาว ควรถอดปลั๊กตู้เย็นไว้ เนื่องจากเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน ตู้เย็นก็ไม่ได้ทำงาน การทิ้งตู้เย็นให้เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืนจะทำให้เปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ การหยุดใช้ตู้เย็นในบางช่วง ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้ตู้เย็นได้มากขึ้นด้วย
การเตรียมตู้เย็นก่อนถอดปลั๊กเมื่อไปเที่ยวพักร้อนระยะยาว
การเตรียมตู้เย็นให้พร้อมก่อนการถอดปลั๊กเพื่อไปเที่ยวพักร้อนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนดังนี้
- นำอาหารหมดอายุออก: ควรเอาอาหารที่หมดอายุแล้ว โดยเฉพาะประเภทที่เน่าเสียง่าย ออกจากตู้เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เมื่อคุณกลับมาจากทริป
- ทำความสะอาดภายใน: เช็ดทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมภายในตู้เย็น เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียในช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน
- แง้มประตูตู้เย็นไว้เล็กน้อย: การเปิดประตูตู้เย็นเล็กน้อยจะช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดี และป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับในตู้เย็น